บทที่ 35 หารือความร่วมมือ(อ่านฟรี04-01-2021)
ที่ร้านอาหารมีคนสี่คนเดินเข้ามา คนที่เดินอยู่ด้านหน้าคือชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนกลม และทั้งสามคนที่ติดตามเขาเป็นคนที่ซูยี่ไม่คาดคิดนั่นก็คือ ซิมิโรต์, เรม และเวลล่า
สิ่งที่ทำให้ซูยี่ประหลาดใจคือการแสดงออกของซิมิโรต์
เนื่องจากคนคนนี้มีพลังเวทย์เป็นอันดับสองของห้องแล็บเขาจึงมักจะทำตัวหยิ่งผยอง แต่ตอนนี้ต่อหน้าชายวัยกลางคนร่างท้วมคนนี้เขากลับก้มหน้าและประจบประแจงเขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำตัวเหมือนคนรับใช้ แต่เขาก็อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำมากซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่ซูยี่เห็นในเวลาปกติ
สำหรับเรมที่อยู่ข้างหลังเขาแม้ว่าท่าทีของเขาจะไม่ชัดเจนเท่าของซิมิโรต์แต่เขาก็เผยให้เห็นน้ำเสียงที่ประจบกับชายวัยกลางคน เขาไม่ได้ส่งเสียงดังและไม่ประมาทเหมือนที่เขาอยู่ในห้องทดลองตามปกติ
เวลล่ายังคงรักษาท่าทางเย็นชาตามปกติซูยี่สามารถเห็นร่องรอยของการดูถูกบนใบหน้าของเธอ
ไม่ทราบว่าเธอดูถูกชายวัยกลางคนคนนี้หรือว่าเป็นซฺมิโรต์กับเรม
สเตลล่าเห็นท่าทางแปลก ๆ ของซูยี่จึงหันไปดูที่ทางเข้าเธอก็แสดงท่าทางแปลกๆออกมาเช่นกัน
ร้านอาหารแห่งนี้ไม่ใหญ่นักและซูยี่เองก็ไม่ได้นั้งอยู่ห่างจากทางเข้าเท่าไหร่นัก เมื่อทั้งสองคนมองเห็นกลุ่มของซฺมิโรต์ เวลล่าที่เดินตามหลังมาก็สังเกตุเห็นพวกเขาเช่นกัน
“ซูี่ยี่ สเตลล่าพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน?” เวลล่าถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ซิมิโรต์พยายามโน้มน้าวให้ชายวัยกลางคนเปลี่ยนสถานที่รับประทานอาหารกลางวัน แต่เมื่อได้ยินเวลล่าเอ่ยชื่อซูยี่และสเตลล่าเขาก็รู้สึกแปลกใจทันที
เขามองไปและเห็นซูยี่กับสเตลล่านั่งอยู่ตรงข้ามกันที่โต๊ะโดยไม่มีใครอยู่รอบ ๆ พวกเขา ใบหน้าของเขาจมลงเล็กน้อย
ไอ้ซูยี่คนนี้! เขากำลังทำอะไร? เขาทานข้าวเที่ยงกับคุณหนูสเตลล่าในสถานที่แบบนี้สองต่อสอง บัดซบ!
“ อืมมาทานข้าวน่ะแล้วเจ้าล่ะเวลล่ามาทำอะไรที่นี่กัน” ซูยี่ยกมือขึ้นทักทายเวลล่าและเรมโดยไม่สนใจซฺมิโรต์“ที่นี่อยู่ค่อนข้างไกลจากหอคอยเวทมนตร์ เจ้าคงไม่ได้มาไกลขนาดนี้เพื่อมาทานข้าวหรอกนะ”
เวลล่ามองไปที่เรมแล้วเขาก็ตอบด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัด“เรา… .. มาที่นี่กับแขก”
“แขกเหรอ”ซูยี่มองไปที่ชายวัยกลางคนและพบว่าเขาไม่มีออร่าของนักเวทย์เลย“นี่น่าจะเป็นแขกของหอคอยเวทมนตร์ใช่ไหม เจ้าช่วยแนะนำข้ากับเขาหน่อยสิ”
“แน่นอนว่าเราแนะนำให้ได้ แต่ว่าซูยี่เจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัตินั้นหรือ” ซิมิโรต์ ตัดบทและพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า“ข้าจะบอกเจ้าให้แล้วกันว่าท่านนี้คือประทานฟาร์ซัคจากเมืองซาลตั้นประธานฟาร์ซัคเป็นเจ้าของหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซาลตั้นไม่ใช่สิ่งที่บริษัทเล็กๆบางบริษัทจะสามารถเปรียบเทียบได้” เมือ่อพูดจบซิมิโรต์ก็จงใจมองไปที่ซูยี่ด้วยความเหยียดหยามในสายตาของเขา“ ซูยี่ ถ้าเจ้าต้องการทำความรู้จักอย่างน้อยเจ้าก็ต้องมีพลังเวทย์อยู่ในระดับของข้าเสียก่อน”
เมื่อได้ยินคำตอบของซิมิโรต์และเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเขามองลงไปที่เขา ซูยี่ไม่ได้รู้สึกโกรธเลย เขาคิดว่ามันตลกเสียด้วยซ้ำ
ผู้ชายคนนี้เอาแต่พูดว่าเขาจะจีบสเตลล่า แต่ตอนนี้ต่อหน้าเธอเขายังทำท่าทางแบบนี้ เขาคิดว่าสเตลล่าจะชอบเขาเพียงเพราะเขารู้จักประทานบริษัทใหญ่เหรอ?
ตามที่คาดไว้สเตลล่าส่งเสียงฮึ่มเบา ๆ และใบหน้าของเธอก็จมลงในขณะที่เธอพูดว่า“ประธานบริษัทใหญ่แล้วยังไง? ใครจะแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างเขากับปู่ของข้า? ซิมิโรต์เจ้าไม่ควรจะมาอวดเรื่องพลังเวทย์กับซูยี่ ข้าจะบอกเจ้าให้นะว่าเขาเพิ่งจะเรียนเวทมนตร์ได้ไม่นานเท่าไหร่นัก หากให้เวลาเขามากกว่านี้เขาจะเหนือกว่าเจ้าแน่นอน”
ซิมิโรต์ไมคิดว่าสเตลล่าจะหักหน้าเขาต่อหน้าทุกคน และพูดเข้าข้างซุยี่แบบนี้
เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าสองคนนี้กำลังทานข้าวเที่ยงตามลำพังหัวใจของซิมิโรต์ก็เต็มไปด้วยความหดหู่ สายตาของเขาที่มองไปที่ซูยี่นั้นกลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
ซูยี่ยิ้มขณะที่ในแววตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มันมีแต่ความตลกขบขันเท่านั้นที่แสดงออกมา
“ซิมิโรต์ไม่ว่าข้าจะมีคุณสมบัติที่จะรู้จักท่านประธานฟาร์ซัคหรือไม่ นั่นก็ควรจะขึ้นอยู่กับประธานฟาร์ซัคไม่ใช่เจ้าใช่มั้ย?”
ซิมิโรต์กล่าวด้วยเสียงดูถูกว่า“เจ้าคิดว่าคนชั้นสูงอย่างประธานฟาร์ซัคจะเสียเวลากับคนตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้าที่ยังไม่ผ่านแม้กระทั่งการทดสอบการรับรองของสมาคมเวทมนตร์อย่างนั้นเหรอ?” หลังจากพูดแบบนี้เขาก็หันไปหาชายวัยกลางคนร่างท้วมและเปลี่ยนสีหน้า เขามีท่าทางเชิญชวนขณะกล่าวว่า“ประธานฟาร์ซัคเปลี่ยนสถานที่รับประทานอาหารกลางวันกันเถอะ หากทานที่นี่จะมีแต่ทำให้ท่านเสียอารมณ์เปล่าๆ ในเมืองบันต้ามีร้านอาหารอร่อยๆอยู่มากมาย หากไปตอนนี้มันก็ยังไม่เสียเวลาเท่าไหร่นัก”
ราวกับว่าประธานฟาร์ซัคไม่ได้ยินสิ่งที่ซิมิโรต์พูด เขามองไปที่ซูยี่หลายครั้งก่อนที่จะถามต่อหน้าทุกคนที่จ้องมองอย่างสงสัย“ข้าขอถามได้หรือไม่… ...ท่านคือซูยี่จากหอการค้าเฟรสเทคใช่หรือไม่?”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ทุกคนก็ตกตะลึงทันที
จากสิ่งที่ปรากฏออกมา ประทานฟาร์ซัคผู้สูงศักดิ์และไม่มีใครเทียบตามที่ซิมิโรต์กล่าวไว้ เขารู้จักซูยี่อย่างนั้นเหรอ?
ซูยี่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า“ถูกต้อง ข้าคือซูยี่ประทานฟาร์ซัคท่านรู้จักข้าด้วยหรือ”
เมื่อได้ยินคำตอบของซูยี่ประธานฟาร์ซัคก็หัวเราะออกมา เขายื่นมือไปหาซูยี่และพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า“แม้ว่าข้าจะไม่เคยพบท่านมาก่อน แต่ข้าก็ได้ยินชื่อเสียงของประธานซูมานานแล้ว อันที่จริงข้าจะพูดอย่างไม่ปิดบัง ที่ข้าเดินทางมาเมืองบันต้าในครั้งนี้นอกเหนือจากเรื่องเล็กน้อยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพูดคุยกับประธานซูอย่างเหมาะสม ข้าสงสัยว่าประธานซู … ..” หลังจากพูดคำนี้ประธานฟาร์ซัคก็หยุดและมองไปที่สเตลล่าที่อยู่ด้านข้าง“ข้าสงสัยว่าเวลานี้ท่านว่างมั้ย หากเป็นไปได้ข้าอยากจะเชิญท่านไปดื่มชาสักเล็กน้อย”
ประธานฟาร์ซัคแสดงความสุภาพและให้ความเคารพต่อซูยี่ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ถึงกระนั้นเรมและเวลล่าก็มองไปที่ซูยี่และประธานฟาร์ซัคในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ใบหน้าของซฺมิโรต์กลายเป็นมืดครึ้ม เขาไม่เคยคิดเลยว่าประธานฟาร์ซัคที่มีขุมกำลังมากมายจะให้ปฏิบัติตัวอย่างสุภาพกับซูยี่ที่ดูยังไงก็เป็นคนธรรมดา
นี่มันราวกับมีฝามือตบมาที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง!
ยิ่งไปกว่านั้นยังต่อหน้าสเตลล่าอีก!
“ประธานฟาร์ซัคสุภาพเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าประทานฟาร์ซัคต้องการพูดคุยเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ” ซูยี่ไม่ได้รีบตอบตกลง เขาถามคำถามกลับไป
“ข้าต้องการหารือเรื่องความร่วมมือ ข้าคิดว่าประธานซูจะต้องสนใจแน่นอน” ประธาน ฟาร์ซัคตอบกลับมา
“ หืม?” ซูยี่มองไปที่ประธานฟา์ซัคด้วยความประหลาดใจ เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับสเตลล่าว่า“สเตลล่าดูเหมือนว่าจะมีธุระแล้วล่ะ คงอยู่กับเจ้าไม่ได้แล้ว”
สเตลล่าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“ธุรกิจสำคัญกว่าไปเถอะ”
ซูยี่พยักหน้า เขายืนขึ้นและยิ้มให้เรมและเวลล่าจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับประธานนฟาร์ซัค
พวกเขาจากไปโดยที่ประทานฟาร์ซัคไม่ได้พูดอะไรกับกลุ่มของซิมิโรต์เลย
สเตลล่ามองไปที่ซิมิโรต์ที่กำลังตกตะลึงและหัวเราะเยือกเย็น จากนั้นเธอก็มองไปที่เรมและเวลลาพยักหน้าเป็นการบอกลาก่อนจะจากไปเช่นกัน
เรมและเวลล่ามองหน้ากันแล้วทั้งคู่ก็ถอนหายใจก่อนจะจากไป พวกเขาทิ้งซิมิโรต์ที่แสดงสีหน้าที่ราวกับถ่านไม้ไว้ในร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้ตามลำพัง
###
หลังจากออกจากร้านอาหารเล็ก ๆ ประธานฟาร์ซัคและซูยี่ก็เข้าไปในร้านกาแฟที่เงียบสงบ ทันทีที่พวกเขานั่งลงประธานฟาร์ซัคก็กล่าวขึ้นว่า“ประธานซูมันยากจริงๆที่จะได้พบท่าน เวลามีค่าดังนั้นข้าจะเข้าประเด็นเลย เป้าหมายของความร่วมมือที่ข้าต้องการพูดคุยกับท่านนั้นเกี่ยวข้องกับพัดลมเวทมนตร์”
ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ หอการค้าเฟรสเทคมีแค่พัดลมเวทมนตร์เป็นสินค้าดังนั้นหากจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือแน่นอนว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับพัดลมเวทมนตร์อยู่แล้ว
“ไม่ทราบว่าประทานฟาซัคต้องการหือรือความร่วมมือแบบใหน หากท่านต้องการซื้อ พัดลมเวทมนตร์จำนวนมากเพื่อนำกลับไปขายที่เมืองซาลตั้นนั่นเป็นเรื่องง่ายมาก หอการค้าเฟรสเทคของเราได้จัดตั้งสายการผลิตที่สมบูรณ์แล้วดังนั้นท่านก็สามารถติดต่อที่นั่นได้เลย” ซูยี่กล่าว
ประธานฟาร์ซัคส่ายหัว“แน่นอนว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ข้าคงไม่ต้องมาพบท่านแล้ว”
ซูยี่พยักหน้า“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นท่านประทานฟาร์ซัคท่านต้องการอะไร”
“คี้มันเป็นแบบนี้” ประธานฟาร์ซัคกระแอมเบา ๆ ดูเหมือนว่าเขากำลังจัดระเบียบความคิดของเขา“ถ้าเราซื้อพัดลมเวทมนตร์จำนวนมากจากหอการค้าเฟรสเทคเพื่อขายต่อแม้ว่าเราจะมีรายได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากค่าขนส่งนั้นค่อนข้างมากและสำหรับข้าแล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้เราแทบจะไม่ได้กำไรเลย ดังนั้นหลังจากพิจารณาแล้วข้าหวังว่าจะได้ร่วมมือกับบริษัทของท่านเพื่อเปิดโรงงานพัดลมเวทมนตร์ ในเมืองซาลตั้นของเรา”
ซูยี่ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยประธานฟาร์ซัคคนนี้คิดการไกลกว่าพ่อค้าทั่วไปมาก
แม้ว่าวิธีนี้จะค่อนข้างลำบากแต่ตราบใดที่มันสามารถำำเนินการได้อย่างราบรื่น สิ่งนี้จะเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวและได้กำไรกลับมาอย่างมหาศาล
“ประธานฟาร์ซัคถ้าที่ข้ารู้มาไม่ผิดที่เมืองซาลตั้นของท่านก็มีบริษัทที่ผลิตพัดลมเวทมนตร์อยู่แล้ว แน่นอนว่านั่นไม่ใช่พัดลมเวทมนตร์แบรนด์เฟรสเทคของเรา แต่จากสิ่งที่ข้ารู้มาบริษัทนี้มีการผูกขาดการขายพัดลมเวทมนตร์ในเมืองซาลตั้นอยู่แล้ว ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการจัดตั้งโรงงานพัดลมเวทมนตร์ในเมืองซาลตั้นจะทำให้เราขายผลิตภัณฑ์ของเราได้”ซูยี่กล่าวถาม
ใบหน้าท้วมของประธานฟาร์ซัคเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน“ถ้าเราผลิตพัดลมเวทมนตร์เหมือนกันแน่นอนว่าเราทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นแบรนด์เฟรสเทคและเป็นพัดลมเวทมนตร์เฟรสเทครุ่นใหม่ข้าคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”