บทที่ 204
เสียงสบถดังลั่นออกมาดาบในมือขวาจ้วงแทงพื้นโดยใช้มือซ้ายยันไม่ให้ตัวเองล้ม มือขวาโบกสะบัดนำขวดยาออกมาถือไว้ แต่ทว่ายังไม่ทันได้เปิดจุกขวดยาก็ต้องดวงตาเบิกโพลงกัดฟันถีบเท้าถอยออกมาด้านหลังเพราะปราณดาบสีฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้ามา เปรี้ยง โชคดีที่ชายฉกรรจ์อีกคนรีบสร้างเกราะสีแดงออกมาต้านรับปราณดาบสีฟ้าเอาไว้ หยางเวยเองเมื่อพุ่งทะยานข้ามไปรีบมุ่งหน้าเข้าหาหยางเฟยที่ตอนนี้ลมหายใจรวยรินนอนอยู่บนพื้น เสียงสะบัดมือขวาขวดยาสีขาวนวลถูกนำออกมา เม็ดยาจำนวนสามเม็ดถูกยัดเข้าไปในปาก พร้อมกับแบกร่างของหยางเฟยหลบหนี
เมื่อออกมาจากบริเวณต่อสู้อสรพิษดำปรากฏตัวล้อมตัวหยางเฟยเอาตรงกลาง ส่วนหยางเวยรีบพุ่งทะยานออกไปช่วยเหลือจงเหรินป้า ทันทีที่ถึงตัวเม็ดยาถูกป้อนถึงสามเม็ดเช่นกันหลังจากนั้นก็ถูกหยางเวยแบกร่างพามาหลบที่ด้านหลังอสรพิษดำ ตอนนี้เนี่ยฟงฟาดฟันดาบในมือเข้าหาเกราะสีแดงที่ถูกสร้างมาต้านรับ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ทุกครั้งที่ฟาดฟันดาบเนี่ยฟงจะเพิ่มพลังปราณขึ้นทีละส่วน ชั่วน้ำเดือดเกราะสีแดงก็ถูกทำลายลงพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกผู้หนึ่งกระอักเลือดออกมา เสียงกั้นด่าดังมาจากชายฉกรรจ์ทั้งสอง หยางเวยแสยะยิ้มก้าวเดินเข้าหาทั้งสองอย่างช้าๆ
“โธ่เว้ย พวกมันเก่งกาจนัก เห็นทีเราต้องหนีก่อน”
“ได้ รีบเถอะ”
หยางเวยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาพร้อมกับซัดฝ่ามือออกไป ทันทีที่ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งเข้าปะทะเกราะสีแดง เปรี้ยง ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏ แต่ทว่าอยู่ๆวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็สลายหายไปชายฉกรรจ์ที่สร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ถึงกับขมวดคิ้ว เป็นเนี่ยฟงถือธงสามเหลี่ยมเอาไว้ในมือซ้ายแสยะยิ้มจ้องมองชายฉกรรจ์ทั้งสอง ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งหายเข้าไปในควันพิษ เสียงการปะทะดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ติดตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ทันทีที่เสียงร้องโหยหวนเงียบลง หยางเวยพุ่งทะยานหายเข้าไปด้านในควันพิษไม่ถึงสามลมหายใจก็แบกร่างชายฉกรรจ์ทั้งสองออกมาโยนลงพื้นดินหน้าเนี่ยฟง เนี่ยฟงเองเมื่อเห็นทั้งสองก็เก็บธงสามเหลี่ยมสะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าที่ใต้เท้าของทั้งสองไม่นานก็มีเถาวัลย์สีฟ้าพุ่งรัดตัวทั้งสองเอาไว้ เสียงเอ่ยถามดังมาจากหยางเวย
“พวกท่านทั้งสองเป็นผู้ใดกันเหตุใดถึงลงมือทำร้ายเพื่อนของข้า”
ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งที่ถูกกระบี่จ้วงแทงหันมาจ้องมองหยางเวยอย่างไม่วางตา
“ไอ้ลูกหมาเป็นแกสินะที่สังหารน้องชายข้า”
หยางเวยถึงกับขมวดคิ้วทั้งสองข้าง ก้าวเดินเข้าไปกระชากผ้าปิดหน้าของชายที่เอ่ยวาจาออกถึงได้จดจำได้ว่าชายที่ตนสังหารก่อนมีหน้าตาคล้ายกัน
“ต้องขออภัยพี่ชาย เป็นชายผู้นั้นคิดสังหารข้าเอง ข้าจำเป็นต้องป้องกันตัว”
เนี่ยฟงเห็นว่าหากไปให้ทั้งสองกล่าววาจากันต่อไปไม่เป็นผลดีแน่จึงรับเอ่ยวาจาต่อหยางเวย
“หยางเวยข้าฝากเจ้าสอบสวนคนทั้งสองด้วย ข้าจะไปดูอาการของหยางเฟยก่อน”
“ได้วางใจข้าเถอะ”
ทันทีที่หยางเวยตอบรับเนี่ยฟงก็รีบเข้าไปตรวจอาการของหยางเฟยทันที เสียงสะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏที่พื้น ไม่นานก็กลายเป็นโดมสีฟ้าครอบทั้งสามเอาไว้ด้านใน เนี่ยฟงรับตรวจดูอาหารของหยางเฟย พร้อมกับนำขวดยาสีขาวนวลออกมาอีกสองขวด ขวดแรกเทเม็ดยาออกมาขยี้ใส่บาดแผลทั้งข้างหน้าแล้วข้างหลัง เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากบาดแผลเริ่มที่จะแข็งตัวแล้วบาดแผลเริ่มปิดตัวลง ส่วนขวดยาขวดที่สอง เนี่ยฟงจัดการป้อนยาให้ทานอีกหนึ่งเม็ดหลังจากนั้นก็นำเข็มเงินออกมา จับหยางเฟยนั่งจัดการฝังเข็มนับร้อยจุดตามร่างกาย หลังจากสะบัดมือขวาประกายสายฟ้าพุ่งเข้าหาเข็มเงินทีละจุด
เนี่ยฟงสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าอีกหนึ่งวงสำหรับส่งผ่านประกายสายฟ้าไปที่เข็มเงินหลังจากนั้นก็รีบพุ่งไปดูอาการบาดเจ็บของจงเหรินป้า เมื่อเข้ามาถึงรีบตรวจสอบอาการบาดเจ็บ เนี่ยฟงเทเม็ดยาออกห้าเม็ดฉีกกระชากเสื้อผ้าที่สวมใส่ออกเห็นมัดกล้ามและบาดแผลจากการถูกรัด เม็ดยาทั้งห้าถูกขยี้โรยลงไปที่บาดแผลจนหมดหลังจากนั้นก็ให้จงเหรินป้านอนรักษาตัว ส่วนหยางเฟย ประกายสายฟ้าส่งผ่านเข็มเงินพุ่งเข้าหาร่างกาย เกือบชั่วยามหยางเฟยอาการเริ่มดีขึ้น เลือดเสียถูกขับออกมาอย่างต่อเนื่องผ่านเข็มเงิน
ทางด้านหยางเวยเองหลังจากป้อนยาให้แก่ชายฉกรรจ์ทั้งสองก็ทำการสอบสวนอย่างหนักจนรับรู้ว่า ชายฉกรรจ์ทั้งสองเป็นคนของเจ้าสำนักจริงมีชายผู้หนึ่งเป็นคนของเขตปกครอง ทั้งสองเข้ามาตามหาศิษย์สำนักที่เข้ามาหาสมบัติแต่สิ่งของที่เจ้าสำนักอยากได้นั้นตนหาได้ทราบ ส่วนคำสั่งให้สังหารเนี่ยฟงและตนนั้นมีมาตั้งแต่พวกตนทั้งสองเข้ามาในเขตเมืองแล้ว เมื่อรับรู้ทุกอย่างแล้วหยางเวยจึงไม่รีรอที่จะสังหารทั้งสอง แน่นอนเมื่อสังหารเสร็จสิ้นหยางเวยไม่ลืมที่จะปล้นทรัพย์คนทั้งสอง หยางเวยเฝ้ารอเนี่ยฟงออกมาจากโคมสีฟ้าเพื่อที่จะแจ้งข่าว
“เป็นอย่างไรบ้างหยางเวย”
“เป็นไปตามคาดหมายชายทั้งสองเป็นคนที่ทางเจ้าสำนักส่งมาเพื่อค้นหาศิษย์ที่เข้ามาหาสมบัติ ส่วนคำสั่งที่ให้สังหารเราทั้งสองมีมาตั้งแต่เราทั้งสองเดินเข้ามาในเมือง”
“แสดงว่าต้องมีใครบางคนส่งข่าวจากเมืองหน้าด่านเป็นแน่”
“เจ้าคิดว่าผู้ใดกันที่ส่งข่าว”
“เรื่องนั้นเจ้าอย่าใส่ใจเลยหยางเวยต่อให้เป็นเจ้าสำนักหรือใครก็ตามที่คิดสังหารข้า แน่นอนคนพวกนั้นต้องได้รับสิ่งตอบแทนไม่มากก็น้อย เอาละในเมื่อมาถึงขั้นนี้ข้าคงต้องทำบางอย่างตอบแทนคนพวกนั้นบางแล้ว”
“เจ้าจะทำสิ่งใด”
“เวลาที่เหลือข้าขอจัดการบางอย่างเสียก่อน ข้าฝากเจ้าดูแลทั้งสองคนด้วย หากเป็นไปได้เจ้ารีบนำพวกแม่นางเสี่ยวจูมารับทั้งสองไปรักษาต่อ”
“ได้”
“แล้วพบกันตอนที่ออกไปด้านนอกก็แล้วกัน”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวานำขวดยามอบให้แก่หยางเวยอีกสองขวดพร้อมกับแก่นพลังปราณพิษระดับสีดำขั้นกลางให้หยางเวยอีกสามก้อนและแก่นพลังปราณระดับสีดำอีกนับสิบก้อน
“อย่าถามว่าข้าได้มันมาจากที่ใด เจ้ารับมันไปเถอะไม่แน่หากเราออกไปแล้วพวกมันคงมุ่งสังหารเราทั้งสองเป็นแน่ เพราะคนระดับปราณสีดำที่พวกมันส่งตกตายไปแล้วสี่คน ส่วนแก่นพลังปราณที่ไม่มีพิษเจ้ามอบให้แก่พวกเขาทั้งสองเถอะ”
“ได้วางใจเถอะ”
“ได้เช่นนั้นพบกันด้านนอก”
เนี่ยฟงหาได้รอหยางเวยแจ้งข่าวรีบพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งทะยานไปตามกิ่งไม้มุ่งหน้าไปที่ถ้ำหลังม่านน้ำตก ใช้เวลาไม่นานเกือบสองชั่วยามก็เข้ามาถึงด้านใน สิ่งแรกที่เนี่ยฟงกระทำคือนั่งอ่านบันทึกที่ได้จากหยางเวย พร้อมทั้งทดลองสร้างบางอย่างเกี่ยวกับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์
เวลาค่อยๆไหลผ่านอย่างช้าๆ หยางเวยรีบกลับไปแจ้งข่าวแก่เสี่ยวจูและฟางจวินซี พาตัวจงเหรินป้าและหยางเฟยกลับไปรักษาที่ถ้ำ ส่วนหยางเวยเองขอตัวปิดด้านเพิ่มพลังปราณจากแก่นพลังปราณที่ได้รับมาจากเนี่ยฟง ส่วนจงเหรินป้าและหยางเฟยเมื่อฟื้นขึ้นมาทั้งสองได้รับแก่นพลังปราณที่หยางเวยฝากเอาไว้ก็รีบขอตัวปิดด่านเพิ่มพลังปราณด้วยเช่นกัน
ตลอดเวลาที่เหลือเสี่ยวจูและฟางจวินซีได้นำกลุ่มคนที่มีระดับพลังปราณสีดำขึ้นไปออกมาล่าสังหารสัตว์อสูรเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับพลังและเป็นการฝึกโจมตีแบบค่ายกล โดยมีเสี่ยวจูเป็นผู้ฝึกสอนอย่างใกล้ชิด ไม่นานกลุ่มของฟางจวินซีทั้งหมดก็อยู่ในระดับสีดำขึ้นต้นทั้งหมด ทำให้การสังหารสัตว์อสูรง่ายยิ่งกว่าเดิม ในที่สุดก็ถึงเวลาออกไปด้านนอก หยางเวย จงเหรินป้า หยางเฟย ทั้งสามออกจากการปิดด่านอย่างทันท่วงที ระดับพลังปราณของทั้งสามเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ส่วนเนี่ยฟงออกมาจากถ้ำได้ก่อนสองวัน ไล่ล่าสัตว์อสูรในป่าเพียงผู้เดียวอย่างเมามันเพราะชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ใหม่ที่ได้คิดค้นขึ้น
“ไอ้หนู เจ้าสร้างความแปลกใจให้แก่ข้าไม่น้อย ความสามารถในการใช้ชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าช่างเปิดหูเปิดตาแก่ข้านัก หากเมื่อครั้งที่เจ้าออกไปด้านนอกคงร่ำรวยเพราะขายแผ่นหินอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าสร้างเป็นแน่”
“ต้องขอบใจบันทึกที่ได้มาขอรับ ข้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าสำนักต้องการคงเป็นบันทึกเล่มนี้เป็นแน่ เอาละคงถึงเวลาออกไปแล้วครั้งนี้จะเป็นข้าเองที่ไล่ต้อนคนพวกนั้นให้โผล่หางออกมาเสียที”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงป้ายที่รับมาก่อนเข้ามาด้านในก็ส่องแสงร่างกายของเนี่ยฟงค่อยๆจางหาย ทิ้งซากศพของสัตว์อสูรช้างป่าหลายสิบตัวนอนตายกองอยู่บนพื้น