บทที่ 71 เปลี่ยนมือ
บทที่ 71 เปลี่ยนมือ
ความคิดของจี้เฟิงได้รับการยืนยันในการแข่งขันสิบครั้งต่อมาระหว่างจางเล่ยและเหอตง
ในสิบเกมติดต่อกัน จางเล่ยไม่ได้ชนะเลยแม้แต่เกมเดียว หลังจากจบเกมแต่ละเกม เหอตงจะจงใจพูดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะมีน้ำใจนักกีฬา แต่ในความเป็นจริงแฝงความหมายที่เป็นการยั่วยุกระตุ้นจางเล่ยให้เขาอยากเอาชนะและเล่นเกมต่อๆไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จี้เฟิงสังเกตเห็นคือ เวลาที่จางเล่ยหยิบกระเป๋าเงินออกมาหลังจากที่จบแต่ละเกม เหอตงจะจ้องไปที่กระเป๋าเงินของจางเล่ย โดยที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายทุกครั้ง สีหน้าและแววตาแบบนั้นไม่ใช่วิสัยของบุคคลที่ร่ำรวยหรือชีวิตประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ตั้งแต่แรกจี้เฟิงรู้สึกสงสัยจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหอตง แต่ในตอนนี้เขาแน่ใจเต็มร้อยแล้วว่า แรงจูงใจที่เหอตงชวนพวกเขามาเล่นบิลเลียดนั้นก็คือเงิน แม้เงินอาจจะไม่ใช่จุดประสงค์เดียวของเขา แต่แน่นอนว่ามันเป็นจุดประสงค์หลัก
สิ่งเดียวที่ทำให้จี้เฟิงพอจะมีความสุขเล็กน้อยได้บ้างในตอนนี้ นั่นก็คือสีหน้าของเซียวหยูซวนที่ดูเคร่งขรึมมากขึ้นทุกที
ในตอนท้ายของแต่ละเกม เซียวหยูซวนพยายามพูดโน้มน้าวทั้งสองคนไม่ให้เล่นต่อ เซียวหยูซวนเป็นคนฉลาดแม้ว่าเธอจะอยู่ในช่วงตกหลุมรักนั่นก็ไม่ได้ทำให้ไอคิวของเธอลดลงแต่อย่างใด ในตอนนี้เธอเห็นแล้วว่าอะไรคือแรงจูงใจของแฟนเธอที่ชวนนักเรียนของเธอมาเล่นบิลเลียดในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะลงเงินเดิมพันเพื่อความตื่นเต้นในการแข่งขัน แต่เหอตงก็ไม่ควรที่จะเอาเงินของจางเล่ยมากขนาดนี้ ทั้งหมดมันคือเงินกว่าหนึ่งพันหยวน มันเท่ากับเงินเดือนของเซียวหยูซวนเป็นเวลาครึ่งเดือน!
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าจางเล่ยยังเป็นแค่นักเรียน และเงินที่มากกว่าหนึ่งพันหยวนสำหรับนักเรียนนั้นถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก เพราะถ้าเป็นเธอเองหากต้องใช้จ่ายเงินหนึ่งพันหยวนไปกับเรื่องแบบนี้ เธอก็คงรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วนับประสาอะไรกับจางเล่ย บางทีเงินหนึ่งพันหยวนนี้อาจเป็นเงินที่เขาต้องไว้ใช้จ่ายเป็นเวลาหลายเดือน
อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ มีจี้เฟิงและจางเล่ยอยู่ เซียวหยูซวนจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เธอต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะพูดโน้มน้าวพวกเขา เพราะถ้าเธอพูดออกไปตรงๆ มันอาจทำให้จางเล่ยรู้สึกไม่ดีหรือแม้แต่ทำให้จางเล่ยเข้าใจผิด คิดว่าเมื่อแฟนของเธอชนะเขาและได้เงินเดิมพันไปพอสมควรแล้วจึงชวนให้แฟนของเธอเลิกเล่นเพื่อที่จะได้เงินจำนวนนั้นไปเต็มๆ เป็นการปิดโอกาสไม่ให้จางเล่ยได้เอาคืน หรือพอชนะจนสะใจแล้วก็ชวนเลิกเพื่อเป็นการอวดอำนาจความเก่งกาจของแฟนเธอ?
ด้วยเหตุนี้เซียวหยูซวนจึงทำได้เพียงแค่ยืนดูพวกเขาแข่งขันกันอย่างเงียบๆ เหอตงที่ปกติจะเป็นคนนิ่งเฉยในสายตาเซียวหยูซวน แต่ในเวลานี้เหอตงกลับเล่นบิลเลียดกับจางเล่ยด้วยความสนุกสนานอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แถมเขายังยิ้มและพูด ‘หยอกล้อ’ กับจางเล่ยเป็นระยะๆ
เซียวหยูซวนไม่รู้ว่า ‘การหยอกล้อ’ ในสายตาของเธอนั้น จริงๆแล้วมันคือการพูดยั่วยุให้จางเล่ยโกรธ อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่กำลังตกหลุมรักก็ไม่ต่างจากคนที่ตาบอดไปแล้วข้างหนึ่ง มันจึงทำให้เธอไม่สามารถรู้ความหมายที่แท้จริงของ ‘การหยอกล้อ’ ของคนรักของเธอได้
“ป๊อก!”
เมื่อเกมที่สิบสองสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของเหอตง เขายิ้มและพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรไม่ต้องร้องนะ แล้วเธอจะเล่นต่ออีกหรือเปล่า?”
จางเล่ยยิ้มเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาทำเพียงหยิบเงิน 100 หยวนออกจากกระเป๋าสตางค์ที่ในนั้นยังคงมีเงินอยู่เป็นฟ่อน ในตอนนั้นเองเหอตงก็อดไม่ได้ที่จะเหล่มองเข้าไปในกระเป๋าสตางค์ของจางเล่ยด้วยแววตาที่เป็นประกายอีกครั้ง
“แน่นอนเราจะเล่นต่อ แต่ก่อนที่จะเล่นต่อพวกเราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” จี้เฟิงพูดและพยักหน้าให้กับจางเล่ย
ในเวลานี้การแข่งขันบิลเลียดระหว่างเหอตงและจางเล่ยได้รับความสนใจจากผู้คนโดยรอบ รวมไปถึงเจ้าของห้องบิลเลียดแห่งนี้ด้วย
“ทักษะการเล่นบิลเลียดของผู้ชายคนนี้สุดยอดมาก แต่เขาก็ไม่น่าจะใช่นักแข่งมืออาชีพ”
“ใครจะไปรู้ผู้ชายคนนี้เขาอาจจะเป็นนักแข่งมืออาชีพก็ได้ ในตอนนี้ประเทศของเรามีผู้เล่นหลายคนที่มีทักษะที่ดีมากๆ แต่อาจจะยังไม่โด่งดังหรือเป็นที่รู้จัก บางทีคนๆนี้เขาอาจจะเป็นนักแข่งมืออาชีพมาลองเล่นสนุกๆก็ได้!”
“ดูเหมือนนักเรียนสองคนนั้นคงจะโง่มากที่ดูความต่างของฝีมือไม่ออก กล้ามาแข่งกับผู้ชายคนนี้ แถมยังลงเงินเดิมพันกับเขาอีก!”
“ใช่ไอ้เด็กโง่สองคนนั้นถึงจะมีความมั่นใจแค่ไหน แต่เล่นไปสองสามเกมก็น่าจะรู้ความแตกต่างของฝีมือได้แล้วว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป หรือเป็นเพราะมีเงินเหลือเฟือจนถึงขนาดอยากจะเผาเล่นเท่าไหร่ก็ได้?”
เสียงการสนทนาจากผู้คนโดยรอบ ยิ่งทำให้เหอตงรู้สึกภูมิใจมากยิ่งขึ้น เซียวหยูซวนเองก็รู้สึกดีใจและมีความสุขไปกับคนรักของเธอเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มีความรู้สึกไม่สบายใจเจือปนอยู่เล็กน้อย เพราะคนที่แข่งแพ้ก็เป็นนักเรียนของเธอเอง แถมพวกเขายังเสียเงินไปมากพอสมควร ซึ่งทำให้ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก
………………..
ในเวลานี้ จี้เฟิงและจางเล่ยกำลังคุยกัน
“เจ้าบ้า ทำไมนายต้องลากฉันมาห้องน้ำด้วย!” จางเล่ยถามอย่างไม่พอใจ
จี้เฟิงยิ้มอย่างเหนื่อยใจและพูดว่า “ทำไม? นายยังอยากจะเสียเงินอีกงั้นเหรอ รวยมากจนอยากจะเผาเงินเล่นงั้นสิ?”
จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและถามว่า “เจ้าบ้า นายคิดว่าฉันโง่มากเลยงั้นเหรอ?”
เมื่อมองไปที่สีหน้างุนงงของจี้เฟิง จางเล่ยก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หลังจากเล่นเกมแรกจบฉันก็รู้แล้วว่าฝีมือของฉันสู้ไอ้เหอตงอะไรนั่นไม่ได้หรอก แต่ที่ฉันต้องเล่นกับเขาต่อไปนั่นเป็นเพราะฉันอยากให้อาจารย์เซียวได้เห็นอีกด้านนึงของผู้ชายคนนี้ที่เขาสามารถไล่ตามเงินเพียงเล็กน้อยนี้อย่างหน้ามืดตามัว คนประเภทนี้น่ะเหรอจะเป็นผู้ชายที่ดีพอจะมาเป็นแฟนของเธอ ถ้าสายตาของอาจารย์เซียวยังพอดูคนออกอยู่บ้าง เธอจะต้องเห็นนิสัยที่แท้จริงของผู้ชายที่ชื่อเหอตงนั่นอย่างแน่นอน!”
จี้เฟิงตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าจางเล่ยจะวางแผนไว้แบบนี้
เป้าหมายของจางเล่ยคือ เขายอมเสียหน้าและเงินเพื่อแลกกับความสุขของอาจารย์เซียวที่เธอจะได้เห็นนิสัยอันแท้จริงของแฟนหนุ่มของเธอ ถึงจี้เฟิงจะรู้จักนิสัยของจางเล่ยดี ที่เขาเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่เขาก็ไม่คิดว่าจางเล่ยจะยอมเสียสละตัวเองขนาดนี้เพื่ออาจารย์ที่เขารู้จักยังไม่ถึงสองเดือน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจี้เฟิงก็พูดขึ้นว่า “เล่ยซือในตอนนี้แค่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอให้เขาเปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา เราต้องทำให้เหอตงได้อับอายและรู้สึกโกรธที่พ่ายแพ้พวกเรา เกมต่อไปเปลี่ยนให้ฉันเป็นคนไปแข่งกับเขาดูบ้างก็แล้วกัน”
“เปลี่ยนเป็นนาย?” จางเล่ยมองจี้เฟิงอย่างสงสัย “เจ้าบ้า ฉันไม่ได้จะดูถูกนายนะ แต่นายรู้วิธีเล่นบิลเลียดด้วยเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” จี้เฟิงหัวเราะ “คุณชายจางเล่ย เล่นเป็นหรือไม่เป็นก็ให้ฉันได้ลองก่อนก็แล้วกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นฉันหรือนายที่แพ้ มันจะต่างกันตรงไหน ในเมื่อเราก็ต้องเสียเงินเดิมพันอยู่ดี หรือที่นายอยากเล่นต่อเพราะนายยังคันไม้คันมืออยู่?”
“อืม... งั้นเอาตามนายว่านั่นแหละ!” จางเล่ยพูดอย่างร่าเริง “แต่ไม่ว่ายังไงนายก็อย่าแพ้มากเกินกว่าสิบเกมแล้วกัน เดี๋ยวที่เหลือฉันเล่นต่อเองบอกตามตรง ฉันก็ได้เรียนรู้ทักษะจากเหอตงมาพอสมควรเลยล่ะ”
จี้เฟิงตบไหล่จางเล่ยแล้วกล่าวว่า “ถ้านายต้องการจะเรียนรู้ทักษะการเล่นบิลเลียด เดี๋ยวไว้ว่างๆ ฉันจะสอนนายให้เอง!”
เมื่อจี้เฟิงพูดจบ เขาก็เดินจากไปพร้อมกับสายตาอันงุนงงของจางเล่ย
“โอ้ พวกเธอกลับมากันแล้วเหรอ” เมื่อเหอตงเห็นจี้เฟิงและจางเล่ยกลับมาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฉันนึกว่าพวกเธอกลัวจนฉี่ราดแล้วหนีกลับบ้านไปแล้วซะอีก ทำไมกลับมาเร็วจัง?”
“ผมเกรงว่าคนที่ต้องไปเข้าห้องน้ำหลังจากนี้คงต้องเป็นคุณ!” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “จางเล่ยเหนื่อยนิดหน่อย จะเป็นไรไหมถ้าผมจะเป็นคนที่เล่นกับคุณต่อ?”
“หืม.. เธอก็อยากเล่นด้วยงั้นเหรอ?” เหอตงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขารู้สึกกระหายเงินเดิมพันมากขึ้นแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นเราก็เล่นด้วยกฎเดิมต่อเลยดีไหมล่ะ?!”
“ไม่ไม่!” จี้เฟิงส่ายหัวปฏิเสธ “เกมละร้อยหยวนผมว่ามันน้อยไป ถ้าให้ดีเรามาเล่นเกมละหนึ่งพันหยวนไปเลย เล่นอย่างน้อยสักสิบเกมดีไหม วันนี้เราพกเงินมาพอสมควร หรือคุณคิดว่ายังไง?”
“จี้เฟิง อย่าทำอะไรโง่ๆ!” ทันทีที่จี้เฟิงพูดเรื่องเงินเดิมพันหนึ่งพันหยวนจบ เซียวหยูซวนก็ยืนขึ้นอย่างหมดความอดทน เธอพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง “วันนี้พอแค่นี้เถอะ เราค่อยมาเล่นกันใหม่วันหลัง!”
“หยูซวน!” เหอตงตะคอกและจ้องไปที่เซียวหยูซวน “คุณนั่งดูอยู่เฉยๆ ไปนั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กนักเรียนที่น่ารัก.. จะมีความสนใจในเกมกีฬาแบบนี้ ผมจะเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาเอง!”
...จบบทที่ 71~❤️