ตอนที่ 23 พี่มาทำอะไรที่นี่คะ?
เฉียวอันซินดูสวยขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการบันเทิง ทำให้เธอกลายเป็นที่ต้องการของหลายคน แม้ว่าครอบครัวเฉียวจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อน แต่เธอก็ประสบความสำเร็จในสายงานของตัวเองไปแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็นดาราดัง ครอบครัวจึงไม่มีใครคัดค้านการกระทำของเธออีกต่อไป
“จริงเหรอ งั้นก็เอาเลยสิ” ซูเจ๋อพูดด้วยความลำพองใจเมื่อเห็นสายตาอิจฉาของพนักงาน
“อยากได้ชุดอื่นอีกไหม? ถ้าชอบก็เลือกเลย”
“ว้าว!” เฉียวอันซินยิ้มอย่างมีความสุข เธอเขย่งตัวจูบแก้มซูเจ๋ออย่างออดอ้อน “พี่ซูดีกับฉันที่สุดเลย”
พนักงานรอบ ๆ มองดูด้วยความอิจฉาเต็มเปี่ยม
เฉียวอันซินช่างดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่เกิดมามีใบหน้าที่สวยงาม แต่ยังประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แถมยังมีแฟนหนุ่มที่รักและเอาใจใส่เธอทุกอย่าง เสื้อผ้าราคาไม่กี่หมื่นหยวนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับซูเจ๋อ เขาซื้อให้เธอโดยไม่ลังเล
“ทำไมพวกเราไม่มีโชคได้เจอผู้ชายหล่อและรวยแบบนี้บ้างนะ” พนักงานบางคนพึมพำในใจ
ในขณะที่เฉียวอันซินกำลังเลือกเสื้อผ้าเพิ่ม ซูเจ๋อก็เดินไปที่จุดรับรอง แต่ในจังหวะที่เขาหันหลังกลับ เขาก็พบกับร่างบางที่คุ้นเคย
“เมียนเมียน” เขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ควรเป็นที่ที่เฉียวเมียนเมียนจะมา
เฉียวอันซินได้ยินเสียงนั้น จึงหันมามองอย่างรวดเร็ว เธอแสดงสีหน้าตกใจ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นซูเจ๋อมองเฉียวเมียนเมียนโดยไม่ละสายตา
เฉียวเมียนเมียนอยู่ในชุดเรียบง่าย เสื้อยืดสีขาว กางเกงสามส่วนสีฟ้าซีด และรองเท้าผ้าใบสีขาว ผมดำขลับปล่อยลงอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมใบหน้าที่แต่งเพียงเล็กน้อย แต่กลับดูสดใสและมีเสน่ห์
แม้แต่งตัวไม่หรูหรา แต่ความงามของเธอก็สะดุดตาอย่างปฏิเสธไม่ได้ นั่นทำให้เฉียวอันซินรู้สึกหึงหวงมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอสงสัยว่าเฉียวเมียนเมียนอาจตั้งใจปรากฏตัวที่นี่เพื่อยั่วยวนซูเจ๋อหรือเปล่า
“พี่คะ มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” เฉียวอันซินรีบมายืนข้างซูเจ๋อ ท่าทางราวกับต้องการปกป้องเขาจากศัตรูตัวอันตราย
เฉียวเมียนเมียนมองเธอด้วยความขบขัน เธอไม่คิดแม้แต่จะสนใจพวกเขาทั้งสองคน ราวกับว่าพวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้า เธอเพียงแค่มองผ่านแล้วหมุนตัวเดินจากไป
“พี่คะ!” เฉียวอันซินเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ก็เห็นว่ามาซื้อของ ทำไมถึงออกไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อะไรติดมือเลยล่ะคะ?”
ก่อนที่เฉียวเมียนเมียนจะได้ตอบ เฉียวอันซินก็แกล้งพูดต่ออย่างประชดประชัน
“อ้อ ฉันจำได้แล้วค่ะ หนังที่พี่แสดงเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมมากนักนะคะ รายได้จากการเป็นตัวประกอบคงไม่มากพอ ไหนจะต้องใช้เงินดูแลเฉียวเฉินในโรงพยาบาลอีก ฉันเข้าใจเลยค่ะว่ามันต้องใช้เงินเยอะ”
พนักงานรอบ ๆ ที่ได้ยินต่างเริ่มมองเฉียวเมียนเมียนด้วยท่าทีเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินว่าเธอเป็นเพียงนักแสดงตัวประกอบและมาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอีกต่อไป พวกเขาก็มองเธอด้วยสายตาหมิ่นเหยียด