ตอนที่แล้วตอนที่ 2: ซุปก้างปลาผักป่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4: ซาลาเปา (ส่วนที่2)

ตอนที่ 3: ซาลาเปา (ส่วนที่ 1)


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ซุปก้างปลานั้นหอมมากๆและรสชาติก็เข้มข้นกว่าซุปเห็ดซะอีก. ผักป่าต่างๆนั้นได้ดูดซับความหอมของซุปไว้แถมพวกมันก็ยังมีรสชาติที่ดีเป็นของตัวเองอยู่แล้วด้วย.

 

พวกเด็กๆได้ขอทานมานานแล้ว อย่างดีสุดก็ได้แค่ซาลาเปาไม่ก็แป้งแข็งๆกิน. สำหรับเด็กพวกนี้ที่ไม่เคยกินอาหารอุ่นๆมานาน พอได้กลิ่นหอมๆน้ำลายก็เลยแตกออกมาทันที.

 

ในที่สุดพวกเขาก็ได้กินซักที. พวกเขารีบช้อนอาหารแล้วกลืนเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้.

 

“โอ้้้้้, อร่อยจังเลยค่ะ” เสี่ยวฉีและขอทานตัวน้อยทุกคนซึ้งใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมาเลย.

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มันราวกับสรวงสวรรค์สำหรับพวกเขาเลย. พวกเขาไม่ต้องทนหิวและได้กินอาหารอร่อยๆ. พวกเขาคิดว่าอาหารแบบนี้จะมีอยู่แค่ในฝันซะอีก. ไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้กินอิ่มท้อง แถมได้กินของอร่อยอีกต่างหาก!

 

“กินช้าๆนะ เดี๋ยวก็สำลักหรอก!” ชิยูเศร้าใจเพราะเห็นพวกเขากินอย่างจริงจัง “ในอนาคต พวกเธอจะได้กินอาหารเยอะขึ้นอีก. ชีวิตของพวกเธอจะค่อยๆดีขึ้น”

 

ถ้าไม่มีความหวัง ก็จะไม่มีแรงใช้ชีวิตต่อไป.

 

เช้าวันต่อมา ชิยูตื่นขึ้นและเริ่มทำอาหารอีกครั้ง. หลังจากยุ่งอยู่พักหนึ่ง เธอก็ทำอาหารเสร็จ. แต่ก่อนอื่นเธอต้องเอามันใส่หม้อดินแล้วเอาผ้ามัดไว้ก่อน.

 

ที่เหลือนั้นเธอก็เรียกทุกๆคนมากิน.

 

พอทุกคนกินอิ่มแล้ว เธอก็มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหาร.

 

เธอมาถึงประตูหลังของร้านที่เธอมาเอาก้างปลาเมื่อวานนี้แล้ว. หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง เชฟฝึกหัดคนนั้นก็เดินออกมาถือก้างปลาออกมาด้วย. ตอนที่เขาเห็นเธอเขาก็ตกใจ “เธอมาแล้วเหรอ?”

 

“แน่นอนอยู่แล้วสิ. ชั้นบอกนายว่าจะเอาซุปมาให้นายชิมชั้นก็จะมา! เอ้าลองสิ!” ใต้ผ้าผืนนั้นมีหม้อดินอุ่นๆอยู่ และกลิ่นก็ลอยออกมา.

 

หน้าของเชฟฝึกหัดแดงขึ้นเล็กน้อย. เขารู้สึกอาย “เธอกินเถอะ! อาจารย์เลี้ยงชั้นดีอยู่ ชั้นมีอาหารกินน่า…”

 

“อาหารที่ชั้นทำต่างจากอาจารย์ของนายนะ. หม้อนี้ชั้นทำจากก้างปลาที่นายให้ชั้นมาเมื่อวานนี้. ถือซะว่าเป็นคำขอบคุณแล้วกันนะ!” ชิยูตอบ.

 

พอรู้แล้วว่าคงปฏิเสธไม่ได้ เชฟฝึกหัดเลยรับหม้อนั้นมา. “โอ้, นี่, นี่คือก้างปลาที่ชั้นสัญญาไว้กับเธอ. พรุ่งนี้มีเยอะกว่านี้. พรุ่งนี้มาใหม่นะ!”

 

“ขอบคุณนะ. ลองชิมซุปดูสิ!”

 

เชฟฝึกหัดเปิดฝาหม้อออกและกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็ทะลักออกมาทันที. เขาจิบซุปโดยตรงจากหม้อแล้วก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ.

 

“รสชาติ...รสชาตินี้มัน…”

 

ชิยูดีใจมากตอนที่เห็นสีหน้าของเขา. นี่แหละสีหน้าของลูกค้าตอนที่ชิมอาหารเธอ!

 

“เป็นยังไงบ้าง? ไม่เลวใช่มั้ย?”

 

มันไม่ใช่แค่ ‘ไม่เลว’ !

 

เชฟฝึกหัดรีบกินเข้าไปเยอะๆอีกรอบ. ซุปนั้นอุ่นกำลังดี อร่อยและไม่มีกลิ่นปลาเลย. ผักเองก็หอมมากๆ และมีรสชาติของผักป่าอยู่หน่อยๆด้วย. มันเป็นรสชาติที่เขาไม่เคยได้ชิมมาก่อนเลย. ขนาดอาจารย์ของเขายังทำไม่อร่อยเท่านี้.

 

ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้นพักหนึ่งแล้วเสียงก็ดังออกมา “ปู้หยาน, เจ้าทำอะไรอยู่ด้านนอกน่ะ? เข้ามาช่วยข้าเร็วๆ! เจ้าอู้งานงั้นรึ?”

 

ทันทีที่เขาได้ยิน เชฟฝึกหัดก็รีบตะโกนตอบไป “ผมกำลังไปครับ!”

 

ชิยูเห็นว่าซุปยังเหลืออยู่หน่อยๆ เธอจึงพูดว่า “นายไปทำงานก่อนเถอะ! ชั้นจะกลับมาเอาหม้อนี่วันพรุ่งนี้ตอนบ่าย”

 

“อื้อ! ไว้เจอกัน!” เชฟฝึกหัดรีบเก็บหม้อดินแล้ววิ่งกลับไปที่ร้านทันที.

 

หลังจากชิยูกลับไป, เชฟฝึกหัดก็กลับไปที่ร้าน. เขาเป็นลูกมือในครัวมีหน้าที่ช่วยเตรียมวัตุดิบ. ถ้าเขาทำงานยุ่งๆอยู่ล่ะก็ เขาก็ไม่ค่อยมีเวลาจะกินนัก. เขาเลยวางหม้อดินทิ้งไว้แล้วไปทำงานต่อ.

 

แต่เขาดันวางหม้อดินไว้ข้างๆเตา. พอเตาร้อนขึ้น อุณหภูมิสูงขึ้น และหม้อดินก็จะร้อนขึ้นด้วยเหมือนกัน.

 

กลิ่นหอมๆก็ค่อยๆโชยขึ้นช้าๆในครัว. เชฟทุกคนในครัวนั้นมีประสาทรับกลิ่นและรสที่แรงมาก. ตอนแรกเขานึกว่ากลิ่นมันมาจากอาหารที่ตัวเองทำ แต่พอทำอาหารผักไปหลายจานแล้วกลิ่นก็ไม่จางไป แต่กลับหอมขึ้นอีก.

 

เขาเลยตามกลิ่นไป. กลิ่นห๊อมหอมตรงนี้ กลิ่นห๊อมหอมตรงนั้น ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงจุดที่กลิ่นออกมา - หม้อดินยังไงล่ะ.

 

พอเขาเปิดฝาออก กลิ่นหอมก็ทะลักออกมา. พอเขามองดูด้านในก็มีซุปสีขาวๆกับผักด้านในเต็มไปหมด. แค่มองก็ทำให้คนอยากอาหารได้เลย.

 

เขาหยิบช้อนมาแล้วชิมมันไป. แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที.

 

“ซุปนี้มันทำมาจากเนื้อของสัตว์วิญญาณรึไงนะ?” (Spiritual beast ไม่มั่นใจคำแปล ขอแปะไว้ก่อนนะครับ)

 

เขาคิดได้แต่ข้อนี้เท่านั้น. ตอนนี้ในร้านอาหาร อาหารที่เขาทำมันไม่ได้อร่อยมากนัก. มีแต่คนธรรมดาแหละจะมาสั่งอาหารร้านนี้. พวกคนรวยๆจะไปสั่งอาหารที่มีพลังวิญญาณอยู่ด้วย. ส่วนคนที่รวยสุดๆนั้น เขาจะชอบกินเนื้อของสัตว์วิญญาณ. เนื้อของสัตว์วิญญาณนั้นมีพลังวิญญาณอยู่มากและรสชาติเองก็ละมุนและชุ่มช่ำ. กัดแค่คำเดียวก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว.

 

เช่นเดียวกับมนุษย์ สัตว์วิญญาณเองก็สามารถอัพเลเวลและแข็งแกร่งขึ้นได้. ขนาดสัตว์วิญญาณเลเวลต่ำๆเองก็ไม่ได้จับได้ง่ายๆเลย. ดังนั้นร้านอาหารทุกร้านจำเป็นต้องไปที่กิลด์นักผจญภัยเพื่อให้พวกเขาหาวัตถุดิบให้. และราคาของเนื้อพวกนี้เองก็แพงมากๆ. ร้านที่เขากำลังทำอยู่นี่ไม่ได้สั่งเนื้อสัตว์วิญญาณมานานมากแล้ว.

 

ตอนนี้ซุปที่เชฟคนนั้นกินไปมันอร่อยราวกับเป็นซุปเนื้อของสัตว์วิญญาณเลย. ดังนั้นเขาก็เลยดังส่งๆไป.

 

ถ้าในครัวนี้มีวัตถุดิบสัตว์วิญญาณ. แล้วหม้อดินมันมาจากไหนล่ะ?

 

เขาเลยตัดสินใจถามคนแถวนี้แล้วเรียกเชฟฝึกหัดทุกคนมา.

 

“อาจารย์” ปู้หยานพูด.

 

เชฟเอาหม้อดินออกมาด้านหน้าเขาแล้วถาม “ของเธอรึป่าว?”

 

“ครับ”

 

“เธอไปเอามันมาจากไหน? หรือไปขโมยมา?” คนธรรมดาส่วนใหญ่คงไม่มีปัญญาซื้อเนื้อสัตว์วิญญาณมากินแน่.

 

“มันเป็นของขวัญจากเพื่อนผมครับ” ปู้หยานตอบ.

 

“เพื่อนรึ?” เชฟคิ้วขมวดแล้วถามต่อ “เพื่อนเธอน่าจะรวยนะ เขามีเงินพอจะซื้อซุปแพงๆให้เธอด้วย. เธอรู้รึป่าวว่าซุปนี้มันทำมาจากเนื้อของสัตว์วิญญาณน่ะ?”

 

“ห๊าา? เป็นไปไม่ได้ครับ!” ตาของปู้หยานเบิกออกด้วยความตกใจ “นางบอกผมว่าเธอทำซุปนี้จากก้างปลานะครับ!”

 

“ก้างปลา?” เชฟไม่เชื่อคำพูดเขา.

 

“ใช่แล้วครับ!” ปู้หยานอธิบายทั้งหมดให้เชฟฟัง.

 

พอคิดอยู่ครู่หนึ่ง, เขาก็แนะศิษย์เขาว่า “อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด, เข้าใจมั้ย?” เชฟไม่ได้พูดเรื่องอยากเจอเพื่อนของปู้หยานเลยแม้แต่น้อย.

 

ถ้าหากสิ่งที่ศิษย์เขาพูดเป็นจริง ขอทานคนนั้นสามารถใช้ก้างปลาทำอาหารอร่อยๆแบบนี้ได้ งั้นเขาก็ต้องทำมันได้เช่นกัน. เนื่องจากเขาได้เรียนรู้จากนาง วันหลังเขาจะตอบแทนนางด้วยอาหารเยอะๆเพื่อเป็นการขอบคุณ.

 

เชฟคิดอยู่พักหนึ่งแล้วรีบเอาก้างปลามาต้มทันที.

 

ผ่านไปพักหนึ่ง ซุปก็เปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนน้ำนม.เชฟดีใจมาก. พอเขาจะตัดสินตอนที่ซุปได้ที่แล้วเขาก็เอาชามออกมาแล้วชิมทันที. จากนั้นเขาก็ถุยซุปออก….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด