บทที่ 34 ความงดงามที่ราวกับภาพวาด(อ่านฟรี01-01-2021)
“ด้วยเหตุนั้นท่านประทาน ข้าขอแนะนำให้ท่านรีบเปิดตลาดในเมืองอื่นให้เร็วที่สุด ข้าได้ไปตรวจดูแล้วพัดลมเวทมนตร์ของโรงงานเมืองซาลตั้นนั้นยังไม่สามารถเทียบคุณภาพกับพัดลมเวทมนตร์เฟรสเทคของเราได้ ข้าเชื่อว่าตราบใดที่เราเริ่มเปิดตลาดในเมืองซาลตั้นเราจะกลับมาครองตลาดได้อย่างแน่นอน”เซบาสกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“แน่นอนว่าเราจะต้องยึดตลาดกลับคืนมา แต่เราจะเร่งรีบไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเมืองซาลตั้นก็ยังเป็นถิ่นของพวกเขา แม้สินค้าของเราจะมีคุณภาพสูงแต่การที่เราจะไปยึดตลาดกลับคืนมามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ตอนนี้ข้ากำลังรอโอกาศดีๆ โอกาศนี้มันตรงกับคำถามของเจ้า”
เซบาสตกตะลึง เขาพูดคุยในเรื่องต่างๆมากมายจนเกือบจะลืมคำถามของตนเองในก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่คิดว่าซูยี่จะวกกลับมาในคำถามนี้
“อืม ท่านประทาน ตกลงแล้วการลงทุนนั้นไม่เกี่ยวกับพัดลมเวทมนตร์เลยใช่หรือไม่”
ซูยี่ยื่นนิ้วชี้บนมือขวาและส่ายมันไปมา“ไม่เลยท่านเซบาส ระบบอุตสาหกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่าง แม้ว่าพัดลมเวทมนตร์จะดูเรียบง่ายแต่มันก็ประกอบขึ้นด้วยหลายสิ่งเช่นกัน ในตอนนี้อาจจะมองว่าการลงทุนในครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่หลังจากผลลัพธ์ทุกอย่างประกฏขึ้นแล้วจะพบว่าทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับพัดลมเวทมนตร์เป็นอย่างมาก ทุกการศึกษาเหล่านั้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่สะเทือนสวรรค์ให้กับพัดลมเวทมนตร์ อีกอย่าง.... ...ใครกันที่บอกท่านว่าหอการค้าเฟรสเทคของข้าจะผลิตแค่พัดลมเวทมนตร์”
ดวงตาของเซบาสเบิกกว้างอย่างช่วยไม่ได้ จากสิ่งที่ซูยี่พูดเป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังคิดค้นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่
เขายังคงมีเรื่องที่จะถาม แต่ซูยี่ไม่ได้ให้โอกาสเขา เขาลุกขึ้นยืนและชี้ไปข้างนอก“เอาล่ะออกไปข้างนอกกันเถอะ หลังจากนี้ท่าน็จะต้องจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จ”
เซบาสไม่สามารทำอะไรได้อีก เขาทำได้เพียงเดินตามหลังซูยี่ออกไป
ในขณะที่กำลังเดินอยู่ เซบาสได้ขบคิดเกี่ยวกับคำพูดของซูยี่
“ระบบอุตสาหกรรม? มันคืออะไร? ดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญหากคิดตามสิ่งที่เขาพูด นอกเหนือจากนั้นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ที่เขาพูดถึงคืออะไร? มันสามารถสร้างความปั่นป่วนเหมือนพัดลมเวทมนตร์ได้หรือไม่? ท่านวิสเคานท์จะต้องสนใจเรื่องนี้มากแน่ๆ… ..”
ซูยี่และเซบาสพูดคุยกันในห้องด้านในและเมื่อพวกเขาออกจากห้องนั้นพวกเขาก็มาถึงห้องโถงขนาดใหญ่
ในใจกลางห้องโถงในเวลานี้ได่มีสเตลล่ายืนอยู่ ตรงข้ามกับเธอมีพัดลมเวทมนตร์วางขนานกับเธอขณะนี้พัดลมได้พัดลมเย็นสดชื่นมาที่ใบหน้าของเธอ
พัดลมเวทมนตร์นี้แตกต่างจากพัดลมเวทมนตร์เฟรสเทคอย่างชัดเจน โครงสร้างได้รับการขัดเกลามากขึ้นและมีขนาดเล็กลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ทำให้ดูเพรียวบางมากขึ้น
นี่คือพัดลมเวทมนตร์ความเร็วผันแปรรุ่นที่สองที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเป็นทางการ
(เปลี่ยนจากพัดลมเวทมนตร์รุ่นปรับความเร็วได้เป็นพัดลมเวทมนตร์ความเร็วผันแปรครับ)
สเตลล่าที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับพัดลมเวทมนตร์ในวันนี้อยู่ในชุดสีขาว ี้ เมื่อลมเย็น ๆ พัดมา ผมสีทองของสเตลล่าก็ปลิวไสวไปตามสายลมเข้ากับกระโปรงของเธอที่พลิ้วไปตามลมทำให้เธอดูสง่างามมาก
สเตลล่าที่สวยมากอยู่แล้วในตอนนี้เธอแต่งตัวแบบนี้เธอก็มีเสน่ห์มากขึ้น เมื่อมองจากด้านข้างเธอก็พราวสวยจนใคร ๆ ก็ไม่สามารถมองเธอตรงๆได้
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง สเตลล่าก็หันกลับไปก็พบกับซูยี่ เธอยิ้มให้เขาซึ่งทำให้หัวใจของซูยี่เต้นรัว
“ถ้าเธออาศัยอยู่ที่โลกเดิมความงามของเธอคงเทียบได้กับดาราใช่มั้นนะ?” ซูยี่คิดในใจ
เขาโบกมือไปทางสเตลล่าและหลังจากส่งสัญญาณให้เธอเห็นแล้ว ซูยี่ก็เดินไปที่มุมหนึ่งของห้องโถง
ที่ด้านข้างของสเตลล่าเป็นศิลปินและผืนผ้าใบขนาดยักษ์ตรงหน้าเขาตอนนี้มีภาพวาดที่เกือบจะเสร็จแล้ว
“ อืมภาพค่อนข้างดี!” ซูยี่มองดูและกล่าวชมในทันที
นอกจากภาพวาดของสเตลล่าและพัดลมเวทมนตร์แล้วที่พื้นหลังยังมีทุ่งโล่งอีกด้วย ภาพวาดนี้ทำได้ดีมากแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์และเสน่ห์ของสเตลล่าอย่างชัดเจนทำให้ผู้ที่มองไปที่มันไม่สามารถละสายตาได้
ซูยี่ยืนอยู่ข้างๆศิลปินคนนั้นสักพัก เมื่อศิลปินลงพู้กันสุดท้ายเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่การแสดงออกอย่างมีชีวิตชีวาของเขาถูกแทนที่ด้วยความเหนื่อยล้าที่หาที่เปรียบมิได้ทันที จะเห็นได้ว่าเขาใช้พลังงานไปกับการวาดภาพนี้ไม่น้อย
“ปรมจารย์อันลิโอ้เหนื่อยท่านแล้ว” ซูยี่ยกถ้วยชาที่เตรียมไว้แล้วส่งให้เขา
ปรมาจารย์อันลิโอ้พยักหน้าให้ซูยี่ เขารับถ้วยชามาและเผยรอยยิ้มที่มั่นใจ เขาชี้ไปที่ภาพวาดและถามว่า“ประธานซูยี่ท่านคิดว่ามันเป็นอย่างไร?”
ซูยี่ยกนิ้วให้เขาในทันที“มันออกมาดีมาก ปรมจารย์อันลิโอ้เป็นศิลปินที่เก่งที่สุดใน เมืองบันต้าของเราจริงๆภาพวาดนี้สมบูรณ์แบบมาก”
แน่นอนว่ามันต้องออกสมบูรณ์แบบซูยี่ใช้เงินจ้างศิลปินคนนี้ในราคาสูงถึงห้าสิบเหรียญทอง หากวาดภาพออกมาไม่ดี เหรียญทองห้าสิบเหรียญของซูยี่ก็คงต้องเสียเปล่าแล้ว
ปรมาจารย์อันลิโอ้หัวเราะเสียงดัง “ท่านประธานซูยี่จริงๆแล้วภาพวาดนี้ที่ออกมาดีก็เพราะคุณหนูสเตลล่า ข้าแค่ลอกความงามของเธอลงไปเท่านั้น ท่านไม่รู้สึกหรือว่าตอนที่คุณหนูสเตลล่ายืนอยู่ตรงนั้นเธอนั้นราวกับภาพวาดน่ะ?”
ซูยี่มองไปเห็นสเตลล่าเขาก็พยักหน้าเบาๆ “ข้อนี้ข้าเห็นด้วยกับท่านจริงๆ”
ปรมาจารย์อันลิโอ้และซูยี่มองหน้ากันและหัวเราะออกมาในเวลาเดียวกัน
“ หืม ซูยี่พวกเจ้าคุยอะไรกัน? ทำไมถึงหัวเราะอย่างนั้นล่ะ”สเตลล่าส่งเสียงถามออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ปรมจรย์อันลิโอ้ชื่นชมในความสวยของเจ้าแค่นั้นเอง”ซูยี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณที่ชื่นชมนะคะท่านอันลิโอ้”สเตลล่ายิ้มหวานให้กับปรมาจารย์อันลิโอ้ก่อนที่จะหันไปหาซูยี่และกล่าวถาม“แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าคิดว่าข้าสวยมั้ย”
ซูยี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นเพราะเขาคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ชอบให้ชมว่าสวยจริงๆ
“แน่นอนว่าข้าก็คิกเช่นนั้น” ซูยี่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง“มีใครกล้าบอกว่าเจ้าไม่สวยกัน? ถ้าใครบอกว่าเจ้าไม่สวยข้าจะควังลูกตามันออกมา เอาไว้ก็เสียของเปล่าๆ!”
สเตลล่าหัวเราะก่อนจะตีซูยี่เบา ๆ “เจ้านี่ก็พูดเกินไปนะ”
เธอพูดแบบนี้ แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสุขในใจของเธอ
ซูยี่มองไปที่ภาพวาดอีกครั้งก่อนที่จะพูดกับสเตลล่าว่า“สเตลล่าข้ารู้สึกว่าอีกไม่นานเจ้าจะมีชื่อเสียงอย่างมาก เจ้ากดดันมั้ย”
"ทำไม?" สเตลล่าถามด้วยความประหลาดใจว่า“มันไม่ใช่แค่การทำโฆษณาหรือ ทำไมข้าถึงจะมีชื่อเสียงล่ะ”
ซูยี่เผยรอยยิ้ม นี่เป็นโฆษณาตัวแรกของพัดลมเวทมนตร์ความเร็วผันแปรรุ่นที่สองพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะเผยแพร่สิ่งนี้ออกไปทั้งหมด ด้วยรูปลักษณ์และออร่าของ สเตลล่าคงแปลกถ้าเธอไม่โด่งดัง
พวกเขาคุยกันสองสามเรื่องก่อนที่ปรมจารย์อันลิโอ้และเซบาสจะออกไปจัดการเรื่องค่าตอบแทนในขณะเดียวกันก็เริ่มวางแผนสำหรับโฆษณาทิ้งซูยี่และสเตลล่าอยู่ด้วยกัน พวกเขามองหน้ากันก่อนที่ซูยี่จะผายมือไปทางสเตลล่า
“คุณหนูสเตลล่าผู้งดงาม ให้เกียรติไปรับประทานอาหารกลางวันกับข้าได้หรือไม่”
สเตลล้าแสร้งทำสีหน้าเย็นชา“ข้าต้องขออภัยด้วย ปกติข้าจะไม่รับคำเชิญของใครนอกจากว่าคนๆนั้นจะเป็นท่านลุงสุดหลอ”
ดวงตาของซูยี่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและเขาก็ชี้ไปที่ตัวเอง “ลุงสุดหลอ? นั่นข้าไม่ใช่เหรอ”
สเตลล่าเชิ่ดหน้าตรง และหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ในที่สุดเจ้าก็จำได้ว่าเจ้าเป็นลุง? ถ้าอย่างนั้นท่านลุงสุดหล่อคนนี้ข้าขอถามว่าท่านจะเลี้ยงข้าได้มั้ย”
“ อืม…งั้นเอาบะหมี่ซักชามดีมั้ย”
“ให้ตายเถอะบะหมี่หนึ่งชามเนี่ยนะที่จะเลี้ยงข้า”
“เฮอะ เจ้าไม่รู้อะไร เส้นบะหมี่มีความเหนียวนุ่มในขณะที่เนื้อก็แน่นและยังเด้ง……”
… ...
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันซูยี่และสเตลล่าก็มาถึงร้านอาหารเล็ก ๆ ในบริเวณใกล้เคียงและพบว่ามันเป็นร้านที่คุ้นเคย
เนื่องจากพวกเขาทำงานด้วยกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทั้งสองจึงไปทานข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง พวกเขามาที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้หลายครั้งดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกับร้านนี้อยู่แล้ว
“เออใช่ซูยี่เรื่องที่ข้าพูดกับเจ้าเมื่อครั้งที่แล้ว เจ้าลองคิดหรือยัง” เมื่อพวกเขาเพิ่งนั่งลงจู่ๆสเตลล่าก็ถามคำถามขึ้นมา
"เรื่องอะไร?" ซูยี่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะจำได้ในทันใด“โอ้เจ้ากำลังพูดถึงเพื่อนร่วมชั้นของเจ้าใช่มั้ย? ครั้งที่แล้วข้าบอกว่ายินดีต้อนรับพวกเขามากไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าเจ้ารอคำตอบของข้าเลยยังไม่ได้ตอบกลับพวกเขาน่ะ”
สเตลล่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กับซูยี่ในครั้งล่าสุด แม้ว่าเธอจะจบการศึกษาจากสถาบันเวทมนตร์แห่งลัมปุรีแล้ว แต่เธอก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมชั้นหลายคน ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้รู้แล้วว่าสเตลล่ากำลังทำงานในห้องปฏิบัติการวิจัยเวทมนตร์ของซูยี่และกำลังศึกษารูปแบบเวทมนตร์ภายในเครื่องจักรเวทมนตร์เป็นพิเศษมีหลายคนที่แสดงความสนใจ พวกเขาถามว่าซูยี่ยินดีที่จะยอมรับพวกเขาหรือไม่
ซูยี่ยินดีต้อนรับพวกเขาอย่างอยู่แล้ว พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์ที่เขาเคยปวดหัวมาโดยตลอดเพราะเรื่องรูปแบบเวทมนตร์ไม่มีใครมาช่วยเขาเลย
หลังจากสเตลล่าเข้ามาเธอก็ได้แบ่งปันงานกับเขาไม่น้อย แต่สเตลล่ามีคนเดียว มันยังห่างไกลกับคำว่าพอ
ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นของสเตลล่าต้องการมาทำงานด้วย เรื่องนี้ทำให้ซูยี่มีความสุขมาก
“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าติดต่อพวกเขาไปแล้วและมีสามคนที่จะมา แต่… ..” สเตลล่าหยุดพูดไปชั่วขณะเธอมีท่าทางเขิลอายเล็กน้อย“พวกเขาอยากให้ข้าถามเจ้าว่าเจ้าจะให้ค่าตอบแทนแบบไหน……”
“ค่าตอบแทน?” ซูยี่มองไปที่ใบหน้าของสเตลล่าที่ค่อนข้างอึกอัดและยิ้มออกมา“สเตลล่าข้ายังไม่เคยเจอพวกเขาและไม่รู้ว่าพวกเขามีความสามารถขนาดไหนดังนั้นข้าจะตัดสินเรื่องค่าตอบแทนได้อย่างไร”
“ข้าก็เข้าใจเช่นกัน แต่… ... เจ้าให้สัญญาขั้นต่ำกับพวกเขาได้ไหม มิฉะนั้นถ้าพวกเขามาไกลขนาดนี้และเจ้าให้ค่าตอบแทนที่พวกเขาไม่พอใจแล้วพวกเขาจะมาเพื่ออะไร?” สเตลล่ามีความคาดหวังเล็กน้อยในขณะที่เธอมองไปที่ซูยี่“ดูอย่างข้าสิ เจ้ายังให้ค่าตอบแทนกับข้าเริ่มต้นที่สิบห้าเหรียญทองเลย มันก็ไม่ควรจะต่ำกว่านี้ใช่มั้ย”
“ทำแบบนั้นไม่ได้… ..เอาแบบนี้ สเตลล่าเธอติดต่อสามคนนั้นอีกครั้งบอกพวกเขาว่าข้าเชิญพวกเขาด้วยสถานะของประธานหอการค้าเฟรสเทค ข้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของพวกเขารวมถึงค่าเดินทางค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดจะได้รับการดูแลโดยหอการค้าเฟรสเทคของข้า หากทั้งสองฝ่ายพอใจเราก็จะทดลองงานเป็นเวลาหนึ่งเดือนและเงินเดือนของพวกเขาในเดือนนี้จะเป็นสิบเหรียญทอง หากทั้งสองฝ่ายพอใจหลังจากช่วงทดลองงานแล้วพวกเขาก็จะเป็นนักวิจัยอย่างเป็นทางการของศูนย์วิจัยโดยมีเงินเดือนเท่ากับเจ้าคือสิบห้าเหรียญทอง หากพวกเขาสร้างผลงานการวิจัยของพวกเขาได้ บริษัทจะมอบโบนัสพิเศษให้ ส่วนจะได้รับมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับผลงานนั้น เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
สเตลล่าพยักหน้า“เยี่ยมเลย เดี่ยวข้าจะเขียนจดหมดถึงพวกเขาอีกที”
ซูยี่เผยรอยยิ้มและกล่าวคำสองสามคำก่อนที่เขาจะมองไปที่ทางเข้าร้านอาหารจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา