ตอนที่ 153 นี่ไม่ใช่การต่อรอง
ทันทีที่เหนือภพมาถึงสำนักงานฮันเตอร์ เขาก็ถูกพาไปยังอาคารผู้บริหารที่อยู่ในตำแหน่งที่ลึกลับที่สุดของสำนักงานฮันเตอร์ มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับ 2 เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาที่นี่ เหนือภพไม่เคยคิดฝันว่าเจ้าหน้าที่ระดับ 1 อย่างเขาจะได้รับโอกาสเข้ามาที่นี่ด้วย เหนือภพเดินตัวตรงยืดอกผึ่งผาย ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่ระดับ 2 คนหนึ่งเข้าไปในห้องรับรองที่เงียบเหงาไร้ผู้คน
ห้องรับรองห้องนี้ดูเรียบง่าย ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีวิวทิวทัศน์ให้ดู ไม่เน้นการตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาด ไม่มีสิ่งของราคาแพงตามสมัยประดับอยู่ พื้นและผนังกรุด้วยไม้โบราณแบบอนุรักษนิยม ภายในห้องนี้มีเพียงชุดโต๊ะรับรองสีน้ำตาลเข้มแซมละอองทองตั้งอยู่กลางห้องหนึ่งชุด อันประกอบไปด้วยโต๊ะไม้และเก้าอี้ไม้อีกสี่ตัว และมีเชิงเทียนขนาดใหญ่ ที่มีเทียนอยู่ประมาณสามสิบแท่ง นอกจากนี้ก็ไม่มีสิ่งใดอื่นอีก
เหนือภพทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง และทันทีที่เขาสัมผัสเข้ากับเก้าอี้ไม้รูปทรงเรียบง่ายนี้ เขาก็รู้สึกทึ่ง ไม่ทราบว่าไม้นี้เป็นไม้ชนิดใด แต่มันช่างดูเก่าแก่เหนือกาลเวลามาก ผิวสัมผัสแข็งแต่เย็นลื่น มันไม่ทำให้ส่วนใดของร่างกายเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งมันยังมีกลิ่นหอมประหลาดค่อย ๆ ลอยขึ้นมาแตะจมูกอย่างอ่อนจาง ทว่ามันทำเขารู้สึกสดชื่น สบายอกสบายใจได้อย่างประหลาด เหนือภพจึงนั่งลูบคลำเก้าอี้ไม้อย่างสบายใจ ต่อให้เขาต้องรออีกนาน เขาก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไร
‘อยากได้ไม้แบบนี้ไปทำเป็นเก้าอี้โยกจัง’
เหนือภพคิดไปด้วยลูบคลำเก้าอี้ไปด้วย เขากำลังจินตนาการถึงการมีบ้านเป็นของตัวเอง จู่ ๆ ภาพพราวจันทร์นอนอุ้มลูกน้อยอยู่บนเก้าอี้โยกก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา หญิงสาวที่จัดว่าสวยที่สุดในแคว้นกับเด็กน้อยผิวขาวตัวอ้วนจ้ำม่ำ ทำให้เหนือภพหลงอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง เขาสะบัดหัวและพูดกับตัวเองอย่างแก้เก้อ
‘ทำตัวเป็นเด็กหนุ่มเพ้อเจ้อไปได้ พอ ๆ’
ไม่ถึงนาทีจากนั้นเก้าอี้ตรงข้ามกับเหนือภพก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น มีการรวมตัวกันของปราณอาคมจากขนาดเท่าฝุ่นละอองเล็ก ๆ ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นโครงร่าง มวลอาคมอัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นร่างชายวัยกลางคนผมขาวโพลน ที่สวมใส่เครื่องแบบสำนักงานฮันเตอร์ระดับสูง เขาอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าหน้าที่ระดับ 3
เหนือภพมองดูการเปลี่ยนแปลงด้วยจิตใจที่ผ่อนคลาย เมื่อชายคนนั้นขยับตัว เหนือภพจึงได้สติรับรู้ เขารีบเปลี่ยนท่าทีสงบเสงี่ยมมากขึ้น ประสบการณ์ทำให้เขารู้ว่าคนแก่พวกนี้ก็เหมือนขิง ยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด เขาอาจจะก้าวร้าวกับผู้อื่นได้ แต่ไม่ใช่กับตาแก่พวกนี้
“เอ่อ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอะไรกับเจ้าหน้าที่ตัวน้อย ๆ อย่างข้าหรอครับ”
เหนือภพมีท่าทีเหมือนเด็กว่านอนสอนง่าย ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากส่วนกลางรู้สึกดีกับเหนือภพมากขึ้น เหนือภพช่างผิดกับคำร่ำลือที่เคยได้ยินมา แต่เขาพอได้คุยรายละเอียดเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่ส่วนกลางต้องการขอความร่วมมือจากเหนือภพ เจ้าหน้าที่ส่วนกลางก็ยิ่งเห็นธาตุแท้ของเหนือภพมากขึ้น
“นี่ตาแก่ เจ้าจะเอาเปรียบข้าให้ได้เลยใช่ไหม ถ้าทำแบบนี้มาตีกันเลยดีกว่า เอาสักตั้ง เจ้าไม่รู้รึไงว่ากว่าข้าจะได้ภารกิจระดับสูงนั้นมา ข้าต้องพยายามขนาดไหน เอะอะจะมาขอให้ยกภารกิจส่วนนั้นให้ เอาอะไรมาคิด ท่านคิดว่าข้าเป็นนักบุญหรือไง หากเงินไม่ถึงก็อย่ามาคุยกับข้า”
เหนือภพตะโกนกลับในท่าเหยียบเท้าขวาไว้บนโต๊ะ เท้าซ้ายเหยียบยันเก้าอี้ เจ้าหน้าที่ส่วนกลางผงะถอยหลังเล็กน้อย นานนักหนาแล้วที่เขาถูกคนตะคอกใส่แบบนี้ แม้เขาจะไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังตกใจกับท่าทางวางโตของเหนือภพ ในตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าเหนือภพนั้นร้ายกาจกว่าชื่อเสียงของเขามากนัก
“ชิ”
เหนือภพใส่อารมณ์เต็มที่ จนโต๊ะแตกหักพังครืน เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดชายเสื้อเดินตรงไปที่ประตูอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเบื่อพวกชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่
‘จะมาฮุบภารกิจระดับสูงของข้าไปหรอ คิดว่าโลกนี้เป็นของตัวเอง อยากได้อะไรก็ได้งั้นหรอ ฝันไปเถอะ’
เหนือภพคิดอย่างหงุดหงิด โดยไม่รู้เลยว่าตัวเขาเองก็ใกล้จะเป็นคนพวกที่เขาไม่ชอบซะเอง
“เจ้าหนุ่ม หากเจ้าจากไป สิ่งที่คุยกันไว้ก็เป็นอันยกเลิก”
เหนือภพหันหลังขวับ สีหน้าเอาเรื่องขณะจ้องมองชายวัยกลางคนผมขาวที่ยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้มใจเย็น
“ดูเหมือนเจ้าอยากจะตีกับข้าให้ได้สินะ”
เมื่อเหนือภพเห็นว่าเจ้าหน้าที่ส่วนกลางไม่ตอบโต้ด้วยความก้าวร้าวรุนแรง เขาก็กลับมานั่งที่เดิม จะว่าไปถ้าคิดทบทวนดูดี ๆ เขาก็รู้สึกเสียดายที่จะต้องเสียสิทธิ์การเลื่อนขั้นเป็นฮันเตอร์แรงค์ D สิ่งนี้จะทำให้สิ่งที่เขาเคยพูดไว้กับเมียจ๋าเป็นจริง แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้เมียจ๋าผิดหวังในตัวเขา คนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเขาควรมีอะไรสักอย่างให้เธอได้เชื่อมั่น เหนือภพหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดอย่างระมัดระวัง
“ข้ารู้ว่าคำพูดจากปากท่านย่อมศักดิ์สิทธิ์ ถ้าท่านบอกว่าข้าผ่าน ข้าก็ผ่าน ถ้าท่านบอกไม่ผ่าน ข้าก็ไม่มีทางผ่าน เอางี้ ข้ายอมให้ข้อมูลภารกิจระดับสูงแก่พวกท่าน แต่มีข้อแม้คือข้าต้องไปทำภารกิจด้วย และที่สำคัญทรัพย์สินมีค่าที่ข้าพบเจอระหว่างภารกิจจะต้องเป็นของข้า ห้ามใครยึดเด็ดขาด”
เจ้าหน้าที่ส่วนกลางได้ยินเช่นนั้นก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มอย่างพอใจ เขารู้ว่าจะจัดการกับพวกคนหนุ่มอย่างไร มีไม่กี่อย่างหรอกที่พวกคนหนุ่มต้องการ
“แน่นอน ยังไงหน้าที่นี้ก็จำเป็นต้องมีเจ้า ส่วนทรัพย์สินที่เจ้าพบระหว่างภารกิจนั้นข้ารับปากไม่ได้ เพราะเป้าหมายของภารกิจก็คือทรัพย์สินที่ว่า เจ้าต้องนำมาให้สำนักงานส่วนกลาง”
“ข้าไม่ทำงานกับพวกท่านฟรี ๆ หรอกนะ ทรัพย์สินนั้นต้องเป็นของข้า ข้าไม่สนใจหรอกว่าภารกิจของท่านจะเป็นอะไร แต่รู้ไหมว่ามันคือของข้า ท่านเองก็อายุปูนนี้แล้วคงรู้นะว่าการจะเอาของคนอื่น ๆ มามันต้องมีการแลกเปลี่ยน”
เหนือภพต่อรองคอเป็นเอ็น เขาจริงจังมากราวกับว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นกองอยู่เบื้องหลังเขา และมันกำลังจะโดนแย่ง ถึงแม้ใครต่อใครจะมองว่าเขาขี้งก เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขาคือคนที่ต้องไปตะลุยทำภารกิจ เขารู้ดีความมันมีความเสี่ยงมากมายแค่ไหน ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้มันต้องคุ้มค่าไม่น้อยไปกว่าชีวิตของเขา
เจ้าหน้าที่ส่วนกลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“ข้าก็แลกกับเจ้าอยู่นี่ไง ข้าจะยกเว้นเรื่องการสอบภาคทฤษฎีให้เจ้า เจ้าจะได้สิทธิ์สอบภาคปฏิบัติ และด้วยความสามารถของเจ้าแล้ว เป็นเรื่องง่ายมากที่เจ้าจะเลื่อนขั้นเป็นฮันเตอร์แรงค์ D เจ้าไม่คิดว่าการแลกเปลี่ยนนี้คุ้มค่าหรอกหรือ”
“ท่านคุ้มค่าไปคนเดียวเถอะ สอบแรงค์ D กิ๊กก๊อกนี่จะทำเงินให้ข้าสักเท่าไหร่เชียว อีกสามเดือนหน้าข้าค่อยสอบใหม่ก็ได้ ถ้าสอบไม่ได้ก็สอบอีกสามเดือนถัดไป ข้าไม่สอบตกไปตลอดหรอกน่า”
“เจ้าอย่าลืมว่า ภารกิจพิเศษที่เจ้าได้รับ จะต้องไปทำเรื่องติดต่อขอทำภารกิจภายในสามเดือนนับจากวันที่เจ้าได้รับมา และตอนนี้มันก็เหลือเวลาอีกแค่เดือนเศษ ๆ ถ้าเจ้ายังสอบเลื่อนขั้นเป็นแรงค์ D ในรอบนี้ไม่ได้ ภารกิจพิเศษที่เจ้าถือครองก็จะถูกถอดสิทธิ์ไปโดยปริยาย แล้วสำนักงานฮันเตอร์ก็จะนำภารกิจนี้ไปประมูลซ้ำอีกครั้ง”
เหนือภพอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ส่วนกลางยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะพูดต่อไปช้า ๆ แต่หนักแน่น
“แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าก่อเรื่องก่อราวขนาดนี้ เจ้าจะได้สิทธิ์สอบในครั้งต่อไปงั้นหรือ เจ้าก็รู้ดีว่าผลการสอบของเจ้าขึ้นอยู่กับปลายปากกาของส่วนกลาง ดังนั้นเจ้าจงคิดให้ดี ดื้อดึงเกินไปใช่ว่าจะเป็นผลดี”
คำพูดเรียบนิ่งของตาแก่เจ้าหน้าที่ส่วนกลางทำให้เหนือภพขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“ท่านขู่ข้าหรอ”
“ข้าเปล่า ข้าแค่บอกให้เจ้ารับรู้ก็เท่านั้น ส่วนเจ้าจะเชื่อหรือไม่มันขึ้นอยู่กับเจ้าเอง”
เหนือภพอยากจะโต้กลับให้เจ็บแสบ แต่เขากลับไม่รู้จะสรรหาคำไหนออกมาดี ที่สำคัญที่ตาแก่นี่พูดเป็นความจริงทุกอย่าง เหนือภพสูดลมหายใจเขาปอด ทำใจให้เย็นลง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างอดกลั้น
“แล้วท่านจะให้ข้าทำยังไง ข้าเองก็มีครอบครัว มีพี่น้องที่ต้องเลี้ยงดู ท่านจะให้ข้าไปเสี่ยงชีวิตโดยไม่ได้อะไรเลย ข้าไม่ยอมแน่นอน หากท่านยังบีบบังคับข้า ข้าก็จะไม่ยอมอีกต่อไป ต่อให้ท่านปลดข้าออกจากฮันเตอร์มืออาชีพ คนอย่างข้าไม่มีทางยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ท่านหยิบยื่นให้ ในเมื่อเส้นทางสายสว่างไม่ต้องการข้า ข้าก็จะเดินในเส้นทางมืดมิด”
สีหน้าของเหนือภพนั้นจริงจังอย่างถึงที่สุด สายตาของเหนือภพแสดงออกชัดเจนว่าเขาจะทำตามสิ่งที่พูด ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางนิ่งไปครู่หนึ่ง เขารู้ประวัติของเหนือภพดี และรู้ว่าเหนือภพมีศิษย์พี่เป็นถึงยอดฝีมือของหอโลหิต หอนักฆ่าที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ ที่สร้างความเดือดร้อนในสำนักงานฮันเตอร์มาอย่างยาวนาน เขาจะปล่อยให้มือดีอย่างเหนือภพย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้เด็ดขาด
“ข้าไม่ได้มีเจตนาบีบคั้นเจ้า ตัวข้าเองก็อยากตอบแทนเจ้า ทว่าภารกิจนี้สำคัญมากจริง ๆ มันเกี่ยวพันกับมนุษยชาติ งบประมาณมหาศาลที่สนับสนุนภารกิจนี้ถูกแจกสรรปันส่วนไปให้ผู้เข้าร่วมภารกิจ ทั้งค่าอุปโภค บริโภคในการทำนุบำรุงฮันเตอร์ระดับสูงจำนวนมาก ดังนั้นงบประมาณจึงเหลืออยู่อย่างจำกัด เพื่อแลกกับการส่งต่อภารกิจพิเศษที่เจ้าได้รับมา ทางส่วนกลางจึงสามารถมอบโอกาสให้เจ้าได้รับการสอบปฏิบัติแทน เพื่อให้เจ้ามีโอกาสเลื่อนขั้นเจ้าเป็นฮันเตอร์แรงค์ D”
“ฟังมาตั้งนาน สรุปว่าข้าจะไม่ได้อะไรเลย ถูกไหม”
เป้าหมายในหัวสมองของเหนือภพมีเพียงแต่เงินตรา ยศตำแหน่งเป็นเพียงภาพมายาที่จับต้องไม่ได้ ต่อให้สิ่งที่ส่วนกลางมอบให้จะทำให้ทุกคนอิจฉา แต่มันก็ยังดูไร้ค่าในสายตาเหนือภพ แค่ฮันเตอร์แรงค์ D เขาไม่จำเป็นต้องเอาสมบัติในอนาคตและชีวิตไปแลก
ชายวัยกลางจ้องมองเหนือภพตรง ๆ
“ถูกต้อง เฉพาะในตอนนี้ ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยน มันขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเบื้องบนอีกที และอยู่ที่ท่าทีของเจ้า หากเจ้าให้ความร่วมมือแต่โดยดี บางทีเบื้องบนอาจจะเมตตาเจ้า”
“พวกเจ้าไม่ได้สนใจว่าข้าจะยอมรับหรือไม่ แต่จะบีบบังคับให้ข้าต้องทำตามเท่านั้นสินะ”
เหนือภพพูดกัดฟัน เมื่อรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การเจรจาแต่อย่างใด เป็นเพียงบอกให้รับรู้ก็เท่านั้น ชายวัยกลางคนแสดงสีหน้าเห็นใจ ก่อนจะพูดตัดบทสนทนา
“ข้าเองก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่เล็ก ๆ จากส่วนกลาง ข้าต้องทำตามคำสั่งให้เป็นไปตามขั้นตอนการทำงาน หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ เมื่อฤดูหนาวมาถึงเจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน”
พูดจบร่างกายของเจ้าหน้าที่ส่วนกลางก็แตกตัวเป็นละอองแสงฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ก่อนจะค่อย ๆ ริบหรี่จนเลือนหายไป