Modifier Chapter 9-10
Modifier Chapter 9
ฟุ่บบ!
ในเวลานี้หลินเฟยก็ได้ยินเสียงที่ผิดปกติดังมาจากด้านหลังและรีบหันกลับไปดู.
มีเมือกเหลวสีเขียวพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของเขา!
แผละ!
มีของเหลวระเบิดและเริ่มกัดกร่อนผนังรอบๆและพื้นอาคารทันที.
หลินเฟยถอยหลังไปสองก้าว แต่โชคดีที่เขามีinvincibleและของเหลวหนืดๆนั้นไม่โดนเขา.
เขามองไปที่ผนังและพื้นที่ถูกกัดกร่อนอีกครั้ง.
"มันเป็นกรดงั้นรึ?"
เมื่อซอมบี้เห็นว่ามันโจมตีเขาพลาด มันก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม มันหันหลังและหายไปในความมืด.
"จะหนีหลังจากที่ถ่มน้ำลายออกไป?"หลินเฟยกำหมัดแน่นและวิ่งตามมันไป.
ซอมบี้ตัวนี้ดูเหมือนจะฉลาดอย่างมาก มันวิ่งไปยังทางที่มีซอบบี้มากมาย.
อย่างไรก็ตาม......
ตูมม!
ซอบบี้ธรรมดาๆตัวหนึ่งถูกหลินเฟยเตะออกไปจนร่างของมันขาดกลางอากาศ.
การต่อสู้และการไล่ล่านี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลที่เงียบสงบในเวลากลางคืน!
ทันใดนั้น ซอมบี้ก็หยุด.
มันหันหัวกลับมาพร้อมกับอ้าปากและจากนั้นพิษสีเขียวหนืดก็ออกมาจากปากของมัน การแสดงออกของหลินเฟยเปลี่ยนไปเพราะเขารู้สึกไม่ดีเล็กน้อย.
เขายกมือขึ้นและจับซอบบี้ข้างๆมาขวางหน้าของเขา.
หลังจากที่ซอมบี้พ่นกรดเสร็จแล้วมันก็หนีไปอีกครั้ง
"แกคิดว่าจะลอยนวลได้?"หลินเฟยหรี่ตาเล็กน้อยและดูเหมือนว่าความฉลาดของซอมบี้ตัวนี้ไม่ได้ธรรมดาและเขาต้องใช้ทักษะจริงๆของเขาสักที.
เขามี unlimited physical strength เขาจึงไม่กลัวหากต้องจะวิ่งต่อไป.
แม้ว่าเขาจะวิ่งเข้าหาซอมบี้ตัวนั้นอย่างสุดตัว เขาก็ไม่มีปัญหา เพราะมันก็แค่วิ่งเท่านั้น.
หลินเฟยเปิดใช้งาน super speed.
เขาไม่ต้องกังวลว่าโรงพยาบาลจะพังเมื่อเขาใช้ goes through the wall.
หวืดด!
เพียงเขาเคลื่อนไหว หลินเฟยก็อยู่ห่างออกไปไกลถึง 100 เมตร!
นี่คือความเร็วจากการเดินธรรมดา ด้วยวิธีนี้เขาอาจเข้าถึงความเร็วเสียง.
ซอมบี้ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านหลัง มันจึงหันกลับมามองและไม่เห็นอะไรอีก มันคิดว่าหลินเฟยตามมันไม่ทัน.
แต่เมื่อมันหันไปรอบๆอีกครั้ง มันก็ต้องตกใจ.
หลินเฟยยืนอยู่ด้านหน้าของมัน.
ตั้งแต่เมื่อไหร่?
มันอ้าปากพร้อมที่จะพ่นพิษออกมาอีกครั้งก่อนที่จะหมุนตัวและหนีไป.
ด้วยฟังก์ชั่น super speed หลินเฟยรู้สึกว่าทุกอย่างด้านหน้าของเขาช้าเป็นอย่างมาก เขาหลบพิษด้วยการเอี้ยวตัวเท่านั้น.
"แกคิดว่าจะหนีได้?"
พร้อมกับรอยยิ้ม เขาไล่ตามจับมันอีกครั้ง.
เมื่อซอมบี้เห็นหลินเฟยมาด้านหน้าของมันอีกครั้ง มันก็ตกใจอีกรอบ.
เดี๋ยวนี้มนุษย์วิ่งเร็วแบบนี้แล้วหรอ?
หลินเฟยกำลังจะลงมือ เขาก็เหลือบมองไปเห็นเวลา ขณะที่ซอมบี้กำลังรอชะตากรรม ตอนนี้มันเที่ยงคืนแล้วและเขายังต้องนอน.
ตูมม--
แต่ขณะที่หลินเฟยกำลังชก จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านข้างและจากนั้นกระทิงขนาดเท่าภูเขาก็ออกมาจากกำแพงที่แตก.
"มันยังไม่ใช่เวลาที่แกจะมาแส่"
หลินเฟยไม่แม้แต่จะมองมัน พร้อมกับฟาดหลังมือไปที่กระทิง กระทิงที่สูงกว่าสามเมตรก็หมุนติ้วๆและร่างแหลกสลายไปบนอากาศ
"ตาแกแล้ว."
สายตาของเขาสบกับซอมบี้ด้านหน้า.
นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า? ซอบบี้เห็นฉากด้านหน้าของมัน แม้ว่าจะมีไวรัสที่กำลังควบคุมไม่ให้มันหนีไป
แค่เพียงโดนหลังมือ กระทิงก็กระจายเป็นชิ้นๆ?
หลินเฟยหยิบก้อนหินจากรอบๆและขว้างใส่มันไปเบาๆ.
ตูมมม!
ก้อนหินลอยออกไปพร้อมกับเสียงโซนิคบูม!
เกิดพายุพัดไปรอบๆทางเดินและกำแพงก็กระจายออกจากกัน ซอมบี้นั้นไม่ได้มีความเร็วเทียบเท่าเสียง มันไม่มีโอกาสได้ตอบสนอง มันถูกบดขยี้ด้วยหินขนาดเท่ากำปั้น.
นี่คือก้อนหินงั้นหรอ?
มันเป็นลูกปืนใหญ่ชัดๆ!
"ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น"หลินเฟยมองไปที่ทางเดินที่ยุ่งเหยิงและแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ลงมือทำอะไรลงไปก่อนที่จะออกไป
"ฮือออ ฮืออ-"
แต่ในโรงพยาบาล เขาได้ยินเสียงร้องเบาๆ.
Modifier Chapter 10
เสียงเด็กสาวร้องไห้?
"กลางค่ำ กลางคืน ใครมันบ้าจะมาร้องไห้ในโรงพยาบาล?"หลินเฟยรู้สึกแปลกๆ เขามองไปรอบๆและพบต้นตอของเสียงร้อง
ไม่มีเด็กสาว.
มันเป็นซอมบี้.
"เดี๋ยวนี้มีแต่ซอมบี้ที่มีความฉลาดขนาดนี้เลย มันเหมือนกับงูหางกระดิ่งที่มักจะสั่นหางของมันเพื่อล่อเหยื่อให้มาถึงหน้าประตู"
หลินเฟยเดินเข้าไปหามัน เขาเดินผ่านกำแพงและปรากฏตัวต่อหน้าของซอมบี้.
ซอมบี้ที่กำลังคิดว่าจะกินอาหารอย่างไรก็ลืมที่จะส่งเสียงร้องออกมา.
เพราะมันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี.
ทำไมคนๆนี้ถึงไม่เปิดประตูเข้ามา?
หลินเฟยโบกมือไปอย่างลวกๆและซอมบี้ก็กระเด็นชนกำแพงก่อนที่เสียงต่างๆจะเงียบลง ทันใดนั้นโรงพยาบาลก็ทันที.
"กลับไปนอนซะ"เขาพูด.
วันนี้เขาได้ของมาเยอะแล้ว เขามีทั้งน้ำและอาหาร แม้ว่าจะเป็นอาหารแห้ง แต่ก็ไม่ทำให้อดตายในอนาคต จากนั้นก็มียารักษา.
"พรุ่งนี้ค่อยไปหาเสื้อผ้ามาใส่"หลินเฟยพึมพำ.
"ถ้าให้ดี เราต้องหาอาหารหลักๆมาให้ได้"
ข้าวและแป้งสาลี ล้วนเป็นอาหารหลัก ถ้าคุณต้องการกินขนมปังและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่เสมๆ คุณต้องเหนื่อยตายแน่ๆ.
"หม้อและกะทะต้องมี เราต้องหาวิธีที่จะได้น้ำร้อนมาอาบน้ำ"
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หลินเฟยก็รู้สึกว่ามันยากมากที่จะอยู่ในโลกโลกาวินาศนี้และเขาไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะผ่านวันที่ยากลำบากเหล่านี้มาได้อย่างไร
วันต่อมา.
หลินเฟยตื่นขึ้นมาก่อนรุ่งสาง.
ไม่มีแอร์และเขาก็ตื่นมาเพราะร้อนเกินไป เขาจำได้ว่าเขาพึ่งจะมาต่างโลกทันทีหลังจากที่เขาตื่น.
"อยากกลับบ้าน...."
หลังจากตื่นแล้วเขาก็ใส่เสื้อผ้าและกินอาหารเช้า จากนั้นเขาก็แบกเป้พร้อมเดินทาง
เขายังจำเป้าหมายของเขาที่คิดไว้เมื่อคืนนี้ รินถนนมีร้านขายเสื้อผ้ามากมายและเขาก็ไม่กังวลว่าอาหารจะบูดได้ง่ายๆ.
หลินเฟยหยิบและเอามาทุกอย่างตลอดทั้งทาง.
เขาไม่ต้องการเสื้อผ้ามากมาย หลังจากที่ผู้ชายใส่มีเสื้อเปลี่ยนแค่สองสามชุดก็พอ มันควรจะอยู่ถึงครึ่งปี.
แต่เขายังต้องการเสื้อกันหนาว.
ในขณะที่เขาหยุดเดินทาง เขาก็มองไปยังชื่อร้านที่ใหญ่โต.
"ร้านเสื้อผ้าเมือง A."
เมื่อมองขึ้นไปเขาก็เห็นผ้าฮาโอโมริ*กำลังปลิวไสว จากนั้นเขาก็คิดได้ว่าเขาออกเดินทางมานานแล้ว.(*ผ้าฮาโอโมริ ถ้าคิดไม่ออกให้คิดถึงชุด ทันจิโร่ ในการ์ตูน พิฆาตอสูร)
เมื่อเขาเข้าไปดู หลินเฟยตัดสินใจอย่างเฉียบขาด ประตูยี่เฉิง*ไม่ได้ปิดและทางเข้าที่ประตูก็ยุ่งเหยิงและมีคราบเลือดติดเสื้อผ้า.(*ประตูยี่เฉิงเป็นประตูทางเข้าที่มีเสาขนาดใหญ่สองข้างทำคล้ายกับทางเข้าวัดยี่เฉิง)
แต่เมื่อเข้าไปด้านใน มันสะอาดมาก.
กรรรร!
ทันใดนั้นซอมบี้ตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากมุมห้อง แต่หลินเฟยคว้าไปที่หัวของมันด้วยมือเพียงข้างเดียวและโยนมันออกไปด้านนอก.
ตูมมม!
ถนนกลายเป็นหลุม.
ซอมบี้กระแทกถนนอยู่ตรงนั้นและไม่อาจขยับได้อีก.
"อย่าทำให้เสื้อเปื้อน ไอ้นี่!"หลินเฟยพูด
และในเวลาเดียวกัน.
ในชุมชนตรงข้ามโรงพยาบาล ผู้รอดชีวิตหลายคนก็เดินออกจากห้อง.
"แกยังจำภารกิจของแกได้ไหม?"หวางหลิงกระซิบ
"จำได้"ผู้รอดชีวิตหลายคนพยักหน้า
จากนั้นเขาก็ยิ้มและเดินไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับคนอีกสองสามคนและในเวลาเดียวกันเขาก็พูดว่า"เมื่อวาน ฉันไม่เห็นคนๆนั้นออกมา ฉันคิดว่าเขาตายแล้ว"
"บางทีเขาอาจจะล่อซอมบี้ไปยังจุดลับตาและกลายเป็นอาหารให้กับซอมบี้พวกนั้น"
"ของในโรงพยาบาลเป็นของเรา!"
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเกร็งขึ้นๆและมุมปากของเขาก็แทบจะฉีก"ถ้าเราได้ยามา เราก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ สาวงามและอาหารต่างๆได้มากเท่าที่เราต้องการ!""
คนอื่นๆหัวเราะ
พวกเขาต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอวันนั้น.
แต่ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างขณะที่เขาเดินไปที่ประตู.
"มีรูใหญ่อยู่ข้างประตู?"พวกเขาต่างมองกันอย่างประหลาดใจ.