บทที่ 32 แหล่งพลังงานที่เหนือกว่า(อ่านฟรี26-12-2020)
“ระวังตรงนี้ให้ดี เวลาสอดเข้าไปต้องระวังไห้มากไว้” ซูยี่หยิบสลักเกลียวที่ทำเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งแล้ววางไว้บนเครื่องขันระบบบิด “เจ้าต้องใส่ใจดับขั้นตอนต่อไปนี้ให้มาก และต้องไม่สอดมือเข้าไปเมื่อเครื่องทำงานไม่อย่างนั้นมือเจ้าได้ถูกบททำลายอย่างแน่นอนเข้าใจมั้ย”
รอบๆตัวซูยี่มีทาสกว่าร้อยคนที่วิสเคานท์เลสลี่ให้ยืมมาชั่วคราว พวกเขาตั้งใจฟังซูยี่อย่างจริงจังพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเข้าใจ
"ดีต่อไปเจ้ากดสวิตช์ตรงนี้" ซูยี่เอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดบนเครื่องขันระบบบิด
แสงสีเขียวสลับแดงของเวทมนตร์ส่งประกายออกมาจากนั้นเครื่องขันระบบบิดก็เริ่มทำงาน
“หึ่ง---”
เสียงดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทาสที่อยู่รอบ ๆ กระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ ทาสขี้ขลาดบางคนถึงกับหมอบลงขณะที่ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้าน
“ไม่ต้องกลัวมันไม่ใช่ระเบิด! ลุกขึ้นมาดู!” ซูยี่อธิบายอย่างอดทนที่ เรียกสติของเหล่าทาสที่อยู่รอบๆให้สงบลง
ภายใต้การจ้องมองของทาสซูยี่เอาสกรูที่ทำเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งออกจากรูของเครื่องขันระบบบิดแล้วยกขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็น
“เจ้าเห็นสิ่งนี้ไหม ตรงนี้ของสกรูมีร่องรูปกากบาทซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์เสร็จสิ้น สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือตรวจสอบว่าร่องกากบาทตรงกับความต้องการหรือไม่” ซูยี่หยิบแท่งเหล็กที่มีด้านบนเป็นรูปกากบาทออกมาแล้ววางลงในส่วนหัวของสลักเกลียวซึ่งเข้ากันได้พอดี“เจ้าเห็นสิ่งนี้ไหม? หากแท่งนี้สามารถใส่เข้าไปข้างในได้แสดงว่าเป็นไปตามข้อกำหนดและสามารถนำไปสู่กระบวนการถัดไปได้”
ทาสพยักหน้าเหมือนเข้าใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน
สำหรับคนอย่างพวกเขาที่มีตำแหน่งเป็นทาสเวทมนตร์ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้เลย ไม่ต้องพูดถึงเครื่องจักรที่ดูซับซ้อนและลึกลับนี้ หากเป็นเวลาปกติพวกเขาจะไม่มีโอกาสสัมผัสเครื่องนี้ด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงการใช้งาน
แต่ตั้งแต่พวกเขามาที่นี่ ไฮนซ์ภายใต้คำสั่งของซูยี่ได้ปฏิบัติต่อทาสอย่างเป็นกลางและครอบคลุมเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขามาก สิ่งนี้ทำให้หัวใจของทาสเต็มไปด้วยความกตัญญูต่อซูยี่และไฮนซ์ดังนั้นเมื่อซูยี่เรียกทาสสามคนเข้ามาเพื่อสอนการควบคุมเครื่องจักรแม้ว่าในใจพวกเขาจะเต็มไปด้วยความกลัวต่อเครื่องจักร แต่พวกเขาก็ยังคงตั้งใจฟังเพื่อที่จะใช้งานมัน
จริงๆแล้วการควบคุมเครื่องขันระบบบิดทำได้ง่ายมากและทาสเหล่านี้ก็มีสติปัญญาปกติ ภายใต้คำแนะนำเป็นการส่วนตัวของซูยี่พวกเขาเอาชนะความกลัวต่อเครื่องจักรและเรียนรู้วิธีใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นทาสทั้งสามที่เขาเลือกออกมาค่อยๆมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นซูยี่ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาให้พวกเขาทั้งสามคนทำงานต่อไปก่อนที่จะนำทาสที่เหลือไปยังเครื่องอื่น
“เมื่อเทียบกับเครื่องก่อนหน้านี้เครื่องรีดเกลียวซับซ้อนกว่าเล็กน้อยดังนั้นพวกเจ้าต้องเฝ้าระวังอย่างเหมาะสม พวกเจ้าไม่สามารถทำผิดพลาดแม้แต่ในเรื่องเล็กๆได้”
ซูยี่นำทาสห้าคนออกมาและแสดงให้พวกเขาเห็นถึงวิธีการใช้งานเครื่องรีดเกลียวเวทมนตร์ เขาแน่ใจว่าพวกเขาไม่มีปัญหาใด ๆ
หลังจากสาธิตวิธีการใช้เครื่องรีดเกลียวเวทมนตร์ ซูยี่ได้นำทาสที่เหลือไปยังเครื่องสุดท้าย
สิ่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างซูยี่และปรมจารย์ลานัส มันคือเครื่องปั้มเวทมนตร์ขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นใหม่
“เครื่องนี้ใช้งานได้ค่อนข้างง่าย แต่มันอันตรายกว่าอีกสองเครื่องมาก หากเจ้าไม่ใส่ใจกับมัน ร่างกายของพวกเจ้าก็จะถูกทำให้เป็นเนื้อบดอย่างไม่มีปัญหาดังนั้นพวกเจ้าต้องระวังให้มากๆเข้าไว้” เนื่องจากทาสเหล่านี้ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องจักรเวทมนตร์เหล่านี้อันตรายแค่ไหนซูยี่จึงต้องเตือนพวกเขาก่อน เขาเสนอชุดแนวทางการทำงานที่เข้มงวดมากเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด
“ระวังให้ดีวางแผ่นเหล็กี่งนี้ก่อน เจ้าต้องระวังแผ่นเหล็กนี้ต้องพอดีกับแบบจำลองห้ามไม่ให้มีช่องว่าง จากนั้นเจ้าปิดโมเดลและเลื่อนกลับเล็กน้อยก่อนที่จะกดสวิตช์เปิด”
“เพ้ง ----”
สองข้างขนาดยักษ์ของเครื่องปั้มเวทมนตร์ขนาดเล็กบดเข้าด้วยกันและแผ่นเหล็กที่อยู่ภายใต้แรงกดมหาศาลกลายเป็นปลอกด้านนอกของพัดลมเวทมนตร์ในทันที
เครื่องปั้มเวทมนตร์ขนาดเล็กนี้ถูกใช้เพื่อสร้างปลอกด้อนนองของพัดลมเวทมนตร์
ก่อนการอบรมเมื่อสองวันที่แล้วเขาได้นำเครื่องจักเวทมนตร์ห้าชนิดที่ทำหน้าที่สร้างส่วนต่างๆของพัดลมเวทมนตร์รุ่นที่สองเข้ามา
ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องจักรเหล่านี้ความต้องการทักษะของมนุษย์จึงลดลงดังนั้นในที่สุดซูยี่ก็สามารถเลิดพึ่งพาช่างตีเหล็กในเมืองบันต้าได้ เพียงแค่ใช้งานทาสที่วิสเคานท์เลสลี่มอบให้เขาเขาก็สามารถผลิตพัดลมเวทมนตร์ได้แล้ว
แน่นอนว่ารูปแบบเวทมนตร์ที่เป็นแกนกลางของพัดลมเวทมนตร์ยังคงต้องให้นักเรียนจารึกขึ้นมา
หลังจากที่เขาสอนทาสเหล่านี้ถึงวิธีการใช้เครื่องจักร ซูยี่ก็ให้พวกทาสกระจัดกระจายไปและเขาก็สอนวิธีประกอบพัดลมเวทมนตร์จากส่วนประกอบต่างๆ
แม้การประกอบพัดลมเวทมนตร์ทั้งหมดจะเป็นเรื่องยากแต่หลังจากแยกชิ้นส่วนออกเป็นส่วนๆการประกอบพวกมันก็กลายเป็นง่ายอย่างมาก
ทาสกลุ่มหนึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการประกอบชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้นอีกกลุ่มหนึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการร้อยลวดเหล็กเข้าที่เดียวกันและสร้างตาข่ายป้องกันและอีกกลุ่มหนึ่งมีงานที่ง่ายกว่านั้นคือใส่น็อตเข้าไป
ทาสเหล่านี้ไม่ได้รับการศึกษาใด ๆ เลยดังนั้นความสามารถในการทำความเข้าใจของพวกเขาจึงไม่สูงนัก แต่ตราบใดที่สติปัญญาของพวกเขาเป็นปกติพวกเขาสามารถเข้าใจงานง่ายๆนี้ได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ
ซูยี่ทำงานตลอดเช้าและทาสเหล่านี้เริ่มทำความคุ้นเคยกับงานของพวกเขา การอบรมทั้งหมดเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมการทำงานที่เข้มข้น
ซูยี่มองดูความสำเร็จของเขาอย่างมีความสุขและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ต่อไปตราบใดที่จำนวนคนงานได้รับการปรับตามประสิทธิภาพการทำงานทั้งหมดจะดำเนินไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
สำหรับงานนี้แน่นอนว่าไฮนซ์ที่เป็นผู้จัดการโรงงานจะต้องเป็นคนจัดการมันไม่จำเป็นต้องให้ซูยี่ดูแลเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
เมื่อเห็นพวกทาสคุ้นเคยกับการควบคุมเครื่องจักรมากขึ้นเรื่อย ๆ ซูยี่ก็ตระหนักว่าเขาดูเหมือนจะละเลยความเหนือกว่าที่มีในทวีปไซน์
เมื่อเทียบกับระบบอุตสาหกรรมที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูงบนโลกเดิมของเขา อาจมีหลายสิ่งที่ทวีปไซน์เทียบไม่ได้
แต่มีสิ่งที่เหนือกว่าอย่างแน์นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทวีปไซน์มี
นั่นคือพลังงาน
แหล่งพลังงานหลักของโลก ได้แก่ ปิโตรเลียมถ่านหินน้ำลมแสงอาทิตย์พลังงานนิวเคลียร์และอื่น ๆ … ...
จากแหล่งพลังงานเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปิโตรเลียมถ่านหินหรือเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ที่กำลังพัฒนาล้วนมีข้อบกพร่องร้ายแรงประการหนึ่ง นั่นคือความจริงที่ว่าพวกมันเป็นมลพิษที่ร้ายแรง
ในประเทศอุตสาหกรรมใด ๆ บนโลกสิ่งแวดล้อมจะได้รับผลกระทบจากมลภาวะและการทำลายล้างที่เกิดจากอุตสาหกรรมนี้ ในที่สุดพวกเขาจะต้องใช้กำลังคนจำนวนมากและความพยายามในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม
สำหรับพลังงานน้ำลมและแสงอาทิตย์ที่มีมลพิษน้อยเนื่องจากประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่ำจึงไม่สามารถนำเข้าสู่กระแสหลักได้
เมื่อเทียบกับสิ่งนี้เครื่องจักรเวทมนตร์ที่ซูยี่กำลังค้นคว้าอยู่นั้นใช้รููปแบบเวทมนตร์ เป็นแหล่งขับเคลื่อนของพวกมัน เพื่อให้รูปแบบเวทมนตร์ทำงานได้จำเป็นต้องใช้ ผลึกเวทย์
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเวทมนตร์แบบใหนหลังจากที่ผลึกเวทย์ใช้พลังงานเวทย์ภายในหมดมันก็จะกลายเป็นเศษฝุ่น มันจะไม่สร้างมลพิษใด ๆ เลย
แม้แต่ผลึกเวทย์ระดับสูงก็ยังควบแน่นจากเวทมนตร์ ดังนั้นหากเวทมนตร์ทั้งหมดภายในถูกใช้ไปผลึกเวทย์ก็จะหายไปและจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วจะไม่มีมลพิษใด ๆ เลย
นอกเหนือจากนั้นผลึกเวทย์ยังมีข้อได้เปรียบที่ใหญ่กว่านั่นคือมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงขึ้น
ผลึกเวทย์เพียงชิ้นเล็ก ๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้พัดลมเวทมนตร์ทำงานได้ตลอดสามวัน ถ้าเปลี่ยนเป็นพัดลมไฟฟ้าธรรมดาบนโลกจะต้องใช้ไฟฟ้าอย่างน้อยสามกิโลวัตต์
การแปลงพลังงานสามกิโลวัตต์นี้ตามมาตรฐานบนโลกเราจะต้องเผาถ่านหินหนึ่งกิโลกรัม ในขณะเดียวกันก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึงสี่กิโลกรัม
จากการแปลงพลังงานและขนาดของมลพิษผลึกเวทย์มีข้อได้เปรียบที่ไม่มีใครเทียบได้
ไม่ต้องพูดถึงว่าเนื่องจากในทวีปไซน์ตอนนี้ยีงมีฐานของระบบอุตสาหกรรมที่ต่ำอยู่ แต่พัดลมเวทมนตร์ของซูยี่ก็ยังมีอัตราการผลาญพลังงานที่เหนือกว่าพัดลมไฟฟ้าบนโลกที่ถูกพัฒนามาแล้วหลายครั้ง
หากมาตรฐานของที่นี่เทียบเท่าดับที่โลกเดิมของเขา การผลาญพลังงานของผลึกเวทย์ก็จะยิ่งลดลง
สำหรับผลึกเวทย์? พวกมันสามารถพบได้เกือบทุกที่ในทวีปไซน์ แค่เพียงเมืองบันตาเพียงแห่งเดียวที่มีเหมืองผลึกเวทย์ขนาดใหญ่ถึงสามแห่ง
ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากผลึกเวทย์ถือเป็นของธรรมดามากนอกเหนือจากแร่ผลึกเวทย์ คุณภาพสูงแล้วแร่ผลึกเวทย์ปกตินั้นไม่มีใครคิดจะสนใจ
“ ไฮนซ์ไปซื้อเหมืองผลึกเวทย์เพิ่ม” จู่ๆซูยี่ก็พูดกับไฮนซ์ที่กำลังเฝ้ามองทาสทำงานอยู่ข้างๆขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ฮะ? ทำไมจู่ๆเจ้าถึงต้องการซื้อเหมืองผลึกเวทย์ล่ะ” แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับกระบวนการคิดแบบฉับพลันของซูยี่อยู่แล้ว แต่ไฮนซ์ก็ยังคงตะลึง“ถ้าเจ้าต้องการ ผลึกเวทย์เราก็สามารถซื้อได้จาก บริษัท อื่น ถ้าเราเป็นเี้าของพวกมันค่าใช้จ่ายจะสูกขึ้นกว่านี้มาก”
“ทำไมต้องซื้อล่ะ ถ้าทำแบบนั้นเราก็ต้องซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ” ซูยี่กล่าวต่ออย่างจริงจังว่า “จำไว้สำหรับของบางอย่างเช่นพลังงานเราจะต้องใช่อย่างต่อเนื่อง จะเป็นการดีกว่าถ้าเราสามารถควบคุมมันได้เอง”
้
แม้จะได้ยินแบบนั้นแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจความคิดของซูยี่ แต่ว่าในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจของเขามันก็ต้องมีเหตุผลรองรับอยู่แล้ว
“ได้เลยให้ข้าจัดการเอง”
ซูยี่จับไหล่ของไฮนซ์และกระตุ้นด้วยเสียงทุ้ม "จำไว้ว่าเรื่องนี้ต้องรีบจัดการอย่างเป็นความลับที่สุดเข้าใจไหม"
ไฮนซ์อดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ
ทำลับๆ? นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรทำไมต้องทำเป็นความลับด้วย?