บทที่ 202
เสียงย่ำเท้าหนักๆพุ่งทะยานหลบหนีปราณมีดสีม่วงแฝงไปด้วยพิษร้ายที่พุ่งติดตามจากด้านหลัง แต่ทว่ากลับพุ่งชนบางอย่างด้านหน้าเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เกราะสายฟ้าสามอันปรากฏขึ้นมาสกัดกั้นการหลบหนีด้านหน้า สัตว์อสูรหมีตัวใหญ่ขนสีน้ำตาล บริเวณหน้าอกมีขนสีขาวขึ้นเต็มแผงอก แต่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงจากบาดแผลขนาดใหญ่ใต้คาง ด้านหลังหนามแหลมขนาดใหญ่ยาวไปถึงหางมีสภาพแตกหักอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่กี่อัน กรงเล็บแหลมคมทั้งสองข้างถูกทำลายลงเพราะต้านรับปราณดาบสีฟ้า
วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏที่พื้นด้านหน้า ไม่ถึงสามลมหายใจเถาวัลย์สีฟ้าพุ่งเข้ารัดตัวหมีขนสีน้ำตาล มันพยายามดิ้นรนและฉีกกระชากเถาวัลย์สีฟ้าเพื่อหลบหนี เลือดสีแดงเริ่มไหลออกมาจากรอยบาดแผลตามร่างกาย เสียงร้องโหยหวนดังลั่นออกมาเพราะความเจ็บปวด ไม่ถึงสามลมหายใจปราณมีดสีม่วงวาดผ่านลำคออย่างรวดเร็ว ฉับ ศีรษะกระเด็นร่วงหลุดลงพื้นพร้อมกับเสียงล้มที่ดังสนั่น เสียงคมมีดวาดผ่านลำตัวเพื่อนำเอาดีและเสียงดาบที่จ้วงแทงไปที่กะโหลกเพื่อนำแก่นพลังปราณออกมาจากร่าง
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพุ่งทะยานไปที่ใด ก็ได้ยินเสียงตบมือดังแว่วเข้ามาทางซ้ายมือ เมื่อหันไปมองเห็นพวกจงเหวินป้าเดินออกมาจากชายป่า
“ข้าคิดว่าเป็นผู้ใดเสียงอีกที่แท้เป็นพวกเจ้าทั้งสอง พบเจอพวกเจ้าก็ดีแล้วข้ามีเรื่องด่วนจะแจ้งให้ทราบ”
หยางเวยขมวดคิ้วเอ่ยวาจาสอบถาม
“เรื่องสิ่งใดขอรับศิษย์พี่”
“เมื่อสองวันก่อนข้าได้พบผู้อาวุโสของสำนักสามคนเดินทางเข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวค้นหาศิษย์สำนักพยัคฆ์ขาวกลุ่มหนึ่งตามคำสั่งเจ้าสำนัก ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงยังไม่รู้เลยรีบมาแจ้งก่อน ส่วนพวกแม่นางเสี่ยวจูและแม่นางฟางจวินซีข้าได้แจ้งข่าวนี้แก่พวกนางแล้วเช่นกัน พวกเจ้าระวังตัวหน่อยก็ดี”
“ ขอบคุณศิษย์พี่มากขอรับ”
“หากไม่มีสิ่งใดแล้วข้าต้องขอตัวก่อนเพื่อไปแจ้งข่าวให้กับคนที่เหลือ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วที่จะออกจากที่นี่ระวังตัวของพวกเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
“เช่นกันขอรับศิษย์พี่”
ไม่นานกลุ่มของจงเหวินป้าก็ออกเดินทางไปทางขวามือหายลับไปกับต้นไม้ใหญ่โดยรอบ เนี่ยฟงขมวดคิ้วสะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏขึ้นด้านบนศีรษะของทั้งสองไม่นานก็กลายเป็นโดมสีฟ้าครอบคนทั้งสองเอาไว้
“เกิดสิ่งใดขึ้นเนี่ยฟง”
“หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าสำนักหลิวปังคงเริ่มลงมือแล้ว”
“เจ้าคิดว่าพวกนั้นต้องการติดตามคนกลุ่มนั้นเพราะเหตุใด”
“เจ้าจำที่เราสังหารคนกลุ่มหนึ่งเพื่อเข้าไปห้องเก็บสมบัติได้หรือไม่ มีความเป็นไปได้หลายส่วนที่จะเป็นคนกลุ่มนั้น”
“เราจะทำอย่างไรต่อ”
“อย่าใส่ใจ ถึงอย่างไรเสียคนพวกนั้นก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดเราทั้งสองอยู่ดี เอาละจัดการเรื่องของเราต่อเถอะอีกไม่กี่วันก็จะออกจากที่นี่แล้ว ระหว่างทางที่ไล่ตามสัตว์อสูรมาข้าพบเห็นสมุนไพรอยู่หลายต้นด้วยกันที่เหมาะสำหรับนำไปปรุงยาข้าคิดว่าจะกลับไปเก็บพวกมัน”
“เช่นนั้นเชิญคุณชายเนี่ยฟงนำทางขอรับ”
แต่ทว่าเนี่ยฟงยังไม่ไปที่ไหน หันไปจ้องมองด้านหน้าอย่างไม่วางตา หยางเวยเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็หันไปมองด้วยเช่นกัน อยู่ๆสายฝนก็กระหน่ำตกลงมาไม่ถึงห้าลมหายใจทั้งสองก็ได้ยินเสียงแว่วออกมาจากหลังต้นไม้ด้านหน้า
“คงเป็นเจ้าสินะที่สังหารคนของข้า เด็กหนุ่มแซ่เนี่ย”
ชายฉกรรจ์สองคนรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดกันฝนที่ทำจากฟางมัดทั้งตัวบนศีรษะสวมหมวกฟางก้าวเดินออกมาพร้อมกับลมปราณระดับสีดำขั้นกลางที่แผ่ออกมา เนี่ยฟงเองก็หาได้หวาดกลัวสะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าขึ้นมาที่ใต้เท้าเพื่อสลายแรงกดดัน
“เป็นข้าเอง พวกเจ้าคงเป็นคนที่เจ้าสำนักส่งมาสืบหาคนที่ตามหาสมบัติใช่หรือไม่”
“เสียดายยังหนุ่มยังแน่ความสามารถก็หาได้เป็นรองใคร เสียดายที่เจ้าอายุสั้นนัก รู้เรื่องมากนักนะ”
“สั้นหรือยาวตัวข้าเป็นคนกำหนดเอง หาใช่พวกท่านไม่ แต่สำหรับพวกท่านไม่แน่”
“ปากดีนักไอ้หนู”
“ข้าหาได้มีดีแต่ปากฝีมือข้าก็ดีด้วยเช่นกันไม่เชื่อพวกท่านก็ทดสอบดูได้”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงพุ่งทะยานเข้าหาพร้อมกับดาบสีดำในมือ
“ข้าจะสังหารเจ้าเองเด็กหนุ่มแซ่เนี่ย”
ชายฉกรรจ์ด้านหน้าสะบัดมือขวาถือหอกเหล็กปลายแหลมพุ่งเข้าปะทะเช่นกัน เสียงดาบและหอกเข้าปะทะกันเสียงดังลั่น เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง หยางเวยเองตอนนี้ก็กำชับมีดอันแปลกประหลาดในมือขวาเอาไว้จนแน่ ทันทีที่ชายฉกรรจ์อีกคนด้านหน้าพุ่งเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ หยางเวยแสยะยิ้มฟาดฟันมีดออกไป ปราณมีดสีม่วงที่เหม็นสาบพิษร้ายฉุนเข้าจมูกพุ่งเข้าปะทะปราณดาบสีแดงที่ชายฉกรรจ์ด้านหน้าฟาดฟันดาบในมือเข้าสกัดกั้น เปรี้ยง ทั้งสี่ต่างฟาดฟันอาวุธในมืออย่างไม่ลดละ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง
ทันทีที่เข้าประชิดชายฉกรรจ์ที่ถือดาบด้านหน้าหยางเวยระเบิดพลังปราณพิษในร่าง ตูม ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย เสียงสบถด่าดังลั่นมาจากชายฉกรรจ์ด้านหน้า
“ไอ้ลูกหมา”
แต่ทว่าควันพิษสีม่วงของหยางเวยก็ถูกแรงลมจากสัตว์อสูรนกยักษ์ขนสีฟ้ามีแผงคอสีขาวพัดจางหาย อสรพิษดำปรากฏออกมาข้างกายผู้เป็นนายพุ่งเข้าโจมตีนกยักษ์อย่างรวดเร็ว หยางเวยพุ่งทะยานเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว กวัดแกว่งมีดอันแปลกประหลาดในมือเข้าโจมตี เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง ทุกครั้งที่ฟาดฟันมีดหยางเวยแผ่ลมปราณพิษออกจากร่างกาย ไม่ถึงหนึ่งเค่อพิษร้ายของหยางเวยก็แสดงผลออกมา ชายฉกรรจ์ด้านหน้าเริ่มต้านรับช้าลงอีกทั้งยังหันไปมองทางอื่น
ทางด้านเนี่ยฟงเองตอนนี้ต้องคอยต้านรับห่าฝนคมหอกจากชายฉกรรจ์ด้านหน้าจากด้านบนเสียงดังลั่น เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณตวัดดาบขึ้นต้านรับ ปราณดาบสีฟ้าพุ่งเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เสียงถีบเท้าดังเนี่ยฟงพุ่งเข้าประชิดฟาดฟันดาบในมือ เคร้ง ปลายหอกแหลมถูกตัดจนขาดกระเด็น ชายฉกรรจ์ด้านหน้าซัดหอกเข้าโจมตีพร้อมกับสะบัดมือขวานำกระบี่ออกมา
“กล้าประลองเพลงกระบี่กับข้าหรือไม่”
“ต่อให้ท่านใช้อาวุธใดข้าก็จะสังหารท่าน”
“ปากดีนักไอ้หนู”
“ต่อไปจะเป็นศีรษะท่านที่จะขาดกระเด็นเช่นปลายหอก”
“เหอะ ทำเป็นปากดี”
ชายฉกรรจ์ด้านหน้าหาได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มก็ต้องชัดกระบี่ออกจากฝักเพราะชายหนุ่มด้านหน้าพุ่งทะยานเข้าหาเสียแล้ว เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง หลังจากเข้าปะทะไม่กี่สิบเพลงเนี่ยฟงก็ต้องขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นเพราะปราณกระบี่แฝงด้วยไอเย็นเฉียบ เนี่ยฟงแสยะยิ้มถีบเท้าถอยหนีใช้ดาบในมือต้านรับ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง
“ทำไมถึงเอาแต่ถอยหลบล่ะ ไม่กล้าเข้ามาปะทะด้วยหรือ หรือหวาดกลัวจนใช้ดาบไม่เป็นแล้ว”
ไม่มีเสียงกล่าวตอบทำได้เพียงคอยแต่หลบปราณกระบี่ที่แฝงไอเย็นพุ่งเข้ามาด้านหน้า เปรี้ยง เปรี้ยง พื้นดินและต้นไม้ที่ปราณกระบี่พุ่งผ่านเริ่มมีน้ำแข็งขึ้นเกาะมองเห็นได้ชัด เนี่ยฟงหรี่ตามองที่ซ้ายมือเห็นป่าไผ่อยู่บริเวณนั้นจึงยกยิ้มถีบเท้าถอยหลบหนีไปทางซ้าย เสียงตวาดดังลั่น
“คิดหลบหนีรึ”
เนี่ยฟงหาได้สนใจพุ่งทะยานเข้าไปในป่าไผ่ใช้มือซ้ายถือดาบสีดำแอบสะบัดมือขวาซัดกระบี่ออกไปสี่เล่มหลังจากนั้นก็หยุดฝีเท้ายืนจ้องมองชายฉกรรจ์ที่พุ่งเข้ามาด้านหน้า
“ไม่หนีแล้วเรอะ”
“ไม่จำเป็นที่นี่เหมาะสมแล้วที่จะเป็นที่ฝังศพของท่าน”
“เหอะไอ้หนู เมื่อครู่เจ้ายังหลบหนีอยู่เลย”
เนี่ยฟงหาได้กล่าวสิ่งใดตอบกำชับดาบสีดำในมือขวาแน่น ยกมือซ้ายขึ้นกวักเรียกชายฉกรรจ์ด้านหน้า
“ข้าจะสังหารเจ้า”
เงาปราณกระบี่พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงประดุจห่าฝน ตัวเขาเองทำได้เพียงถอยหลังและกวัดแกว่งต้านรับ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เมื่อถอยเข้ามาใกล้ป่าไผ่ เนี่ยฟงสะบัดดาบสีดำในมือกวาดต้นไผ่รอบข้างจนขาดสะบั้นพร้อมกับส่งลมปราณแอบแฝงไปด้วย
“ต่อให้ท่านมีปราณไอเย็นแฝงในกระบี่ก็ไม่แน่ว่าจะหลุดรอดไปได้”
ใบไผ่ถูกม้วนขึ้นกลางอากาศหมุนรอบกายเนี่ยฟง ทันทีที่ฟาดฟันดาบสีดำในมือออกไป ปราณดาบสีฟ้ารวมไปถึงใบไผ่ที่ตัดออกมาพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ใบไผ่แต่ละใบแฝงไปด้วยพลังปราณทำให้ชายฉกรรจ์ด้านหน้าต้านรับอย่างลำบาก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ชายฉกรรจ์ด้านหน้าสนใจแต่ปราณดาบสีฟ้าและใบไผ่มากจนเกินไปไม่ระวังด้านหลัง ถูกกระบี่สี่เล่มที่เนี่ยฟงแอบซัดทิ้งไว้จ้วงแทงจนพรุน เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลชายฉกรรจ์จ้องมองเนี่ยฟงด้วยความเคียดแค้นไม่ถึงสองลมหายใจก็ล้มลงไปนอนกับพื้น