ตอนที่ 54 พี่ชายและน้องชาย
ตอนที่ 54 พี่ชายและน้องชาย
ดอนและซิเรียเดินทางลากเลือนหิมะมากันได้สามวันแล้วตามเส้นทางที่พวกเขาดูจากแผนที่มันจะถึงรอยต่อของภูมิภาคเหนือและกลางซึงตอนนี้ได้กลายเป็นแนวหน้าจุดปะทะกันของจอมอาคมและลัทธิบูชาปีศาจในอีก 2 สัปดาห์
ตอนนี้เขาระวังตัวเป็นพอสมควรเพราะเขาใช้คาถาอะไรไม่ได้เลย ส่วนคาถาของจอมอาคมวิญญาณนั้น มันมีอยู่แต่เป็นคาถาขึ้นที่ 1 ซึ่งจะเรียนได้ต้องเป็นจอมอาคม ระดับผู้สร้างขึ้นไป
ทันใดนั้นในระยะรับรู้ของเขา 1000 เมตร ก็เจอบางอย่างที่ช่วยให้การเเดินทางครั้งนี้ไวขึ้นนั้นคือหมีขาว สัตว์ร้ายระดับ 3 นอนจำศีลอยู่ในโพรงหิมะ
เขาเดินตรงไปหามันทันทีและใช้วิธีการปลุกมันแบบง่ายที่สุดนั้นก็คือ โจมตีมันโดยตรงโดยเขาให้ซิเรียที่ตอนนี้เลือนเป็นนักรบขึ้นที่ 3 แล้วจากเมล็ดพันธุ์ชีวิตระดับอัศวินที่เขาดึงออกมาจากตัวของอัศวิน หัวหน้าของค่ายที่เขาพึ่งจะฆ่าไป
พลังภายในมันสลายออกไปเนื่องจากวิธีที่เขาใช้ในการดึงเมล็ดพันธุ์ชีวิตออกมาและใส่ใช้กับซิเรียจะไม่ถูกต้องมากนัก แต่มันก็ยังพอให้เธอเลือนเป็นนักรบขั้น 3
เขาคิดว่าเมื่อไปถึงภูมิภาคกลางแล้ว เขาจะลองหาจอมอาคมที่ช่วยให้ซิเรียข้ามเป็นอัศวินหรือไม่ก็จะศึกษาการสร้างเมล็ดพันธุ์ชีวิตและช่วยเธอด้วยตนเอง
ซิเรียโจมตีไปที่วงของหมีขาวขาวอย่างแรงจนมันตื่นขึ้นมา
โฮกๆ!!!
มันร้องที่มาด้วยความโกรธ ไม่มีใครก็ไม่รู้มารบกวนการนอนจำศีลของมัน มันเห็นเราสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเลยไม่กลัวร่างกายที่มันยืนด้วยสองเท้าสูงกว่า 4 เมตร
“เจ้าจะยอมเป็นพาหนะให้ข้าหรือยอมตาย” เขาทำมันโดยตรงผ่านพลังจิต
สัตว์ร้ายแบบหมีขาว ถึงแม้ว่ามันจะไม่เข้าใจภาษาและคำพูดของมนุษย์ แต่มันก็ยังพอจะเข้าใจความหมายจากพลังจิตที่ดอนสื่อออกมา
เมื่อมันรู้ว่าที่มนุษย์ที่ยืนอยู่ข้างหน้ามันต้องการ ที่จะขี่แล้วใช้มันเป็นเหมือนกับสัตว์ชั้นต่ำพวกนั้นมันก็โกรธทันที
มันเป็นถึงราชาในทุ่งหิมะแห่งนี้แล้วจะให้มันลดตัวและศักดิ์ศรีลงไปทำเรื่องอย่างนั้นนั้นได้ยังไง
หมีขาววิ่ง 4 ขาตรงไปหาดอนด้วยไม้จะใช้อุ้งเท้าของมันตกก็ที่ศีรษะของมนุษย์ผู้นั้นคือฆ่าเขาทันที
แต่ก่อนที่มันจะถึงตัวของดอน เขาก็ใช้มือเอาฮู้ดที่ปิดบังหน้าออก สายตาของเขาจ้องมองไปที่มัน พลังจิตทั้งหมดของเขาโจมตีไปที่หมีขาวโดยตรง
มันสั่นไปด้วยคาวมกลัวต่อมนุษย์ผู้นี้ เมื่อมันเคยเจอผู้ใช้พลังงานฝึกหัด ระดับผู้ควบคุมและปะมือ อยู่บ้างแต่มันไม่เคยเจอใครที่ให้ความรู้สึกที่หน้ากลัวแบบนี้มาก่อน มันคือความรู้สึกของความตายความมืดมิด
ซิเรียใช้จังหวะที่หมีขาวหยุดชักไปรอบโจมีมันถึงแม้ว่านักรบขั้น 3 จะไม่สามารถสู้กลับสัตร้ายระดับขาวได้โดยตรง
แต่เธอใช้วิธีการรอบโจมตีไปที่ส่วนท้องของมัน จากแรงที่ต่อยไปมันทำให้หมีขาวกระเด็นเสียหลักล้มลง
ดอนก็ใช้จังหวะนั้นหยิบดาบตัดวิญญาณออกมา เขาแค่ค่อย ๆ แทงไปที่ร่างของหมีขาวอย่างช้า ๆ
หมีขาวรู้สึกเจ็บมากมันไม่ใช่ความเจ็บจากร่างกาย แต่เป็นความเจ็บที่มาจากวิญญาณ
โฮก ๆ ๆ มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เจ้าจะยอมเป็นพาหนะให้ข้าหรือยอมตาย” เขาถามมันอีกครั้ง และในครั้งนี้มันก็ยอมเขาอย่างง่ายดาย
บางครั้งสัตว์นั้นก็เป็นสิ่งที่เข้าใจอะไรได้ง่าย พวกใช้ชีวิตโดยมีสัญชาตญาณในการนำทาง นั้นคือการอยู่รอด ตอนนี้หมีขาวมันรู้ว่าถ้าครั้งนี้มันไม่ตกลงมันก็ตายเท่านั้น
แต่ถ้ามันตอบตกลงรับดอนเป็นนาย มันก็ยังมีชีวิตอยู่ และที่สำคัญดอนยังมีพลังที่มากกว่ามัน ความแข็งแกร่งได้เป็นนาย นั้นคือในความคิดของมันและสัตว์ร้ายแทบจะทุกตัว
หลังจากที่เขาได้หมีขาวมาเป็นสัตว์ขี่ การเดินทางก็เร็วขึ้นเป็นอย่างมาก ความเร็วของมันนั้นเท่ากับม้าเหงื่อโลหิตที่เขาเคยเห็นตอนที่เจอกับพวกผู้ใช้พลังงานฝึกหัดในหอคอยเอราธาเมียสมัยที่เดินทางอยู่กับมาเซออส และความเร็วของมันอาจจะมากกว่าเลยด้วยซ้ำในพื้นที่ที่มีแต่หิมะแบบนี้
เลือนที่ผูกติดกับหมีขาวลากไปบนหิมะ ดอนและซิเรียที่นั่งอยู่บนหลังที่นุ่มและอบอุ่นไปด้วยขนของหมีขาว
พวกเขากอดกันอยู่บนหลังของหมีขาวด้วยความสบาย และชมทัศนียภาพของทุ่งหิมะที่ทอดยาวไปสุดสายตา
บางครั้งดอนก็คิดว่าชีวิตของเขาในตอนนี้น่าจะเพียงพอแล้ว หยุดอยู่ในที่แบบนี้และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กับซิเรีย
แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อมองไปยังซากหมู่บ้านและเมืองที่ถูกทำลาย ทิ้งให้ล้างอยู่ในพายุหิมะ
เขาจะหลีกเลี้ยงเมืองใหญ่ ๆ และจะเข้าไปที่หมู่บ้านหรือเมืองขนาดเล็กเพื่อจัดการกับเกสเพนสท์ในนั้นที่มีแค่ไม่กี่ 10ไปจนถึง 100 ตัวเพื่อเติมเต็มพลังงานให้โลกลูกบาศก์วิญญาณ
บางครั้งเขาก็คิดว่าวิธีนี้มันช้าเกินไปในการรวบรวมพลังงาน ดังนั้นเขาจึงคิดถึงวิธีอีกอันนั้นคือ กุญแจโลกวิญญาณที่ให้คนอื่นส่งจิตสำนึกเข้ามาในโลกวิญญาณได้
ดอนจึงลองสร้างกุญแจตามที่ระบบบอกมันก็ให้พลังงานถึง 10,000 หน่วยต่อกุญแจ 1 ดอก
ถึกจะบอกว่ามันเป็นกุญแจ แต่มันมีลักษณะเป็นลูกบาศก์ขนาดเล็กเท่านิ้วก้อย และเขาก็นำมันไปใส่ในของเช่นแหวนหรือแม้แต่มีดเหล็กธรรมดา และก็แน่นอนันไม่สามารถรองรับกุญแจได้
จะมีก็แต่ทองคำที่พอจะรองรับมันได้ เขาจึงหลอมให้มันเป็นแหวนทองคำอย่างหยาบ ๆ และลองดูผสานกุญแจเข้าไปดูมันก็ใช้งานได้
เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็มี 2 อย่าง
หนึ่งคือ กุญแจมันไม่สามารถดำลงอยู่ได้ด้วยตัวเองต้องมัวัตถุสิ่งสองในการอาศัย เขาคิดว่ามันคงเหมือนกับที่ลูกบาศก์วิญญาณอาศัยเขา
สองคือ เพื่อปกปิดเรื่องของลูกบาศก์วิญญาณ เขาต้องการให้คิดที่ใช้คิดว่าแหวนคืออุปการณ์อาคมชนิดใหม่ที่สร้างโลกการสื่อสารทางจิตขึ้นมา
และสิ่งที่เขาจะขายก็คือของในโลกลูกบาศก์วิญญาณแลกกับพลังงานที่พวกเขาต้องจ่ายผ่านแหวน
นี่จะกลายเป็นการหมุนเวียนที่ไม่รู้จบ เขาจะมีพลังงานให้ใช้อย่างต่อเนื่องและเขาคิดว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนโลกของจอมอาคมอย่างแน่นอน
………………………………………………….
ปี 4858 5 สิงหาคม
ในที่สุดเขาก็เดินทางมาถึงรอยต่อของภูมิภาคเหนือและกลาง มันมีหิมะน้อยลงมาก แต่ก็ยังคงหนาวเย็น
เขาสังเกตบริเวณนี้มาสักพักจนเจอกลับที่ ๆ มีเกสเพนสท์นอยู่น้อยดังนั้นเขาจึงจะข้ามในบริเวณนี้
หมีขาวยังคงลากเลือนไม้ต่อไป ในขณะที่ตอนนี้มันกำลังกินผลึกพลังงานอย่างอร่อยราวกับว่านั้นคือขนมคบเคี้ยวอย่างไรอย่างนั้น
และแล้วเขาก็เห็นหอค่อยสูงกว่า 200 เมตรมันสร้างจากเหล็ก
“หอคอยสื่อสาร” ดอนมองไปที่หอคอย ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีกองทัพของสหพันธ์อยู่ และก้เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อเขามาใกล้หอค่อยเขาก็คนพบหน่วยลาดตระเวน ในขณะที่พวกหน่วยราดตะเวนก็คนพบเขาเช่นกัน
ดอนมองไปที่พวกทหารของสหพันธ์และคิดในใจว่า ‘ความสามารถของทหารของสหพันธ์นั้นมีคุณภาพและความสามารถสูงกว่าทหารของสถาบันหรือองค์กรอยู่หลายขุม แม้แต่ทหารของประจำเมืองก็ยังไม่สามารถสู้ได้’
“สวัสดีครับ ผมเป็นเดล อาเรคัส เป็นอัศวินหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่นี่ ท่านคือ….” เดลกล่าวแนะนำตัวกับดอนด้วยความสุภาพ
ชายที่ขี่สัตว์ร้ายระดับ 3 มานั้นต้องเปฺ็นจอมอาคมอย่างแน่นอน
ดอนถึงกลับตกใจ ‘เดล อาเรคัส’ นี่มันไม่ใช่คนตระกูลอาเรคัสตระกูลกันกับเขาหรือ
เขามองไปที่ชายหนุ่ม เมื่อมองดี ๆ หน้าตาของชยหนุ่มก็มีความคล้ายกลับเขาเป็นหย่างมาก หรือว่านี่จะเป็นน้องชายของเขา
เขารู้ว่าตัวเองมีพ่อ แม่ น้องชายและน้องสาวอยู่ แต่เขาจำหน้าหรือชื่อใครไม่ได้ นั้นคือสิ่งที่เขาคิดแต่เมื่อมองดี ๆ มันก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา
“เจ้ามีพี่ชายหรือไม่” ดอนถามออกไปอย่างลืมตัว
เดลรู้สึกงง ทำไมถึงต้องถามเรื่องในครอบครัวของเขาแต่เดลก้ยังตอบกลับไป “ข้ามีพี่ชายขอรับ แต่เขาเสียไปเมื่อประมาน 8 ปี”
ดอนที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มมั่นใจว่านี่คือน้องชายของเขา
“ข้าชื่อ ดอน เป็นผู้ใชพลังฝึกหัดเรร่อนที่เดินทางมาจากภูมิภาคเหนือ ต้องการจะลี้ภัยไปที่ภูมิภาคกลาง ส่วนเธอเป็นข้ารับใช้ของข้า” ดอนกล่าวแนะนำตัวอย่างง่าย ๆ
เดลรู้สึกแปลกใจมากที่ผู้ใช้พลังฝึกหัดท่านนี้มีชื่อเหมือนกับพี่ชายที่ตายไปของเขา
พวกทหารก็ทำท่าจะขอตรวจของที่อยู่ด้านหลังแต่ด้วยความที่เขาเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดนั้นทำให้พวกเขาแกรงใจเป็นอย่างมาก
แต่ดอนก็ให้ซิเรียพาพวกเขาไปค้นและตรวจดูของในเลื่อนไม้ เนื่องจากเขารู้ว่านี่เป็นหน้าที่และสิ่งที่พวกเขาต้องทำตามคำสั่ง เพื่อกันไม่ให้พวกลัทธิบูชาปีศาจแอบลักลอบเข้ามา
เขาคิดว่าวิธีการพวกนี้มันไร้เพราะโยชน์
หลังจากนั้นดอนก็ขอไปพักที่ค่ายของพวกเขาด้วยเพราะดอนอย่างที่จะรู้จักกับเดลน้องชายของเขาอีก
เดลก้ไม่ได้ปฏิเสธ เขาตอบตกลงแทบจะในทันที เพราะการที่เขาสามารถสร้างความสัมพันธุ์กับผู้ใช้พลังงานฝึกหัดได้นั้นคือเรื่องที่ดีมาก โดยที่เดลไม่รู้เลยว่านี่คือพี่ชายของเขาเอง
แต่มันก็ไม่แปลกเพราะดอนนั้นสวมเสื้อฮูดและผ้าคุมสีเทาจนปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิด
ดอนเดินตามพวกเขากลับมาจนถึงค่ายใต้เสาสัญญาณเหล็กที่นี่มีกำแพงเหล็กขนาดใหญ่ล้อมกินเนื้อที่กว่า 10 กิโลเมตร มีปืนใหญ่เพลิงโลกันต์ที่ติดตั้งบนหอคอยล้อมรอบและทหารอยู่ภายในถึง 30,000 นาย
เมื่อเขาไปถึงก็รู้สึกว่ามีพลังจิตกวาดผ่านเขา
เขาเข้าไปในค่าย ทหารภายในค่ายก็ระวังเขาทันทีดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ค่อยไว้ใจคนนอก
“สวัสดีท่านผู้ใช้พลังงานฝึกหัด ผมอัศวินฟาเรน นายท่านจอมอาคมแฮรี่รอท่านอยู่ด้านใน” ทันใดนั้นก็มีอัศวินเดินเข้ามาหาเขา
ดอนพยักหน้าตอบรับและบอกให้ซิเรียรอด้านนอก ส่วนเขาก็เดินตามฟาเรนไป
เมื่อเข้ามาด้านในก็มีจอมอาคมหลายคนนั่งประชุมกันอยู่
“เจ้าเป็นใคร?” แฮรี่กล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็น
ดอนรู้ว่านี่คือการทดสอบดูเหมือนว่าพวกเขาอาจจะคิดว่าดอนเป็นพวกลัทธิบูชาปิศาจที่แฝงตัวเข้ามา
“คารวะจอมอาคมทุกท่าน ข้าน้อยเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดที่มาจากสถาบัยจอมอาคมเอราธาเมีย ที่ไปทำภารกิจที่ภูมิภาคเหนือจนเกิดลงคราม จึงติดอยู่ที่นั่นและพึ่งจะหาทางหนีออกมาได้” ดอนเล่าเรื่องจริงและเรื่อโกหกรวมกัน พร้อมกับแสดงเหรียญประจำตัวของลูกศิษสถาบันเอราธาเมีย
พวกจอมอาคมถามและมองดอนอยู่สักพักจากนั้นก็ไล่เขาออกมาแบบไม่มีเยื่อใยใด
เขาได้แต่คิดในใจว่า ‘พวกจอมอาคมนึกอยากจะเรียกเขาไปพบก็เรียพอไม่มีอะไรก็ไล่เขาออกมายังกับหมูกับหมา’
เขาสัญญาว่าเมื่อกลายเป็นจอมอาคมเมื่อไหร่เขาจะทำแบบนี้บ้าง
และแล้วดอนก็เดินกลับไปหาซิเรีย ตอนนี้เดลก็ยังคงยืนรอเขาอยู่
เดลได้ไปเตรียมที่พักให้กับเขามันเป็นเต็นท์ทหารขนาดใหญ่ และเดลกำลังจะเดินออก เขาจึงช่วนเดลอยู่ดื่มเป็นเพื่อนเขาก่อน
ตอนแรกเดลก็ยังไม่อยากจะดื่ม แต่เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เขาได้วันหยุด 1 วันไม่ต้องเข้าเวร ดังนั้นเขาจึงดื่มเต็มที่พร้อมกับลูกน้องในหน่วยของเขา
ดอนก็เอาเหล้าออกมาจำนวนมาก เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มกันอย่างเต็มที่เพราะเขาต้องการมอมเหล้าเดลเพื่อถามถึงเรื่องของตนเอง
“เอ้าดื่มให้กับท่านดอน”
“ดื่ม...!!”
ทุกคนดูจะมีความสุขกันมาก พวกทหารที่ตอนแรกกลัวดอนเป็นอย่างมากแต่พอเหล้าเข้าปากเท่านั้นและก็เปลี่ยนเป็นเฮฮาทันที
ดอนก็นี่งดื่มโดยมีซิเรียที่คอยรินเหล้าให้อยู่ด้านข้าง เขายังคงแต่งตัวมิดชิดเวลาดื่มก็จะเห็นแค่คางสีขาวและริมฝีปากสีดำของเขาเท่านั้น
ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่มีใครว่าอะไร
และเขาพยายามหลอกถามเดลถึงเรื่องการตายของพี่ชายแต่เดลก็ไม่ยอมเปิดปากพูด แต่เขาก็ยังพอจะได้ยินเรื่องที่น้องสาวของเขา ถูกบังคับแต่งงานในอีก 1 ปี กับคนชั่วแบบนั้น
เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกโกรธมาก ที่พวกเขาจะยกน้องสาวให้กับคนชั่วช้าแบบนั้น
ดอนสัญญาว่าจะต้องไปช่วยน้องสาวของเขาให้ได้
แต่เมื่อได้ยินเรื่องต่อมา เขาก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์ของตัวเองเป็นความประหลาดใจทันทีมันคือเรื่องของ สหพันธ์และการก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมาใหม่ของดินแดนตะวันออก
มีคนต้องการขึ้นเป็นใหญ่แข่งกับทางสหพันธ์ ตอนแรกเขาคิดว่าช่วงที่เกสเพนสท์ปรากฏตัวออกมาจะเป็นยุคที่วุ่นวายแล้ว
แต่มันผิด เวลาต่อจากนี้ต่างหากที่เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง