บทที่ 205
ทันทีที่ทั้งหมดออกมาจากป่าผู้อาวุโสหลายคนรวมไปถึงเจ้าสำนักตื่นตกใจไม่น้อย ศิษย์สำนักพยัคฆ์ขาวตกตายจนเกือบหมดหลงเหลือเพียงไม่กี่กลุ่ม ส่วนกลุ่มอื่นๆเช่นกันมีบางส่วนตกตายในป่าไม่มากก็น้อย หลายคนเริ่มที่จะเดินมารวมกลุ่มของตน จากที่สังเกตเห็นมีเพียงกลุ่มของฟางจวินซีเท่านั้นที่ยังอยู่ครบ อีกทั้งแต่ละคนในกลุ่มระดับพลังปราณเพิ่มสูงขึ้นจนน่าแปลกใจ แน่นอนยอมมีผู้สงสัยในเรื่องนี้คือผู้อาวุโสเหยินสงแต่ก็ต้องนิ่งเงียบไปเพราะเจ้าสำนักหลิวปังเอ่ยวาจาออกมาเสียก่อน
“เอาละในเมื่อพวกเจ้าออกมาแล้ว รีบกลับไปพักรักษาตัวที่สำนักเถอะ ตอนนี้ที่เขตเมืองหน้าด่านไม่ค่อยสู้ดีนัก ข้าจำเป็นที่จะต้องส่งพวกเจ้าบางส่วนเดินทางไปช่วยเหลือที่นั่น”
หลายคนได้ยินเช่นนั้นล้วนแล้วแต่เอ่ยวาจาสบถในใจ มีเพียงเนี่ยฟงเท่านั้นที่ยกยิ้มกอดอกอย่างดีใจ เป็นหยางเวยที่เอ่ยถาม
“เจ้ายกยิ้มอันใดเนี่ยฟง”
“ความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นหยางเวย คนพวกนั้นคิดสังหารเราโดยแอบอ้างปัญหาที่เขตเมืองหน้าด่าน พวกมันคงเตรียมแผนเอาไว้แล้ว ดีข้าจะล้างบางพวกมันเริ่มจากเมืองหน้าด่าน เข้ามาที่เมืองหลวง หือ ระดับพลังเจ้าเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย”
“ต้องขอบคุณคุณชายเนี่ยฟง อีกเพียงไม่กี่ก้าวข้าคงตัดผ่านระดับสีดำชั้นกลางแล้ว”
“สมบัติที่เจ้าปล้นชิงมาคงมีไม่น้อย หากกลับไปที่เมืองหลวงข้ารบกวนเจ้าหาช่างทำแผ่นหินให้ข้าได้หรือไม่”
“แน่นอนแผ่นหินเพียงไม่กี่ชิ้นข้าสามารถจัดการให้เจ้าได้ ว่าแต่เจ้าจะเอาเท่าไร”
“ไม่มากไม่น้อย ห้าร้อยชิ้น”
“บัดซบ เหตุใดเจ้าถึงต้องใช้เยอะถึงเพียงนั้น”
“เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เองหยางเวย เอาละตอนนี้รีบกลับสำนักเถอะ”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟง ทั้งสองก็ถีบเท้าพุ่งทะยานขึ้นหลังนกยักษ์พร้อมกับกลุ่มของเสี่ยวจู ฟางจวินซี จงเหรินป้าและหยางเฟย แน่นอนว่าทันทีที่ทั้งสองพบเห็นเนี่ยฟงรีบเอ่ยวาจาขอบคุณยกใหญ่ เนี่ยฟงทำได้พยักหน้าตอบรับหาได้เอ่ยวาจาใดๆออกมาเพราะว่าผู้อาวุโสสำนักนั่งมาด้วย หลังจากกลับมาที่สำนักทั้งหมดก็รวมตัวที่บ้านพักของเนี่ยฟง โดยเนี่ยฟงให้จงเหรินป้าและหยางเฟยมีหน้าที่ออกมาไปหาคนสำหรับสร้างกลุ่มเพิ่มโดยกลุ่มใหม่ให้ทั้งสองคนเป็นคนดูแล ส่วนวิธีการต่อสู้เป็นค่ายกลให้เสี่ยวจูเป็นคนฝึกสอน ส่วนกลุ่มของฟางจวินซีเองเป็นฟางจวินซีที่ออกไปรวบรวมกำลังคนเพิ่มอีกเช่นกัน
ช่วงเวลาตั้งแต่กลับมาถึงเมืองหลวงเป็นหยางเวยที่เดินพล่านไปทั่วทั้งเมืองเพื่อหาช่างสำหรับทำแผ่นหินให้แก่เนี่ยฟง เวลาไหลผ่านไปหกวันก็มีคำสั่งเรียกตัวทั้งหมดมารวมตัวที่ลานกว้างด้านหน้าสำนักพยัคฆ์ขาว มีสองกลุ่มใหญ่ๆด้วยกันที่เห็นอย่างเด่นชัดคือกลุ่มของจงเหรินป้าและกลุ่มของเสี่ยวจูและฟางจวินซี ส่วนเนี่ยฟงหาได้รวมกลุ่มใดยืนกับหยางเวยเพียงแค่สองคน แน่นอนว่าทั้งสองทำเพียงหลอกล่อคนของเจ้าสำนักที่คอยจ้องมองมาเท่านั้น ชั่วน้ำเดือดเจ้าสำนักหลิวปังก็เดินออกมาพร้อมกับผู้อาวุโสอีกสี่คน
“พวกเจ้าคงเตรียมตัวกันมาพร้อมแล้วตลอดระยะเวลาหกวันที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่วันก่อนทางเมืองหน้าด่านได้ส่งจดหมายด่วนมาจากท่านถันลู่จวิ้น ถึงเหตุการณ์อันแปลกประหลาดของพวกสัตว์อสูรและพวกปีศาจที่แอบเข้ามาประชิดเขตเมือง ดังนั้นจึงขอกำลังคนจากที่นี่เข้าไปรวมรบ แต่ทว่าการเดินทางครั้งนี้จำเป็นที่พวกเจ้าจะต้องเดินทางกันเอง เพราะผู้อาวุโสบางส่วนออกไปทำภารกิจสังหารสัตว์อสูรและปีศาจในพื้นที่อื่นตลอดระยะเวลาหกวันที่พวกเจ้าได้พักผ่อน”
เนี่ยฟงหรี่ตามมองรอบด้านจนทั่วแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ หลายคนต่างหันมองหน้ากันด้วยความตื่นตัว แน่นอนว่ากลุ่มไหนมีสัตว์อสูรประเภทบินได้อยู่ในกลุ่มย่อมเป็นที่ได้เปรียบ ส่วนกลุ่มไหนไม่มีจำเป็นที่จะต้องเดินทางหรือไม่ก็ต้องอาศัยรถม้า แน่นอนว่ากลุ่มของฟางจวินซีและจงเหรินป้าหาได้มีปัญหา เพราะทั้งสองคนเตรียมตัวการเดินทางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่นานคำกล่าวของเจ้าสำนักหลิวปังก็จบลง มีแต่เสียงผู้คนโห่ร้องเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ สัตว์อสูรประเภทบินได้ต่างเริ่มปรากฏกายออกมา หลายกลุ่มรีบออกเดินทาง มีเพียงเนี่ยฟงและหยางเวยเท่านั้นยังไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวใดๆ เพียงจ้องมองพวกของจงเหรินป้า ฟางจวินซีและเสี่ยวจูเดินทางออกไปก่อน
ยังมีอีกหลายกลุ่มเช่นกันที่เดินทางโดยใช้รถม้า เนี่ยฟงและหยางเวยทั้งสองก้าวเดินอย่างช้าๆออกจากเมืองอย่างไม่เร่งรีบประดุจเฝ้ารอบางอย่าง ทั้งสองเดินทางอย่างไม่เร่งรีบพุ่งทะยานไปตามทางค่ำไหนนอนที่นั่น แม้แต่กิเลนอัสนีเนี่ยฟงก็หาได้เรียกใช้ สร้างความแปลกใจแก่หยางเวยไม่น้อยเช่นกัน ไม่นานสิ่งที่เนี่ยฟงเฝ้ารอก็เกิดขึ้น
“หยางเวยเตรียมตัวให้พร้อมมีกลุ่มคนมุ่งหน้ามาที่นี่”
“เยอะหรือไม่”
“ประมาณแปดคน”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงสะบัดมือขวานำแผ่นหินออกมาแปดแผ่น โยนออกไปล้อมรอบบริเวณหลังจากนั้นก็นั่งรอกลุ่มคนที่มาที่นี่ ชั่วน้ำเดือดเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“เชิญพวกท่านทั้งหลายลงมาพูดคุยด้านล่างเถอะ”
คนทั้งแปดสวมชุดสีเทาพุ่งทะยานลงมาจากกิ่งไม้ยืมล้อมรอบชายหนุ่มทั้งสองเอาไว้
“หยางเวยจัดการที่เหลือด้วย”
หยางเวยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นหันไปมองเนี่ยฟงที่ด้านหลัง ที่ตอนนี้ยืนพิงต้นไม้กอดอกหาได้ทำสิ่งใด พอหยางเวยหันกลับมามองกลุ่มคนทั้งแปด คนพวกนั้นก็พุ่งเข้าหาหยางเวยอย่างรวดเร็ว ดาบในมือทั้งแปดเล่มถูกฟาดฟันออกมา ปราณดาบสีแดงและขาวพุ่งทะยานเข้ามา เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เกราะสายฟ้าสี่อันหมุนวนกันต้านปราณดาบให้แก่หยางเวย มีดอันแปลกประหลาดปรากฏขึ้นที่มือพร้อมกับฟาดฟันออกไปในแนวขวาง ปราณมีดสีม่วงพุ่งทะยานเข้าปะทะเกราะสีแดงเสียงดังสนั่น เปรี้ยง ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย เสียงตะโกนสั่งการดังลั่น
“มันใช้พิษแล้ว พวกเจ้าระวัง”
สัตว์อสูรประเภทนกสองตัวปรากฏกายออกมาสะบัดปีกแรงลมพัดควันพิษจางหาย หยางเวยขมวดคิ้วทั้งสองอีกครั้ง
“ไอ้บ้าเนี่ยฟง เจ้าไม่คิดที่จะช่วยข้าหน่อยรึ”
“ไม่เอาน่าหยางเวยคนเพียงแค่นี้เจ้าจัดการได้อยู่แล้ว”
หยางเวยหาได้กล่าวสิ่งใดตอบ เร่งโคจรลมปราณระเบิดพลังปราณระดับสีดำขั้นต้นออกมาพร้อมกับปราณพิษสีม่วง ตูม อสรพิษดำปรากฏกายออกมาจากด้านหลังผู้เป็นนาย แรงกดดันสัตว์อสูรระดับสีดำขึ้นกลางแผ่ออกมา ชายฉกรรจ์ทั้งแปดหาได้มีใครหวาดกลัว วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏออกมาสี่วงจากชายฉกรรจ์สี่คน ทันทีที่หยางเวยพุ่งทะยานเข้ามาเถาวัลย์สีแดงก็พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว อสรพิษดำรีบพ่นพิษออกมาสกัดกั้นให้ผู้เป็นนายพร้อมกับใช้หางตวัดฟาดใส่ชายฉกรรจ์ทั้งแปด ตูม ตูม ตูม แต่ทว่าไม่ถึงหนึ่งเค่ออสรพิษดำก็ถูกเถาวัลย์สีแดงพุ่งเข้ารัดตัวอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นหยางเวยที่กำลังเข้าปะทะกับคนทั้งแปดอย่างเมามัน มีดในมือทั้งตวัดและฟาดฟันต้านรับดาบทั้งแปดเล่ม เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง หยางเวยเองก็รอให้คนทั้งแปดเข้ามาประชิดเช่นกัน ตูม ปราณพิษสีม่วงถูกระเบิดออกจากร่าง ชายทั้งแปดคนรีบถีบเท้าหนี ปราณมีดสีม่วงพุ่งทะยานออกมาควันพิษ เปรี้ยง แต่ทว่าก็ถูกสกัดกั้นโดยเกราะสีแดงอีกเช่นเคย หยางเวยรีบถีบเท้าถอยออกมา เนี่ยฟงเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายศีรษะเอ่ยวาจาออกมา
“หยางเวยใช้แผ่นหินที่ข้าให้ซะ”
หยางเวยจ้วงแทงมีดลงพื้นสะบัดมือขวานำแผ่นหินออกมาถือไว้ที่มือซ้าย เนี่ยฟงแสยะยิ้มรีบโคจรลมปราณไปที่มือขวาซัดลงพื้นดิน เปรี้ยง ประกายสายฟ้าพุ่งไปตามพื้นมุ่งหน้าไปทางแผ่นหินที่โยนทิ้งไว้ วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาจากแผ่นหินพุ่งทะยานออกมาไม่นานก็กลายเป็นโดมสีฟ้าขนาดใหญ่ครอบคนทั้งหมดเอาไว้ ชายทั้งแปดเริ่มสงสัยมีหลายคนแสยะยิ้ม เอ่ยวาจาออกมา
“พวกเจ้าโง่หรืออย่างไรสร้างโดมพลังปราณเพื่อปิดทางหนีของตัวเอง”
เนี่ยฟงยกยิ้มกล่าววาจาตอบ
“ปิดทางหนีของตนเองหรือไม่อีกไม่นานพวกท่านก็รับรู้เอง”
“ปากดีนักไอ้เด็กเวร พวกเราสังหารมันซะ”
สิ้นเสียงสั่งการของชายที่เอ่ยวาจา ทั้งเจ็ดคนก็เร่งโคจรลมปราณหมายระเบิดพลังเข้ากดดัน แต่ทว่ากลับโคจรลมปราณไม่ได้ ส่วนชายอีกสี่คนที่สามารถสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ไม่สามารถสร้างได้ เป็นเนี่ยฟงเองที่เอ่ยวาจาออกมา
“เชิญคุณชายหยางเวย สังหารได้ตามใจชอบขอรับ”
หยางเวยได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาดังลั่นระเบิดพลังปราณออกมา ตูม ชายฉกรรจ์ทั้งแปดถึงกับดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ สบถออกมาเสียงดังลั่น
“เกิดเรื่องบัดซบใดขึ้นที่นี่”