ตอนที่ 152 พูดอีกทีสิ ใครเร็วที่สุด
เวนไตยมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไร ครุฑสีแดงตัวเขื่องจะก็เคลื่อนไหวตามเขา ท่าทางของทั้งคู่ช่างดูคล่องแคล่วและทรงพลังจนสนามประลองทรุดทลายไปหลายส่วน ในขณะที่เวนไตยกำลังจดจ้องพญานาคอยู่นั้น เหนือภพก็ลอบไปด้านหลังเวนไตย เมื่อสบโอกาสเขาก็กระโดดรวบกอดเวนไตยไม่ให้เคลื่อนไหวได้ ก่อนจะปักแท่งเหล็กไหลสุริยันเข้าไปในท้องน้อยของเวนไตยอย่างแรง
อั๊ก !
หากเป็นอาวุธทั่วไป มีหรือที่เวนไตยจะรู้สึกสะทกสะท้าน แต่แท่งเหล็กเล็ก ๆ นี่คืออะไร ทำไมเขาถึงเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เลย นอกจากนี้ยังเรียกใช้ปราณอาคมไม่ได้อีกด้วย เวนไตยรู้สึกว่าตัวเองปวกเปียกยิ่งกว่าเด็กทารกเสียอีก
“เจ้าให้ตั๋วข้าคนเดียวได้ยังไงเล่า เพื่อนข้ายังไม่ได้ตั๋วเลย จริงไหม ?”
เหนือภพกระซิบอยู่ข้างหูเวนไตยอย่างแผ่วเบา ทว่าฟังดูเยือกเย็นก้องอยู่ในหูของเวนไตยราวกับวิญญาณอาฆาต
เวนไตยไม่ตอบอะไร แต่พญานาคตอบด้วยการคำรามก้องก่อนจะงับครุฑอาคมของเวนไตย แล้วฉีกปีกของมันเป็นชิ้น ๆ จากนั้นกลืนมันลงไปทั้งตัว ท่ามกลางผู้เข้าสอบทั้งสนามประลองที่ส่งเสียงกรีดร้องอย่างตกใจ พวกเขาต่างวิ่งหลบหนีกันชุลมุน โชคดีที่พญานาคไม่สนใจมดปลวกพวกนี้ มิเช่นนั้นลำตัวที่ขดกินพื้นที่กว่าครึ่งสนามประลองคงกวาดผู้ค้นมาได้ทั้งหมดในคราวเดียวเป็นแน่
เหนือภพดึงเหล็กไหลสุริยันออก ก่อนจะมองเวนไตยที่มีสภาพไม่สู้ดีนัก แม้เขาจะไม่ตายแต่การสูญเสียครุฑอาคมนั้นนับเป็นความเสียหายอันใหญ่หลวง
“จะ เจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า”
เวนไตยส่งกระแสอาฆาตอย่างแรงกล้าไปให้เหนือภพ ก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ การสูญเสียสัตว์อาคมนั้นเปรียบเทียบได้กับการสูญเสียครึ่งชีวิตเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าเขาต้องบ่มเพาะครุฑอาคมอีกนานแค่ไหนกว่าจะเติบใหญ่ได้แบบนี้
“เหนือภพ ท่านทำบ้าอะไร”
บุษย์น้ำเพชรรีบพุ่งเข้ามาผลักเหนือภพออก ก่อนโผเข้าไปดูอาการเวนไตย สายตาหันกลับมาจ้องมองเหนือภพด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็นึกคำพูดที่จะต่อว่าเขาไม่ออก
“เราจะหักเงินเดือนท่าน จนกว่าเขาจะหายดี”
“ห่ะ ได้ไง” เหนือภพหน้าจ๋อยลงไปทันที
“เดี๋ยวสิองค์หญิง เจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ”
เหนือภพตะโกนไล่หลังไป แต่เขาก็ไม่ได้ติดตามเธอกับเวนไตย เหนือภพมองไปทางไผ่ดำแล้วถามซ้ำอีกครั้ง
“ไหนท่านบอกมาว่าสิว่าปักษาวายุที่ท่านว่าเร็วที่สุด ถ้าเทียบกับครุฑเมื่อกี้ใครเร็วกว่ากัน”
“ครุฑเร็วกว่า”
ไผ่ดำตอบอย่างไม่ต้องคิด เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์อสูรที่เคลื่อนที่เร็วสุดคือครุฑ ทว่าครุฑตัวจริงเป็นสิ่งที่อยู่ในตำนาน ปักษาวายุที่เป็นสัตว์อสูรบินที่เร็วเป็นอันดับสองรองลงมา จึงได้ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งไปโดยปริยาย
“นั่นไง เมื่อกี้ท่านเห็นใช่ไหมว่าครุฑถูกพญานาคกิน ท่านจะยังยืนยันอีกไหมว่าปักษาวายุเร็วที่สุด อีกทั้งพี่พญานาคของข้าเคลื่อนที่ได้ทุกภูมิประเทศ ไม่ว่าบนผิวน้ำ บนฟ้า บนผืนดิน ใต้ดิน ทะเลทราย แหล่งโคลนดูด แม่น้ำไหลเชี่ยว และป่ารกชัฏ ออกจะเก่งกาจแบบนี้ ท่านกล้าพูดได้ไงว่าพญานาคของข้าเป็นคำตอบที่ผิด”
ไผ่ดำเงียบ ทั้งครุฑและพญานาคเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันย่อมไม่มีใครรู้แน่ชัด ไผ่ดำตอบไม่ได้จึงหันมองไปยังเจ้าหน้าที่ระดับ 3 ที่ยังคงยืนมองมาอย่างสงบนิ่งอยู่ ทว่าเจ้าหน้าที่ระดับ 3 ไม่เปิดปากเอื้อนเอ่ยอะไรมาก ไผ่ดำจึงต้องคุยกับเหนือภพเอง
“ต่อให้พญานาคเร็วที่สุดแล้วยังไง เจ้าตอบถูกแค่ไม่กี่ข้อ กับอีกครึ่งข้อ นับยังไงก็ถือว่าเจ้าสอบไม่ผ่านอยู่ดี”
“เจ้าจะบอกว่า คำตอบที่ข้าบอกผิดงั้นหรือ”
จู่ ๆ พญานาคก็เปล่งคำพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์ คงเป็นเพราะครุฑที่เพิ่งกินเข้าไปเพิ่มพละกำลังให้พญานาคอย่างมหาศาล พญานาคขยายใหญ่ขึ้น เศียรที่มีเพียงเศียรเดียว เริ่มแยกออกเป็นสามเศียร จากนั้นก็เพิ่มเป็นห้าเศียร เศียรใหญ่โตทั้งห้าแผ่กว้างจนแทบจะปิดฟ้าจนมิด บรรยากาศในลานประลองมืดครึ้มลงทันใด
“ดูเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้าจะดูถูกข้า ถูกก็คือถูก มีคงมีครึ่งซะที่ไหน”
เสียงทรงอำนาจของพญานาคทำให้เจ้าหน้าที่ระดับ 3 ตัวสั่นสะท้าน ฝ่ามือเหี่ยวย่นทั้งสองข้างสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อกรของพญานาค ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองเหนือฟ้าที่ยืนอยู่ข้างกายอย่างมีความหมาย
เหนือฟ้าคือไม้ตายของเขา นอกจากจะให้เหนือฟ้ามาศึกษาดูงาน เขายังคิดจะให้เหนือฟ้ามาช่วยห้ามพี่ชายตัวป่วนไม่ให้ก่อเรื่องอีกด้วย
“พี่ค่ะ”
เหนือฟ้าเรียกเหนือภพด้วยความกังวลใจ เหนือภพหันมองเธอ แค่เขาได้มองสบตาน้องสาวตัวน้อย เขาก็รู้สึกได้ว่าความไม่พอใจของเขาค่อย ๆ ลดลง จนเขามีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ฟ้าอย่าอยู่ตรงนั้น มาหาพี่ พวกนั้นมันรังแกพี่ก่อน”
“แต่..พี่ค่ะ หยุดเถอะค่ะ รออีกสามเดือนพี่ก็สามารถสอบใหม่ได้นะคะ”
“ไม่เชื่อพี่ชายคนนี้แล้วเหรอ”
เหนือฟ้ารู้ว่าพี่ชายรักเธอมากที่สุด แม้เธออยากจะห้าม แต่เธอก็ไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก เหนือฟ้าถอนหายใจอย่างอัดอั้นก่อนจะเคลื่อนที่หายไปจากที่แห่งนี้ด้วยอาคมย่นระยะทาง แล้วไปปรากฏตัวอยู่ข้างสมุทรที่ยังนั่งอยู่บนอัฒจันทร์อย่างใจเย็น เธอไม่เลือกอยู่ข้างพี่ชาย แต่เธอก็จะไม่อยู่ขวางทางเขาเช่นกัน
พอเหนือฟ้าจากไป เจ้าหน้าที่ระดับ 3 ถึงกับเสียอาการ แม้เขาจะเป็นฮันเตอร์แรงค์ C ช่วงปลายแล้วก็ตาม แต่เขาก็อายุมากแล้ว แถมยังไม่ได้ฝึกฝนการต่อสู้มาเป็นเวลานานมากแล้ว
“เจ้าจะเอายังไงกันแน่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎ ยังไงเจ้าก็ไม่ผ่านอยู่ดี อย่าคิดจะใช้กำลังกับข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องเพิกถอนใบอนุญาตฮันเตอร์ของเจ้า”
“ใช่ ๆ”
เสียงโห่ร้องของผู้คนดังขึ้นอย่างเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่ระดับ 3 แต่แล้วพวกเขาก็เงียบเสียงลงเมื่อพญานาคฟาดหางใส่กำแพงลานประลองจนพังไปแถบหนึ่ง คนจำนวนมากรู้กิตติศัพท์ของเหนือภพดี ส่วนคนบางกลุ่มที่ยังไม่รู้ ก็จะได้รู้ในวันนี้ว่าเหนือภพก่อเรื่องอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะเมื่อคืนที่เหนือภพกับพญานาค อาละวาดจนหอหมื่นบุปผาต้องปิดบริการไปอีกนาน อาจจะใช้เวลาเป็นปีถึงจะกลับมาเปิดบริการได้ใหม่ ดังนั้น ต่อให้ไม่พอใจเหนือภพมากแค่ไหน พวกเขาก็ต้องเก็บไว้ในใจ ในตอนนี้คงทำได้แค่ภาวนาให้เจ้าหน้าที่ระดับ 3 จัดการเหนือภพอย่างจริงจังเสียที
“ท่านเจ้าหน้าที่ ข้ามิได้ตั้งใจให้เรื่องเกิดบานปลายแบบนี้”
บุษย์น้ำเพชรกลับเข้ามาในลานประลองอีกครั้ง หลังจากที่เธอพาเวนไตยออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว น้ำเสียงที่เธอใช้นั้นดูสุภาพ นุ่มนวล และอ่อนน้อม ราวกับว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ
จากนั้นเธอก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเจ้าหน้าที่ระดับ 3 พลางใช้ปราณกระซิบที่คนภายนอกไม่อาจได้ยิน
“ข้ารู้มาว่า ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับนายหญิงใหญ่ของหอหมื่นบุปผานั้นดีมากไม่ใช่เหรอ”
เจ้าหน้าที่ระดับ 3 หน้าเผือดสีทันทีที่ได้ยิน เขาไม่คิดว่าบุษย์น้ำเพชรจะใช้ไม้นี้ เธอต้องการอะไรกัน ทำไมเธอถึงช่วยเด็กหนุ่มคนนี้ถึงเพียงนี้
บุษย์น้ำเพชรยกยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบต่อ
“หากข้าจำไม่ผิด ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับนายหญิงใหญ่ของหอหมื่นบุปผานั้น…. เอ ปราณกระซิบของข้ากำลังจะหมด สงสัยต้องคุยกันแบบธรรมดาแล้วล่ะ”
บุษย์น้ำเพชรขู่อย่างใจเย็น เธอรู้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับ 3 ย่อมไม่ต้องการให้เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป และเธอเองก็แพ้ไม่ได้เด็ดขาด เหนือภพต้องเลื่อนเป็นฮันเตอร์แรงค์ D ให้ได้ในวันนี้ งานสำคัญของเธอจำเป็นต้องมีคนอย่างเหนือภพอยู่ในนั้น เหนือภพเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่เธอสามารถใช้มันฟาดฟันศัตรูได้
บุษย์น้ำเพชรกระแอมหนึ่งที ก่อนจะเปล่งเสียงพูดอย่างนุ่มนวลตามปกติของเธอ
“ท่านกรรมการ คือว่าท่านคงจะไม่พอใจที่เหนือภพไปมีเรื่องกับหอหมื่นบุปผา แต่ท่านก็ไม่ควร...”
“เลิกประชุม !”
สิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ระดับ 3 จออาคมที่เปิดฉายก็ปิดทำงาน เสียงที่ถูกขยายให้ดังขึ้นสำหรับทุกคนก็ถูกตัดขาด จากนั้นเจ้าหน้าที่ระดับ 3 ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ สร้างความแปลกใจให้กับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานฮันเตอร์และผู้ชมเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกตกใจและตื่นกลัวกับการอาละวาดของพญานาค แต่ตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยในตัวเจ้าหน้าที่ระดับ 3 แทน ฮันเตอร์ระดับสูงหลายคนมีความสามารถในการฟังประโยคคำกระซิบขององค์หญิงบุษย์น้ำเพชร บางทีสิ่งที่เธอพูดอาจเป็นความจริง บางทีอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เหนือภพสอบไม่ผ่านหลังจากไปก่อเรื่องที่หอหมื่นบุปผา เพราะก่อนหน้านี้ฮันเตอร์หลาย ๆ คนที่เคยไปก่อเรื่องที่นั่นก็ล้วนหมดอนาคตกันทั้งนั้น ไม่แน่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับ 3 อาจจะไม่ซื่อสัตย์อย่างที่คิดกัน แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นยังมีใครอีกบ้างที่มีเส้นสายเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ระดับ 3 แค่มีคนเริ่มคิด กระแสข่าวซุบซิบก็แพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง
บุษย์น้ำเพชรเดินเข้ามาปลอบใจเหนือภพราวกับนายหญิงผู้เมตตา จากนั้นเธอก็พาเหนือภพเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เก็บซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด อีกไม่นานคงเกิดการจลาจล ที่เกิดจากความคับข้องใจเกี่ยวกับการสอบฮันเตอร์ คนที่สอบไม่ผ่านคงพากันลุกฮือภายในเวลาไม่กี่นาทีเป็นแน่
เหนือภพกลับมานั่งรออยู่ที่บ้านฮันเตอร์เพชรการเวกตามคำสั่งองค์หญิง ไม่นานจากนั้นก็มีคนส่งจดหมายของสำนักงานฮันเตอร์มาให้เหนือภพ ข้อความในจดหมายระบุว่าส่วนกลางของสำนักงานฮันเตอร์ต้องการเจรจา
“เจรจา ?”
เหนือภพถามคนจากหน่วยข่าวของสำนักงานฮันเตอร์อีกครั้ง หลังจากอ่านเนื้อความในจดหมายจบ เขาไม่มั่นใจว่าส่วนกลางเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ตอนนี้เขาเป็นฮันเตอร์ภายใต้สังกัดสำนักงานฮันเตอร์ สาขาอมตะนคร ทว่าส่วนกลางคือสำนักงานใหญ่ที่ควบคุมดูแลสำนักงานฮันเตอร์ทุกสาขาอีกที หวังว่าเขาคงไม่ได้ไปจุดไต้ตำตอคนใหญ่คนตาเข้าหรอกนะ
“ข้าไม่รู้รายละเอียดมาก แต่ว่าส่วนกลางต้องการเจรจากับเจ้า..”
คนจากหน่วยข่าวเว้นคำพูด แล้วก็มองบุษย์น้ำเพชรอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนจะพูดจบประโยคด้วยเสียงดังฟังชัด
“ตามลำพัง”
“กับข้าเนี่ยนะ” เหนือภพหันมองบุษย์น้ำเพชรเพื่อขอความคิดเห็น เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรก็แสดงว่าไม่มีปัญหา
“ได้ งั้นนำไปเลย”
ก่อนเหนือภพจะออกไปพ้นประตู เขาก็หันหลังตะโกนกลับมา
“นี่เจ้านาย เดี๋ยวเสร็จเรื่องทั้งหมดแล้ว ข้าจะมาหานะ”
เหนือภพตะโกนบอกด้วยรอยยิ้ม แม้ตอนนี้ใบหน้าของเจ้านายสาวจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่เหนือภพก็ไม่ถือสา ถ้าเธอไม่โกรธเขาเลยก็คงแปลก คนสนิทของเธอถูกเขาเล่นงานขนาดนั้น ต่อให้หายเป็นปกติดี แต่พลังอาคมก็คงไม่เหมือนเดิมอยู่ดี เท่ากับว่านางสูญเสียมือขวาของนางไปอย่างถาวร