บทที่ 61 การปรากฏตัวของถงเล่ย
บทที่ 61 การปรากฏตัวของถงเล่ย
และแล้วเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะมีการทดสอบช่วงปลายเดือนอีกครั้ง แน่นอนว่าผลการทดสอบของจี้เฟิงนั้น ไม่ได้ดีไปกว่าปานกลางระดับล่างเช่นเคย
เมื่อฟังอาจารย์ที่ยืนอยู่บนแท่นบรรยาย กำลังอธิบายเอกสารของการทดสอบอย่างเบื่อหน่าย จี้เฟิงก็นอนลงบนโต๊ะ อย่างที่เขาทำเป็นประจำ เขาหลับตาลงและนอนหลับ แต่ในความเป็นจริง เขาก็ได้กลับมาสู่จิตใต้สำนึกของเขาอีกครั้ง และได้เริ่มรับการฝึกฝนการต่อสู้ด้วยสมอง
ในตอนแรกจี้เฟิงได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐานบางอย่างเท่านั้น แต่ร่างกายของเขาได้มีการพัฒนาอย่างมากในการฝึกฝนยิมนาสติก ดังนั้นเขาจึงเรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐานเหล่านี้ได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกการต่อสู้กับร่างเสมือนของระดับปรมาจารย์ที่สร้างโดยระบบฝึก
จี้เฟิงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากในการฝึกครั้งต่อไปอย่างที่สมองหมายเลข 1 บอกเอาไว้ นั่นเป็นเพราะผู้ที่รับผิดชอบการฝึกให้กับจี้เฟิงในครั้งนี้ เป็นโปรแกรมที่ถูกรวบรวมมาจากทหารยอดฝีมือและมีชื่อเสียงในกาแล็กซีแกมมา โดยที่ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่า ขั้นตอนการฝึกนั้นจะสุดโหดเข้มงวดขนาดไหน
แม้ว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรและอาวุธที่ซับซ้อนนั้นจะทำให้จี้เฟิงปวดขมับได้แค่ไหน แต่ก็ไม่น่าหงุดหงิดใจเท่ากับครั้งนี้ เขารู้สึกหมดหนทางอย่างที่สุด เพราะทักษะของผู้สอนนั้นมีความแปลกประหลาดอย่างคิดไม่ถึง
เพราะไม่ว่าจี้เฟิงจะโจมตีจากทิศทางใด เขาก็ไม่สามารถโจมตีผู้ฝึกได้เลย สองมือของผู้ฝึกสอนเปรียบดั่งกำแพงที่ทำจากเหล็กกล้า สามารถปิดกั้นการโจมตีของจี้เฟิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากการป้องกันที่น่าทึ่งแล้ว สิ่งที่จี้เฟิงเกรงกลัวที่สุดก็คือการโจมตีของปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน
เขาสามารถจัดการกับจี้เฟิงได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว และภายใต้การโจมตีนี้ จี้เฟิงไม่สามารถป้องกันหรือตั้งรับได้เลย จี้เฟิงจึงได้รับแรงกระแทกจากการโจมตีไปแบบเต็มๆ!
มันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันดีว่า ถ้าสิ่งนี้เป็นเพียงภาพลวงตาเสมือนจริง คุณจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ หากคุณโดนโจมตี แต่นั่นไม่ใช่การจำลองทางประสาทสัมผัสอย่างที่จี้เฟิงกำลังฝึก ถึงจะเป็นร่างเสมือน แต่ทุกความรู้สึกล้วนได้รับความเจ็บตามจริงทุกประการ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าจี้เฟิงถูกโจมตีจากการฝึกซ้อม เขาก็จะรู้สึกเหมือนจริงทุกอย่าง ไม่ต่างไปจากการถูกโจมตีในโลกแห่งความจริงเลยแม้แต่น้อย
จากสิ่งนี้เราจึงสามารถรู้ได้ว่า จี้เฟิงต้องทนรับความเจ็บปวดมากขนาดไหน!
การถูกโจมตีโดยปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนที่เก่งที่สุดทางการต่อสู้ แทบจะเทียบเท่าได้กับการถูกรถบรรทุกวิ่งมาด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าชนร่างของจี้เฟิงเต็มๆ จนทำให้เขากระเด็นไปกลางอากาศในทันทีและตกลงสู่พื้นเป็นชิ้นๆ!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันที่เขาฝึกยิมนาสติกในวันแรกๆ แม้ว่าช่วงเวลาในตอนนั้น เขาจะเจ็บปวดไปทั่วร่างกายและรู้สึกเบื่อจากการฝึกซ้ำๆในทุกๆวัน แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาต้องเจอในตอนนี้!
อย่างไรก็ตาม คำพูดของสมองหมายเลข 1 ทำให้จี้เฟิงปัดความคิดที่จะล้มเลิกการฝึกทิ้งไป “มาสเตอร์! ตามระเบียบของโปรแกรมการฝึกฝน มาสเตอร์จะต้องปฏิบัติตามกฎของระบบอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอนการฝึกอบรม หากมาสเตอร์กระทำการละเมิดกฎ หรือล้มเลิกกลางคัน มาสเตอร์จะถูกลงโทษด้วยพลังไฟฟ้าชีวภาพขั้นสูง!”
หลังจากได้ยินประโยคเหล่านั้น จี้เฟิงจึงเลือกที่จะกัดฟันทนเพื่อที่จะฝึกฝนให้สำเร็จทันที เมื่อพูดถึงการถูกลงโทษด้วยกระแสไฟฟ้าชีวภาพ จี้เฟิงเคยได้สัมผัสกับมันแล้วเมื่อตอนที่เขาเข้าสู่ระบบการฝึกนี้ครั้งแรก ความรู้สึกที่เจ็บปวดและชาไปทั่วร่างกายของเขา มันทำให้เขาจำฝังใจและคิดว่าหากต้องโดนอะไรแบบนั้นอีกคงไม่ต่างจากถูกทรมานในนรก!
“จี้เฟิง นายต้องทำได้!” จี้เฟิงกัดฟันพูดให้กำลังใจตัวเอง “นายต้องอดทนและผ่านมันไปให้ได้ มันไม่ยากขนาดนั้น นายต้องเคยชินกับมัน เพราะถ้านายยอมแพ้มันตอนนี้ นายต้องได้ลิ้มรสชาติของกระแสไฟฟ้าชีวภาพ... เอาเป็นว่านายต้องทำได้!!!”
จี้เฟิงถึงกับสะกดจิตตัวเอง.. .แต่ด้วยวิธีนี้มันก็ทำให้เขาสามารถอดทนมาได้จนถึงตอนนี้ แน่นอนผลของการยืนหยัดอย่างหนักแน่นก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน
ตั้งแต่การฝึกเริ่มต้นขึ้น ในคืนแรกจี้เฟิงก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีของปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และอย่างน้อยๆ เขาก็ถูกโจมตีเข้าเป้าอย่างจังมากกว่าสิบครั้ง แม้ว่ามันจะเจ็บปวดและเหนื่อยล้าอย่างแสนสาหัส แต่เขาก็สามารถลุกขึ้นมาได้ในทุกๆครั้งเช่นกัน และถึงมันจะเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน เพื่อไม่ให้พ่ายแพ้จี้เฟิงยืนกรานที่จะอดทนฝึกต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ จนท้ายที่สุด จี้เฟิงก็สามารถรับการโจมตีจากปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนโดยไม่กระเด็นหรือล้มลงไปได้นานถึง 1 นาที!
อย่าเพิ่งดูถูกเวลาเพียง 1 นาที คุณต้องรู้ก่อนว่า เมื่อคนๆหนึ่ง ใช้แรงทั้งหมดในการโจมตีหรือการต่อสู้ เขาจะใช้พลังงานทางกายภาพอย่างมหาศาลขนาดไหน ยกตัวอย่างเช่น การต่อสู้ระหว่างคนธรรมดา 2 คน หากพวกเขาต่อสู้กันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี คาดว่าคงจะจบลงภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีหรืออย่างมากก็จะไม่เกินสิบวินาที แต่หลังจากจบแล้ว เกรงว่าร่างกายจะบาดเจ็บอย่างรุนแรงหรืออ่อนแอลง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
ดังนั้นสำหรับจี้เฟิง การต้านทานได้เพียงหนึ่งนาทีนี้ ถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ตอนนี้ความแข็งแกร่งทางร่างกายของจี้เฟิงได้พัฒนาอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน แม้ว่าเขาจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน แต่เขาก็ไม่ได้ถูกล้มทันทีที่เริ่มการต่อสู้เหมือนในช่วงแรก ในตอนนี้เขาสามารถต่อสู้และตอบโต้กับผู้ฝึกสอนไปมาได้แล้ว และแน่นอนว่าผู้ที่พ่ายแพ้ในทุกๆครั้งก็ไม่พ้นจี้เฟิง เหตุผลหลักๆนั่นเป็นเพราะจี้เฟิงรู้สึกเหนื่อยล้าได้ ไม่เหมือนกับร่างเสมือนของผู้ฝึกสอนที่เพียงแค่ปิดโปรแกรมทุกอย่างก็จบ..
แต่ถึงอย่างนั้นจี้เฟิงก็มีความสุขมาก เพราะถ้าเป็นเขาเมื่อในอดีต โดยที่ไม่ต้องลุ้นเลยว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้หรือเปล่าในการต่อสู้ เพราะเขาคงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ตอบโต้
แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะในขณะที่เขาฝึกฝนอยู่ภายใต้จิตสำนึกของเขา พลังไฟฟ้าชีวภาพก็ปรับเปลี่ยนร่างกายของเขาไปพร้อมๆกัน กล่าวคือความแข็งแกร่งของเขาในการต่อสู้กับปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนนั้น เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเอง
ซึ่งหมายความว่า แม้ว่าปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนจะปรากฏตัวในโลกแห่งความจริง แต่จี้เฟิงก็มีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับเขาได้สักสองสามนาที
“มาสเตอร์! ความแข็งแกร่งของมาสเตอร์ได้รับการยืนยันจากผู้ฝึกสอนแล้ว.. มาสเตอร์ทำได้ดีมากในการฝึกฝน ต่อไปจะมีปรมาจารย์รูปแบบต่างๆ มาต่อสู้กับมาสเตอร์ ตราบใดที่มาสเตอร์สามารถต่อสู้ได้ถึงครึ่งชั่วโมง จะถือว่ามาสเตอร์ผ่านทักษะเสริมการต่อสู้นี้!” สมองหมายเลข 1 กล่าว
“ครึ่งชั่วโมง...” จู่ๆใบหน้าของจี้เฟิงก็ซีดเผือด ใครมันจะทนได้ถึงครึ่งชั่วโมงฟร๊ะ?! ฉันเกรงว่าแม้แต่ราชาแห่งการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ก็คงไม่สามารถยืนหยัดต่อการต่อสู้ที่มีความเข้มข้นโหดเหี้ยมสูงเป็นเวลาถึงครึ่งชั่วโมงได้อย่างแน่นอน เงื่อนไขการผ่านเกณฑ์มันไม่ได้ผิดปกติใช่ไหม?
เมื่อจี้เฟิงกำลังพึมพำบ่นกับตัวเอง ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงของสมองหมายเลข 1 พูดว่า “มาสเตอร์ มีคนกำลังพยายามสื่อสารกับมาสเตอร์อยู่ข้างนอก โปรดกลับออกไปทันที!”
วินาทีต่อมา จี้เฟิงรู้สึกว่าสติของเขากลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังแตะแขนของเขา ถ้าดูจากตำแหน่งที่นั่ง น่าจะเป็นจางเล่ย
“เล่ยซือ มีอะไรเหรอ?” จี้เฟิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขายังมัวเล็กน้อยราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นนอน จางเล่ยดูท่าทางอึดอัดเขาเคลื่อนไหวเป็นเชิงบอกให้จี้เฟิงหันไปมอง
จี้เฟิงหันหน้าไปทันทีและพบกับถงเล่ย ไม่รู้ว่าเธอมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ จี้เฟิงเห็นใบหน้าที่สวยงามของถงเล่ยที่ดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ซึ่งในเวลานี้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“หือ.. ถงเล่ยไม่ได้สนใจหรือพูดคุยกับฉันมาสักพักนึงแล้ว แล้วจู่ๆทำไมเธอถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้?” จี้เฟิงงุนงงสับสนเล็กน้อย
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่จี้เฟิงส่งกระดาษโน้ตให้เธอครั้งสุดท้าย ถงเล่ยก็ดูเหมือนจะทำตัวเย็นชากับเขาเหมือนก่อนที่พวกเขาจะตกลงเป็นเพื่อนกัน เธอเปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืนเธอไม่เคยอยู่ต่อในตอนเย็น หรือแม้แต่จะทักทายเขาด้วยซ้ำ แม้ว่าจะเดินเฉียดผ่านกันในชั้นเรียน เธอก็ไม่เคยพูดหรือมองหน้าจี้เฟิงอีกเลยตั้งแต่เหตุการณ์กระดาษโน้ตนั้น
แต่จี้เฟิงไม่ได้รีบร้อนอะไรในเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับถงเล่ย เขาเลยยังไม่ได้ไปพูดคุยหรือถามเธออย่างจริงจัง ตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่รีบพัฒนาความสามารถของเขาให้เร็วที่สุด และเมื่อเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอเขาก็จะสามารถเข้าหาถงเล่ยได้อย่างกล้าหาญ และในตอนนี้เขาก็พอใจแล้วหากถงเล่ยได้รับรู้ความรู้สึกของเขาว่าเขาชอบเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คาดคิดว่าถงเล่ยจะเดินมาหาเขาถึงที่นี่ในตอนนี้
...จบบทที่ 61~❤️