ตอนที่ 4 - รอเดี๋ยว ให้ฉันหาสิ่งนั้นก่อน
ตอนที่ 4 - รอเดี๋ยว ให้ฉันหาสิ่งนั้นก่อน
เสียงที่เกิดขึ้นฉับพลันทำให้ทุกคนหันไปมองที่ประตู
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังกอดกับผู้หญิงที่ดูเจ้าชู้เดินเข้ามา
ใช่ เขาก็ดูหล่อดีนะ แต่อย่างไรก็ตาม มีคนไม่มากที่จะเอาชนะรูปร่างของเย่เทียนอี้ที่ทำให้ทุกคนสั่นไหวในเวลาไม่กี่วินาทีได้
มุมปากของเฉินช่าวอวิ๋นยกยิ้มขึ้นมายามที่เขาจ้องไปยังเย่เทียนอี้ด้วยความรังเกียจ เขากอดหญิงสาวที่ดูเจ้าชู้เอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง และถือบุหรี่ในมืออีกข้างขึ้นก่อนจะโยนมันลงไปในถังขยะ
เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันเท่ห์มาก
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวที่ค่อนข้างน่ารักในแขนของเขากลับทำให้เย่เทียนอี้ดูแปลกไป
เย่เทียนอี้แตะที่ปลายจมูกของเขา ...
เขากำลังเขินอาย
“ฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเย่เทียนอี้ผู้โด่งดัง ว่าได้ย้ายมาอยู่ที่สถาบันเทียนฉุ่ย ก็เลยขอมาดูสักหน่อย ฉันกำลังคิดว่า พี่สาวของเธอต้องใช้ความพยายามเท่าไหร่กัน และคนกี่คนที่เธอขอร้องเพื่อส่งนาย ที่เป็นขยะชิ้นหนึ่ง มายังสถาบันที่ดีที่สุดในอาณาจักรเทียนฉุ่ย?” เฉินช่าวอวิ๋นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
ผู้คนในห้องเรียนต่างเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อได้ยินคำพูดของเฉินช่าวอวิ๋น
“อะไรนะ? เย่เทียนอี้? ไอ้ขยะที่มีชื่อเสียง?”
“ฉันได้ยินข่าวลือมาว่าเขามาจากสถาบันเทียนเฉิง และเรื่องที่ว่าเขากำลังคบเล่นๆอยู่กับหลานสาวของผู้อำนวยการ มันก็เป็นแค่ข่าวลือและฉันก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจริงแท้แค่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม เย่เทียนอี้ก็เป็นน้องชายของเย่เซียนเออร์ คนที่เคยสวยเป็นอันดับ 1 ของสถาบันเทียนฉุ่ย”
“ฉันก็เคยได้ยินข่าวลือมาว่าผู้อำนวยการของสถาบันเทียนเฉิงโกรธเอามากๆและตั้งใจไว้ว่าจะฆ่าเย่เทียนอี้ทิ้งซะแล้ว ตระกูลของผู้อำนวยการก็มีอำนาจสูงที่สุดในเมืองศักดิ์สิทธิ์เทียนฉุ่ย เพราะงั้นมันเลยไม่ยากเลยที่จะฆ่าเขา แต่ว่ามีข่าวลือมาว่า เย่เซียนเออร์ พี่สาวของเขาไปขอร้องผู้อำนวยการในนามของเขา เธอไปคุกเข่าที่หน้าบ้านของผู้อำนวยการทั้งวันทั้งคืนก่อนที่เขาจะปล่อยเย่เทียนอี้ไป นี่แม่งโคตรหมาหัวเน่าเลย!”
“บ้าไปแล้ว เป็นเรื่องจริงเหรอ? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆเหรอ? ฉันสงสารเย่เซียนเออร์จริงๆสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำลงไป!”
“เย่เทียนซิ่วบอกไว้ว่า เขาก็เคยคบเล่นๆกับหลานสาวของผู้อำนวยการสถาบันเทียนเฉิง มากไปกว่านั้น เฉินช่าวอวิ๋นเรียกเขาว่าเย่เทียนอี้...หรือว่าจะ...”
“...” ทุกๆคนมองไปที่เย่เทียนอี้อย่างตกตะลึง
ทุกคนต่างโกรธเขาเนื่องจากสิ่งที่เย่เซียนเออร์ทำเพื่อเขา?
อย่างไรก็ตาม ผู้คนเหล่านี้ต่างก็อิจฉาเขาเหมือนกัน!
“ทำไมนายถึงหล่อขนาดนี้? แถมยังได้ฟันสาวสวยไปหลายคนแล้ว ! บ้าเอ้ย!”
เย่เทียนอี้ขมวดคิ้ว
ดังนั้นนี่คือความจริง เขาได้ยินเหตุการณ์มาแค่เรื่องเดียวคือตอนที่เย่เซียนออร์ไปคุกเข่าขอร้องเพื่อชีวิตของเขา แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไร เจ้าของร่างกายนี้เคยถามเธอแต่เธอไม่ได้ตอบอะไรออกมา อีกทั้ง เขาจำได้ว่าเธอไม่ได้กลับมาบ้านในตอนกลางคืนระหว่างช่วงนั้น
“แม่งเอ้ย!” เย่เทียนอี้สบถออกมาในความเงียบ
ฮั่วฉุ่ยที่อยู่ข้างเขาๆแสดงอาการตกใจออกมา
ไม่แปลกใจเลยที่เย่เทียนอี้จะแตกต่างเล็กน้อยจากกลุ่มของพวกขยะถ้านี่เป็นเรื่องจริง
“ช่างเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์สำหรับพี่สาวของเขาจริงๆ ทำไมน้องชายของเธอถึงได้ขี้แพ้ขนาดนี้ทั้งๆที่มีพี่สาวที่ทั้งเก่งและสวยขนาดนั้น เขาทำให้เธอต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง อนาคตและเกียรติของเธอ เห้อ มันจะดีกว่านี้ถ้าเขาเป็นไอ้หมาหัวเน่าเพียงคนเดียว แต่เขาเป็นขยะด้วย เขาโง่เง่าเบาปัญญา และเขาเป็นเพียงขยะที่อยู่ในขั้นก่อตั้งฉีเท่านั้น แม้ว่าเขาจะอายุ 20 ปีแล้วก็ตาม เขาเป็นผู้บ่มเพาะที่ไม่มีคุณลักษณะ ไหนมีใครบอกฉฉันได้บ้างว่าเขาแตกต่างจากบุคคลทั่วไปอย่างไร ? ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่สามารถเอาชนะบุคคลธรรมดาที่แข็งแกร่งกว่าเขาหน่อยนึงได้ด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่ทำให้เกียรติของนักบ่มเพาะต้องแปดเปื้อน” เฉินช่าวอวิ๋นพูดไปพลางถอนหายใจ
ในตอนนั้นเอง เหล่าหญิงสาวที่ลุ่มหลงในตัวของ เย่เทียนอี้ต่างถอยหลังออกไป และอยู่ห่างจากเย่เทียนอี้
มี 2 ประโยคที่เป็นที่รู้จักของทุกคนในเมืองศักดิ์สิทธิ์เทียนฉุ่ย
ประโยคแรก คือ “ดูแลหลานสาว ลูกสาว ภรรยา แม่สามี ให้ดี และระวังเย่เทียนอี้”
ประโยคที่สองคือ “ความภาคภูมิใจของเมืองศักดิ์สิทธิ์คือเย่เซียนเออร์, หมาหัวเน่าและขยะคือเย่เทียนอี้”
สองประโยคที่ถูกเล่าต่อจากพ่อแม่และปู่ย่าตายายสู่รุ่นลูก
“เย่เทียนอี้ นายคิดว่าไม่มีใครรู้ว่านายย้ายมาที่สถายันเทียนฉุ่ยงั้นเหรอ? นายจะต้องขายขี้หน้าและเป็นตัวตลกจนกว่านายจะออกจากเมื่อศักดิ์สิทธิ์เทียนฉุ่ยi!” เฉินช่าวอวิ๋นจองมองไปที่เย่เทียนอี้อย่างหยิ่งผยอง
ถ้าตระกูลเย่ยังมีอำนาจอยู่ในตอนนี้ เขาคงไม่กล้าที่จะยั่วยุเย่เทียนอี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตระกูลเย่ได้ตายไปหมดแล้ว และเหลือเพียงเย่เซียนเออร์ที่เป็นน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาไม่กล้ากับเย่เซ๊ยนเออร์เพราะเขารู้ว่าเธอไม่สามารถเป็นของเขาได้ มีหลายคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา หรือมาจากตระกูลที่แข็งแกร่งกว่า ที่อยากจะได้เย่เซียนเออร์ แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปเป็นเรื่องจริงและเย่เซ๊ยนเออร์จะไม่สามารถต่อต้านเขาได้!
“เอาไงต่อดีล่ะ?”
“นายยังกล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่ออีกหรอ?”
เขาได้พลาดปัจจัยสำคัญ 1 อย่างไปจากแผนของเขา! อย่าพูดถึงเย่เทียนอี้ในปัจจุบันเลย แม้กระทั่งเย่เทียนอี้คนก่อนก็ยังไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่เลย
แปะ
เย่เทียนอี้นั่งลงบนโต๊ะ เขาหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดมัน เขาสูบมันเข้าไปฟอดใหญ่แล้วหายใจเอาควันออกมาเป็นคำบนอากาศ...
‘โง่’
ฝูงชน “...”
“ติ้ง... คุณประสบความสำเร็จในการกระตุ้นทุกคน คะแนนสะสมเพิ่มเติม +50,000 ความคืบหน้าของภารกิจในปัจจุบัน 10%”
ใช่จริงๆด้วย ทุกๆคนคิดว่าเย่เทียนอี้จะวิ่งหนีออกไปด้วยความอับอาย แต่กลับกัน เขาเพียงโชว์เท่ห์ออกมาฉากหนึ่งเพียงเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวหลายคนต่างคิดว่าเขานั้นเท่ห์เอามากๆหลังจากที่ค้นพบว่าทำไมเย่เทียนอี้คนๆนี้ถึงได้หล่อเอามากๆตอนที่สูบบุหรี่? เขาสามารถพ่นควันเป็นคำได้ด้วย ?
พวกเธอต่างต้องการเขาแม้ว่าเขาจะเป็นไอ้หมาหัวเน่าก็ตาม!
แต่จริงๆแล้ว มันเป็นแค่เพียงความคิดชั่วขณะ พวกเธอไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นจริงๆหรอก
ฮั่วฉุ่ย มองมาที่เย่เทียนอี้ด้วยรอยยิ้ม
มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เธออยากรู้ว่าไอ้หมาหัวเน่าคนนี้จะสู้กลับอย่างไร
เขาไม่สามารถโต้กลับได้ถ้าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แม้ว่าเขาจะมีข้อโต้แย้งที่ดีก็ตาม เฉินช่าวอวิ๋นอยู่ในจุดที่มีคุณธรรมสูง เพราะฉะนั้น ทุกๆสิ่งที่เขาพูดออกมาก็จะไร้ค่า คำที่เขาพ่นออกมามันก็สนุกดีที่จะมอง แต่ว่าก็ยังไร้ประโยชน์เกินไปที่จะสู้กลับ ถ้าเธออยู่ในสถานการณ์นี้ เธอคงไม่สามาถคิดหาทางออกภายใต้สถานการณ์นี้ได้แน่ๆ
เฉินช่าวอวิ๋นจ้องมองไปที่คำว่า“โง่”ที่ค่อยๆหายไปตรงด้านหน้าของเย่เทียนอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ แต่อย่างไรก็ตาม เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะข่มมันเอาไว้ เขาไม่สามารถสู้ได้เพราะมันจะกลายเป็นความผิดของเขาถ้าเขาเริ่มก่อน อีกอย่างหนึ่ง ใครก็ตามที่ไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้ก็จะเป็นฝ่ายที่แพ้ เขาปฎิเสธที่จะแพ้แม้ว่าเขาจะโกรธก็ตาม
“อะไรนะ ? นายกำลังดูถูกฉัน? ฮ่าๆๆ สิ่งที่นายทำได้คือแค่ดูถูกคนอื่นงั้นเหรอ... ฮ่าๆๆ” เฉินช่าวอวิ๋นหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อย่ารีบสิ ให้ฉันหาบางสิ่งที่ฉันคิดว่ามันอยู่กับฉันตรงนี้ก่อน” เย่เทียนอี้ก้มหัวตัวเองลง เขาคาบบุหรี่เอาไว้ที่ปากและหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา
ทุกๆคนต่างสงสัยว่าเขากำลังทำอะไร?
“โอ้ เจอล่ะ” เย่เทียนอี้กระโดดลงมาจากโต๊ะ “แปปนึงนะ ขอขยายตัวหนังสือก่อน”
หลังจากที่เย่เทียนอี้วางโทรศัพท์มือถือของเขาไว้บนโต๊ะ เขาก็เดินเข้ามาหาเฉินช่าวอวิ๋นก่อนจะตบไหล่ของเขา
“นี่คือของขวัญสำหรับนาย” หลังจากที่พูดจบ เย่เทียนอี้สูบบุหรี่เข้าไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกไป
ทุกๆคนมองไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะอย่างสงสัย ก่อนที่ดวงตาของพวกเขาจะเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน
บ้าอะไรเนี่ย?