บทที่ 206
หยางเวยแสยะยิ้มกวัดแกว่งมีดในมือพุ่งทะยานเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้งแปดคน คมมีดวาดผ่านท่อนแขนขวาของชายผู้หนึ่งหลุดกระเด็นร่วงลงพื้นเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน อสรพิษดำหลุดจากเถาวัลย์สีแดงร้องคำรามพุ่งเข้ากัดกระชากกลืนกินชายผู้หนึ่งติดตามหยางเวยไป เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและเสียงสบถกั้นด่าดังขึ้นมาเป็นระยะๆ หยางเวยประดุจอสูรร้ายต่อคนทั้งแปด คมมีดกรีดไปตามร่างกายเสื้อผ้าสวมใส่ฉีกขาด มีสี่คนด้วยกันตั้งสติกำชับดาบมีมือหวังต้านรับ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง แต่ทว่าก็ไม่อาจต้านรับพลังปราณที่หยางเวยแฝงมาได้
ไม่นานชายฉกรรจ์ทั้งแปดก็ถูกสังหารลง หยางเวยแสยะยิ้มเดินกลับมาพร้อมกับแหวนในมือถึงแปดวง
“ต้องขอบคุณคุณชายเนี่ยฟงมากขอรับสำหรับสมบัติทั้งแปดวงนี้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เมื่อครู่ข้ายังเห็นเจ้าหน้าถอดสีอยู่ไม่ใช่รึ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย หากเจ้าไม่ช่วยข้ามีหวังได้ตกตายเป็นแน่ ว่าแต่แผ่นหินของเจ้าช่างสุดยอดเสียจริง”
“ความสามารถของมันไม่ได้มีเพียงแค่นี้ แต่ว่าตอนนี้เจ้าช่วยข้าเก็บแผ่นหินให้ข้าที”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงโคจรลมปราณไปที่มือขวาซัดลงพื้น เปรี้ยง ประกายสายฟ้าพุ่งไปตามพื้นเข้าหาแผ่นหิน วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าส่องแสงสว่างโดมสีฟ้าค่อยๆสลายหาย หยางเวยรีบพุ่งทะยานไปเก็บแผ่นหิน แต่ทว่ากำลังจะใกล้ถึงเนี่ยฟงสะบัดมือขวาแผ่นหินทั้งแปดพุ่งทะยานกลับมาอยู่ในมือของเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว หยางเวยถึงกับสบถออกมาเสียงดัง
“ไอ้บ้าเนี่ยฟงเอ๊ยข้าตกใจแทบแย่”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาละไปกันเถอะ”
สิ้นเสียงกล่าวกิเลนอัสนีตัวใหญ่ก็ปรากฏกายที่ด้านหลังของเนี่ยฟง ทั้งสองเมื่อขึ้นไปนั่งที่หลังเสร็จสิ้น กิเลนอัสนีก็ถีบเท้าพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้ามุ่งหน้าไปที่เมืองหน้าด่าน ตลอดการเดินทางสู่เมืองหน้าด่านทั้งสองลงไปล่าสัตว์อสูรด้านล่างและเก็บสมุนไพรอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ทั้งสองใช้เวลาเกือบเจ็ดวันสำหรับการเดินทางซึ่งใช้เวลานานกว่าปกติ ทันทีที่ทั้งสองมาถึงจงเหรินป้าที่เฝ้ารออยู่ก่อนแล้วก็รีบเข้ามาหาทันที
“ศิษย์น้องทั้งสองพวกเจ้ามาถึงแล้ว เกิดสิ่งใดขึ้นเหตุใดพวกเจ้าถึงเดินทางมาข้ากว่าคนอื่น”
หยางเวยกล่าวถามด้วยความสงสัยในท่าทางของจงเหรินป้ายิ่งนัก
“เกิดสิ่งใดขึ้นศิษย์พี่”
“วันพรุ่งนี้เราทั้งหมดต้องออกไปทำภารกิจที่ด้านนอกแล้ว”
“เหตุใดถึงได้รวดเร็วนักเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้าสำนักถันลู่จวิ้นถูกพวกปีศาจด้านนอกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสอีกทั้งยังมีผู้อาวุโสหลายคนตกตายไปหลายคน จึงต้องเร่งส่งพวกเราออกไปจัดการ”
ทั้งสองได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว
“น่าแปลกนักระดับเจ้าสำนักคชสารธรณีเหตุใดถึงบาดเจ็บสาหัสได้ อีกทั้งผู้อาวุโสที่ตกตายไปแต่ละคนก็อยู่ในระดับสีดำขั้นกลางเกือบทั้งหมด แล้วหากส่งพวกเราออกไปไม่เท่ากับส่งพวกเราไปตายรึศิษย์พี่”
“ข้าเข้าใจเจ้าศิษย์น้องหยางเวยที่ข้ารีบมาหาพวกเจ้าไม่ใช่มาแจ้งข่าว แต่จะมาพาศิษย์น้องเนี่ยฟงเข้าพบเจ้าสำนักถันลู่จวิ้นตามคำสั่ง”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เช่นนั้นท่านนำทางเถอะ”
จงเหรินป้ายกยิ้มหันหลังมุ่งหน้าไปที่กระโจมที่พักของเจ้าสำนักคชสารธรณี เมื่อทั้งสองเข้ามาถึงด้านหน้ากลิ่นยาฉุนลอยออกมาจากด้านในทันทีที่เนี่ยฟงได้กลิ่นก็เอ่ยวาจาออกมา
“ผู้ใดเป็นคนจัดเตรียมยารักษาเจ้าสำนัก”
“เป็นท่านหมอที่ประจำอยู่ที่นี่นานแล้ว”
เนี่ยฟงพยักหน้าสะบัดมือขวานำแผ่นหินออกมาสิบแผ่นกระโดดขึ้นด้านบนซัดแผ่นหินล้อมรอบกระโจมเอาไว้สร้างความแปลกใจต่อจงเหรินป้าไม่น้อย ส่วนหยางเวยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือขวานำมีดอันแปลกประหลาดออกมาถือ เนี่ยฟงลงมาเหยียบพื้นก็เอ่ยวาจาออกมาอีกครั้ง
“ข้าให้เวลาท่านห้าลมหายใจ หากไม่ออกมาข้าคงต้องเข้าไปสังหารท่านด้านใน”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากด้านใน จงเหรินป้าเองรู้สึกงุนงงไม่น้อยกับการกระทำของเนี่ยฟง ไม่รีรอเนี่ยฟงเอ่ยวาจานับทันที
“หนึ่ง สอง สาม สี่”
ทันทีเมื่อเอ่ยถึงสี่ก็มีฝ่ามือสีดำถูกซัดออกมาจากกระโจม เปรี้ยง เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาต้านรับ พร้อมกับชายชราผู้หนึ่งผมสีดอกเลามัดผมหางม้าสวมชุดสีเขียวก้าวเดินออกมาด้านหน้ากระโจม
“เหอะ ในที่สุดก็ยอมออกมาเสียที”
“รู้มากจริงนะไอ้เด็กเวร”
“กลิ่นเหม็นสาบของพวกปีศาจเช่นท่านต่อให้ใช้สมุนไพรกลิ่นแรงแค่ไหนก็หาได้ซ่อนกลิ่นของพวกปีศาจไปได้”
หยางเวยเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยวาจา
“ศิษย์พี่ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้วมีปีศาจแฝงตัวอยู่ที่นี่ รบกวนท่านรีบแจ้งข่าวให้คนของท่านและกลุ่มของแม่นางฟางจวินซีให้มาที่นี่ด้วยขอรับ”
จงเหรินป้าตื่นตกกับสิ่งที่หยางเวยกล่าวไม่น้อย หลังจากตั้งสติได้ก็รับพุ่งออกไปทันที
“คิดหนีรึ”
ชายชราผู้นั้นหันไปมองจงเหรินป้าพร้อมกับซัดฝ่ามือขวาออกไป ปราณฝ่ามือสีดำพุ่งทะยานออกไปติดตามจงเหรินป้าแต่ทว่าก็ถูกสกัดกั้นด้วยเกราะสายฟ้า เปรี้ยง
“คู่ต่อสู้ของท่านคือข้า อย่าสนใจผู้อื่นเลยขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวหยางเวยก็พุ่งทะยานเข้าหาขายชราด้านหน้าพร้อมกับมีดในมือ คมมีดปะทะกรงเล็บของชายชราเสียงดังลั่น เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เนี่ยฟงรีบเข้าไปด้านในกระโจมเพื่อตรวจสอบอาการของเจ้าสำนัก พบว่ารอบกายมีปราณสีดำเข้าปกคลุมอยู่
“ไอ้หนูรีบจัดการปราณสีดำนั่นก่อน”
เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏที่ด้านบนร่างของเจ้าสำนักถันลู่จวิ้นไม่นานเมื่อก่อตัวสำเร็จได้มีประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์เผาทำลายปราณสีดำจนหมด พบเห็นเจ้าสำนักมีร่างกายที่ซูบผอมนอนลมหายใจรวยริน ขวดยาสามขวดปรากฏออกมาพร้อมกับถุงผ้าใส่เข็มเงิน เม็ดยาสองเม็ดจากขวดยาสองขวดถูกนำมาป้อนให้เข้าสำนักทันที ส่วนเม็ดยาในขวดยาอีกขวดเนี่ยฟงนำมาขยี้ทาตามร่างกายพร้อมกับนำเข็มเงินออกมาใช้
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงการปะทะระหว่างหยางเวยและชายชราด้านหน้ากระโจมเสียงดังสนั่น แน่นอนว่าทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบรีบพุ่งทะยานมาที่นี่ เปรี้ยง หยางเวยถูกถีบกระเด็นไปด้านหลัง แต่ทว่าเมื่อเหยียบถึงพื้นก็ถีบเท้าพุ่งเข้าปะทะอย่างไม่ลดละ จงเหรินป้ากลับมาพร้อมกับกลุ่มของฟางจวินซี เสี่ยวจู และกลุ่มของตน ส่วนหยางเฟยติดตามมาทีหลังพร้อมกับผู้อาวุโสหลายสิบคน มีหลายคนล้วนแล้วแต่แปลกใจที่เห็นทั้งสองเข้าปะทะกัน แต่ทว่าไม่นานหลายคนก็เห็นบางอย่าง หมอชราที่หลายคนรู้จักทันทีที่ถูกคมมีดของหยางเวยกรีดผ่านร่างกาย เลือดที่ไหลออกมาเป็นสีเขียวหาซึ่งเป็นเช่นสีแดง
ชั่วน้ำเดือดก็ได้ยินเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรจากในกระโจม ไม่ถึงสองลมหายใจก็เห็นกิเลนอัสนีพุ่งทะยานออกมาโดยมีเจ้าสำนักถันลู่จวิ้นนอนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับเนี่ยฟงที่พุ่งทะยานติดตามออกมา เสี่ยวจูเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบนำร่างเจ้าสำนักลงมารักษาอาหารบาดเจ็บต่อ เนี่ยฟงหันไปมองหยางเวยที่สภาพตอนนี้หาได้สู้ดีนักร่างกายมีแต่รอยแผล พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“ขอบใจเจ้ามากหยางเวย”
“ไอ้บ้าเนี่ยฟงรีบจัดการเถอะ ข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
เนี่ยฟงรีบโคจรลมปราณซัดฝ่ามือลงพื้น เปรี้ยงประกายสายฟ้าพุ่งเข้าหาแผ่นหินที่ซัดทิ้งไว้ วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาจากแผ่นหินพุ่งทะยานออกมาไม่นานก็กลายเป็นโดมสีฟ้าขนาดใหญ่ครอบหยางเวยและชายชราเอาไว้ หยางเวยแสยะยิ้มเดินเข้าหาชายชราด้านหน้าที่กำลังตื่นตกใจกับพลังปราณของตนที่หดหาย
“ยังมีสิ่งที่ท่านต้องแปลกใจอีกเยอะ เพียงแต่ว่าตัวท่านเองนั้นหาได้ต้องรับรู้อีกต่อไป เพราะคนตายไม่จำเป็นต้องรับรู้”
มีดของหยางเวยจ้วงแทงเข้าไปที่หน้าอก ปลายมีดทะลุออกไปทางด้านหลังเลือดสีเขียวไหลออกมาจากบาดแผล ปราณสีดำยังคงพุ่งโพยออกมาเพียงแต่ว่าก็ถูกประกายสายฟ้าจากโดมพุ่งเข้าเผาทำลายจนหมดสิ้น หยางเวยดึงมีดออกมาช้าๆพร้อมกับตวัดผ่านลำคอ ฉับ ศีรษะของชายชรากระเด็นร่วงลงพื้น ร่างค่อยๆร่วงลงไปกองกับพื้น เนี่ยฟงเมื่อเห็นว่าหยางเวยจัดการเสร็จสิ้นก็ซัดฝ่ามือลงพื้นอีกครั้ง เปรี้ยง พร้อมกับสะบัดมือขวาเก็บแผ่นหินทั้งหมดลงแหวนในมือขวา หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมาเสียงดังลั่น
“ข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบ ตอนนี้ในค่ายแห่งนี้ ได้มีพวกปีศาจแฝงตัวเข้ามาอยู่ที่นี่นานแล้ว วิธีตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นปีศาจแฝงตัวนั้นง่ายมาก พวกท่านจงกรีดแขนของตนเอง ผู้ใดมีเลือดเป็นสีเขียวพวกท่านจงมั่นใจว่าคนผู้นั้นเป็นปีศาจแฝงตัวมาแน่นอน”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงหลายคนถีบเท้าพุ่งทะยานออกมานับยี่สิบคน มีชายผู้หนึ่งเอ่ยวาจาออกมาพร้อมกับจ้องมองมาที่เนี่ยฟงอย่างไม่วางตา
“รู้มากจริงนะไอ้เด็กเวร”
“แน่นอนข้ารู้แม้กระทั่งเจ้าสำนักหลิวปังก็เป็นปีศาจเช่นพวกเจ้า”
ผู้คนทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตื่นตกใจในสิ่งที่เนี่ยฟงกล่าวรวมไปถึงพวกปีศาจที่พุ่งทะยานออกมา
“บัดซบเจ้ารับรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าสำนักหลิวปังเป็นปีศาจเช่นพวกข้า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าหาได้รับรู้ เพียงแค่กล่าวออกมาเป็นพวกเจ้าเองที่กล่าวยอมรับไม่ใช่รึ”