ตอนที่ 4: ซาลาเปา (ส่วนที่2)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เย็นวันนั้นชิยูก็กลับมาที่ร้านอาหารอีกครั้ง. พอเธอมาถึงเธอก็ถูกเชิญเข้าร้านไป.
“อาจารย์ของชั้นอยากพบเธอน่ะ”
“อาจารย์นายหรอ?” ชิยูตกใจแต่เธอก็ร่าเริงขึ้นแล้วเข้าใจทันที “เพราะซุปสินะ?”
“อื้อ” ปู้หยานพยักหน้า.
วันนี้อาจารย์เขาได้ต้มซุปหลายชั่วโมงมากแต่ก็ทำรสชาติที่เหมือนกันไม่ได้สักที.
ชิยูและปู้หยานเข้ามาในร้านและรออยู่ตรงมุม. สักพักหนึ่งชายวัยกลางคนเดินเข้ามา.
ชิยูสังเกตุชายคนนั้น. เขาเป็นคนเรียบร้อยและดูธรรมดา ดวงตาของเขาดูหม่นๆแต่ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายนัก. เธอมีแผนแล้ว.
“สกุลของชั้นคือหลี่และเป็นเชฟของร้านนี้. ขออยากทราบชื่อคุณหนูคนนี้ได้หรือไม่?”
แม้ว่าชิยูจะแต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย แต่ดูก็รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง.
“เรียกหนูว่าชิ ตัวน้อย” ชิยูตอบ.
“คุณชิตัวน้อย” เชฟหลี่รีบเข้าเรื่องทันที. “ซุปปลาของเธอไม่เลวเลย, เธอช่วยสอนฉันทำมันได้ไหม. ฉันสัญญาว่าถ้าเธอสอนฉัน ก้างปลาทั้งหมดที่เหลือในร้านนี้ ฉันจะให้เธอหมดเลย.”
ชิยูรีบถามทันที “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า ถ้าหนูไม่สอนคุณคุณก็จะไม่ให้ก้างปลาหนูแล้วงั้นสิ?”
เชฟหลี่ไม่ตอบแต่เอาแต่มองเธอ. ความหมายก็ชัดเจนอยู่.
ในตาของเขา ชิยูก็เป็นแค่เด็กซื่อบื้อไร้เดียงสา. เขาคิดว่าถ้าเขาทำให้เธอกลัวโดยการไม่ให้ก้างปลาอีก เธอก็จะยอมแพ้แล้วสอนสูตรให้เขา.
แต่เขาคิดผิด. ชิยูไม่ได้ซื่อบื้อหรือไร้เดียงสาเลย.
“ถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกค่ะ” ชิยูยิ้มแล้วหันหลังไป.
เชฟหลี่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้และรีบพูดออกไปว่า “คุณหนู, เธอหมายความว่ายังไง? เธอไม่พอใจกับข้อตกลงนี้หรอ? ก้างปลาทั้งหมดเลยนะ”
ชิยูกลอกตาแล้วหันกลับมา. เธอรีบบ่นกลับไปทันที “ก้างปลาพวกนี้ก็เป็นแค่สิ่งที่คุณจะทิ้งเท่านั้นเอง. ต่อให้คุณไม่ให้หนู, หนูก็จะไปหาร้านอื่นที่ยอมให้หนูเอง. เมืองนี้ใหญ่จะตาย ร้านอาหารก็เยอะ. อีกไม่นานก็คงมีคนมาซื้อสูตรจากหนู. ส่วนคุณ คุณแค่อยากจะเอาเปรียบหนูเพราะหนูยังเด็ก. หน้าไม่อายเลยจริงๆ!”
เชฟหลี่คาดไม่ถึงเลยว่าขอทานคนนี้จะเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขนาดนี้และเขาเองก็อายเพราะคำพูดเธอมาก.
“หนูอยากให้ฉันซื้อสูตรงั้นหรอ?” เขาเข้าใจสิ่งที่ชิยูพยายามจะบอก.
“คิดว่ายังไงล่ะคะ?” ชิยูถาม “คุณคิดว่าหนูเสียเวลามาหาเพื่อจะดูว่าคุณหล่อแค่ไหนหรอ?”
พอเห็นว่าเชฟหลี่ดูไม่พอใจ ชิยูก็รีบพยายามเบนความสนใจ “หนูว่าคุณคงได้กินซุปแล้วแน่ รสชาติเป็นไงล่ะคะ?”
เชฟหลี่ยอมรับเลย “มันอร่อยมาก!”
“งั้นคุณเคยกินมันจากที่อื่นมาก่อนรึป่าว?”
“ไม่”
“งั้นนี่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? พอคุณซื้อสูตรจากหนูไป, มันก็แปลว่าคุณก็เป็นเจ้าของสูตรนี้เลยนะ!”
ชิยูพยายามฮาร์ดเซล.
หัวใจของเชฟหลี่ก็เริ่มเต้นรัวขึ้นพอได้ยินที่เธอพูด. รสชาติของซุปนี่มันอร่อยยิ่งกว่าเมนูอื่นในร้านอีก แถมรสชาติยังไม่ด้อยไปกว่าเนื้อสัตว์วิญญาณเลย. ถ้าเขาได้สูตรนี้มาแล้วก็กิจการก็คงดีขึ้นแน่นอน แล้วมันก็จะกลายเป็นจุดขายของร้านนี้.
ตอนแรกเขาคิดว่าจะได้สูตรนี้มาฟรีๆ แต่พอคิดว่าต้องเสียเงินแล้วเขาก็ไม่แฮปปี้นัก.
แต่ชิยูไม่ให้เวลาเขาคิดเยอะหรอก. เธอกำลังหิว. ถ้าเขาไม่คว้าโอกาสไว้ตอนนี้ เธอจะขายให้ร้านอื่นแน่ๆ. ดูจากที่ซุปอร่อยมากๆแล้ว มันต้องมีคนซื้อแน่ๆ.
เชฟหลี่ถามไป “้เท่าไหร่ล่ะ?”
ชิยูคิดอยู่ครู่หนึ่ง. เธอไม่สันทัดกับราคาของโลกนี้เลย เธอจึงถามไป “ถ้าหนูอยากจะเช่าบ้านธรรมดา1เดือน มันต้องใช้เงินเท่าไหร่?”
“บ้านธรรมดา?” เชฟหลี่ตอบ “1 ตำลึงเงิน”
“งั้นหนูจะขายสูตรนี้ให้คุณ 5ตำลึงเงิน” ชิยูตอบ.
เชฟหลี่พยายามจะต่อราคาแต่ก็ต่อไม่ไหว. เขาเลยตกลงไป.
หลังจากนั้นชิยูก็สอนเขาทำซุป.
พอมองชิยูทำอาหารแล้ว เชฟหลี่ก็เข้าใจเลยว่าทำไมเขาทำซุปได้แย่มาก. การทำซุปไม่ใช่แค่ใส่น้ำใส่เกลือแล้วก็ต้มมัน. มันต้องใช้วัตถุดิบอื่น, คุมไฟ, และช้อนฟองออกด้วย.
มันเบิกเนตรเขาเลย. (ล้อเล่นครับ) มันทำให้เขาตาสว่าง.
“เธอไปเรียนสูตรนี้มาจากไหนรึ?” เชฟหลี่ถาม.
“หนูไปดูเทพทำซุปนี่ ตรงใกล้ๆกับแม่น้ำ, แล้วก็เรียนรู้จากการดูนี่แหละค่ะ” ชิยูตอบ. เหมือนเดิมเป๊ะ. เธอแค่อ้างถึงเทพเจ้าและทุกอย่างก็จบ. “เอาล่ะ คุณรู้สูตรนี้หมดแล้ว จ่ายมา!”
หลังจากเธอได้ 5 ตำลึงเงิน ชิยูขอให้ปู้หยานช่วยหาที่พักในเมือง. มันปลอดภัยกว่าถ้าอยู่ในเมืองแทนที่จะอยู่ในศาลพังๆ.
เชฟหลี่คิดว่าขอทานคนนี้อาจจะมีสูตรอีกและเขาอยากจะสร้างความสัมพันธ์กับเธอ. ดังนั้นพอชิยูขอปู้หยานช่วยหาบ้าน เขาเลยรีบแนะนำบ้านให้เธอไป.
ด้วยคำแนะนำของเชฟหลี่ ปัญหาเรื่องหาบ้านเช่าก็คลี่คลายทันที. สถานที่นั้นอยู่ในซอยชาวบ้านธรรมดา. ที่นั่นไม่ใหญ่ และก็เหมือนกับบ้านคนทั่วๆไป. แต่ก็มีสวนอยู่ในสนามแล้วก็มีต้นไม้ด้วย. ชิยูจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไป3เดือนซึ่งราคามันก็ตกที่เดือนละ1 ตำลึงเงิน. เพื่อเป็นการขอบคุณเชฟหลี่ เธอจึงให้ 1ตำลึงเงินแก่เขาไป. ตอนนี้เธอมีเหลือแค่1ตำลึงเงินเอง.
พอมองมาที่ตำลึงเงินสุดท้ายในมือ เธอก็รู้สึกสลดมาก. ใช้เงินอย่างกับเทน้ำจริงๆ.
ก่อนจะค่ำ, เธอเรียกเด็กกำพร้าทุกคนและคุณตามา.
ตอนที่คุณตาถามเธอว่าได้เงินมาจากไหน, เธอก็บอกไปว่าร้านค้าอยากจะซื้อสูตรของเธอแล้วเธอก็ขายไป. คำอธิบายนี้คุณตาก็โออยู่.
บ้านใหม่นี้มีเกือบทุกอย่างเลย และการทำอาหารก็ไม่ยากเท่าตอนอยู่ในศาล.ขณะที่เธอมองซึ้งตรงมุม เธอก็คิดวิธีหาเงินออกได้ทันที.
เธอทำมื้อเย็นง่ายๆ. พอถึงเวลานอนที่นอนมันก็ไม่พอสำหรับทุกคน บางคนเลยหาที่ว่างในบ้านเพื่อนอน. พวกเขาเคยนอนบนพื้นแข็งๆในศาล และห้องนี้ก็สบายกว่าที่ศาลมากๆ.
วันต่อมาชิยูใช้ตำลึงเงินสุดท้ายเพื่อซื้อแป้งส่วนนึงและเนื้อ3โล (? ไม่มั่นใจนะครับ) แล้วก็เครื่องปรุงนิดหน่อย.
เนื้อหมูถูกมากในโลกนี้. เธอมาซื้อตั้งแต่เช้า เธอเลยได้เครื่องในหมูมาฟรีๆ เพราะเจ้าของร้านหมูไม่ต้องการมันและกำลังจะทิ้งไป.
พอเธอกลับมาเธอก็ต้มเครื่องในไว้และเริ่มทำซาลาเปา.
หลังจากที่ข้ามมาในโลกนี้ ในที่สุดเธอก็ได้ลิ้มรสเนื้อสักที.
การทำซาลาเปานั้นจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก. ซาลาเปาชั้นดีนั้นแค่กัดไป1คำมันก็จะปล่อยน้ำในเนื้อหมูออกมาและรสชาตินั้นก็จะสุดยอดมากๆ. ถ้าทำไม่ดี เนื้อก็จะแห้งมากๆและคนก็ไม่อยากจะกินมัน.
ชิยูอยากจะทำซาลาเปาที่ดีที่สุด.
เด็กกำพร้าคนอื่นเห็นเธอทำแล้วเลยอยากช่วย. พอเธอเห็นมือสกปรกๆของพวกเค้าแล้ว เธอก็กุมขมับทันที…….