ตอนที่ 253-254
ตอนที่ 253 : สายฟ้าร่วงหล่น
รอยยิ้มอ่อนจางปรากฏที่ใบหน้าของเหยาซือหยาน มันเป็นรอยยิ้มที่เรียบดังดอกไม้เบ่งบาน
คำตอบเช่นนี้ก็สมกับเป็นเถ้าแก่ดี!
ตู้ม!
เสียงสายฟ้าฟาดลงมาอย่างกะทันหัน
ขณะนี้มวลเมฆสีดำเริ่มปกคลุมท้องฟ้า
เมฆสีดำเปรียบดังหมึกที่ย้อมฟากฟ้า ลอนเมฆได้กลับกลายคล้ายเป็นเกลียวคลื่นแห่งมหาสมุทรอันมืดมิด
แสงสว่างวูบวาบในมวลเมฆปรากฏ คลื่นสายฟ้าม้วนตัวพบเห็นปรากฏ มันม้วนตัวลงมาประหนึ่งหมึกแสง!
สภาพอากาศกลับกลายเป็นเปี่ยมแน่นด้วยอำนาจทำลายล้างชวนสะพรึง
เหยาซือหยานได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงภายนอก สีหน้ายามนี้ต้องแปรเปลี่ยนตาม
ปรากฏการณ์เช่นนี้ คล้ายจะเป็นทัณฑ์สายฟ้า!
และเหมือนนางจะเป็นผู้ที่ดึงดูดมันมา!
……
ในเทือกเขาจิ่วเหยาใกล้เคียงนครจิ่วเหยา สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนได้คลุกคลานกับพื้น
เหล่านั้นสั่นกลัวราวพบเจอนายเหนือผู้ยิ่งใหญ่!
แต่ให้เป็นขอบเขตทดสอบเต๋าก็ยังไม่อาจต้านทานอำนาจ!
วิหคอมตะจากสถาบันหลิงหยุนเวลานี้อาศัยด้านในถ้ำของเทือกเขาจิ่วเหยา มันเผยความหวาดกลัวผ่านดวงตา
ด้วยเป็นสัตว์อสูรที่หลงเหลือจากยุคโบราณ ความทรงจำทางสายเลือดของมันทราบกระจ่างถึงอำนาจทำลายล้างที่อัดแน่นภายในหมู่เมฆ!
นี่คือทัณฑ์พิบัติสำหรับตัวตนที่ถือกำเนิดขึ้นอย่างต่อต้านอำนาจฟ้าดิน!
อินทรีย์สายฟ้าเก้าปรโลกมีความสามารถกลืนกินสายฟ้า
หากเป็นมวลเมฆสีดำตามปกติธรรมชาติ เช่นนั้นมันพุ่งทะยานออกด้วยความตื่นเต้นยินดีไปแล้ว
กระนั้นตอนนี้มันกลับต้องซ่อนเร้นออร่าอย่างหวาดเกรงว่าจะกระตุ้นความสนใจของมวลเมฆสีดำเบื้องบนเข้า
มวลเมฆสีดำและสายฟ้าที่เผยตัว เหล่านี้เป็นสิ่งที่มันไม่อาจข้องเกี่ยว!
คล้ายคลึงกัน ที่นครจิ่วเหยาเวลานี้ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง
มวลเมฆสีดำปรากฏอย่างผิดปกติและรวดเร็วเกินไป เพียงครู่เดียวพวกมันก็ปกคลุมฟากฟ้ามิดชิดไปแล้ว
เหล่านั้นกว่าจะตอบสนอง ฟากฟ้าเบื้องบนก็มืดครึ้มปกคลุมจนไม่อาจพบเห็นอื่นใดแล้ว
พระราชวังหลวง
จี้อู๋ฮุยรับชมมวลเมฆสีดำบนฟากฟ้าด้วยความสะพรึง “สายฟ้าทรงอำนาจเพียงนี้ก็ถือเป็นทัณฑ์สายฟ้างั้นหรือ?”
เหล่าไป่เผยสีหน้าเคร่งเครียดเคียงข้าง
พลังอำนาจของสายฟ้าที่ควบรวมอยู่ภายในมวลเมฆสีดำ เหล่านั้นมันเกินกว่าที่ทัณฑ์สายฟ้าซึ่งเขาเคยเผชิญ!
ต่อให้เป็นการนำเหตุการณ์ครั้งก่อนมาเพิ่มเป็นสองก็ยังไม่รุนแรงเท่า!
เหล่าไป่ทราบกระจ่างชัดถึงพลังอำนาจแห่งสายฟ้าในมวลเมฆสีดำ ตัวเขาไม่อาจต้านทานมันได้อย่างแน่นอน!
ดังทราบว่าเหล่าไป่คือขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า ต่อหน้ามวลเมฆสีดำบนฟากฟ้ายามนี้ ตัวเขาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
แล้วอะไรเป็นเหตุให้มวลเมฆสีดำเหล่านี้มารวมตัว?
เหล่าไป่สูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกล่าวคำ “ทัณฑ์สายฟ้ารุนแรงเพียงนี้ มันไม่ใช่เพียงทัณฑ์สายฟ้าทั่วไปแล้ว แต่นี่มันมาเพื่อทำลายล้าง!”
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนหรือสัตว์อสูร ต่างก็พบว่ายากจะข้ามผ่านความวิบัติที่เกิดขึ้น
ทว่าหนทางรอดอย่างไรก็ต้องมี
ดังคำกล่าวเอาไว้ เส้นทางสู่สวรรค์ยากปีนป่าย ทว่าไม่ใช่ไม่มีหนทาง
ทว่ากับทัณฑ์สายฟ้าเบื้องบน เหล่าไป่ไม่คล้ายพบเห็นหนทาง
กล่าวได้ว่านี่คือปรากฏการณ์การทำลายล้าง!
บอกกล่าวตามตรง เหล่าไป่เพียงทราบเรื่องปรากฏการณ์เช่นนี้ก็เพียงแต่ในตำราโบราณ!
การปรากฏตัวของสิ่งต่อต้านฟ้าดิน นั่นจึงเป็นการอัญเชิญทัณฑ์สายฟ้าแห่งการทำลายล้าง
เพราะสวรรค์ไม่ยินดีให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น!
แน่นอนว่าหากสำเร็จและข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าดังกล่าว เช่นนั้นก็หมายถึงได้รับผลประโยชน์แก่ตนเอง
ส่วนว่าเป็นผลประโยชน์ใด ตำราโบราณไม่มีการกล่าวถึงเอาไว้
และไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตำรานั้นผู้ใดเขียนขึ้น...
แน่นอนว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่สนใจเนื้อหาในตำรา
พิจารณาจากความหนาแน่นของทัณฑ์สายฟ้าที่ปรากฏ กระทั่งเศษเสี้ยวสายฟ้ามันก็ทรงอำนาจมากพอที่จะทำลายล้างนครจิ่วเหยาแห่งนี้ได้!
ตอนที่ 254 : เรื่องราวประจำวันของประชากรแห่งนครจิ่วเหยา
ขณะนี้นครจิ่วเหยาต้องเผชิญหน้ากับความเป็นและความตาย!
จี้อู๋ฮุยเผยยิ้มขื่นขม “เรื่องนี้ข้าทำอะไรได้? พลังของมนุษย์จะสามารถหยุดยั้งทัณฑ์สายฟ้านี้เอาไว้ได้งั้นหรือ?”
เหล่าไป่กลายเป็นเงียบงัน
แต่แล้วอย่างกะทันหัน ดวงตานั้นเผยประกายราวคิดอะไรขึ้นได้
ทางด้านจี้อู๋ฮุยเองก็เช่นกัน
คนทั้งสองต่างมองหน้ากันก่อนจะพบเห็นความคิดอีกฝ่ายที่คล้ายคลึง
จี้อู๋ฮุยกลืนน้ำลายหันสายตามองไปทางตะวันออกที่ซึ่งมีร้านต้นตำรับตั้งอยู่
“เหล่าไป่ ทัณฑ์สายฟ้านี้คงไม่ใช่ของเถ้าแก่กระมัง?”
ก่อนหน้านี้เถ้าแก่ขึ้นไปชั้นบนระหว่างเปิดร้าน บรรดาลูกค้าต่างสงสัย
ทราบกันว่าลั่วฉวนไม่เคยหายขึ้นไปบนร้านช่วงเวลาทำการมาก่อน
อีกทั้งยังมีเสียงดังจากชั้นบนขนาดทำลูกค้าทั้งหลายตกใจ
หรือจะเป็นเถ้าแก่ทำสินค้าอะไรใหม่แล้วผิดพลาด?
เรื่องราวเหล่านี้ได้ทราบจากปากของปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวิน
เหล่าไปครุ่นคิดตาม “อาจเป็นไปได้!”
จี้อู๋ฮุยลังเลไปครู่ก่อนจะกล่าว “เหล่าไป ไม่ทราบว่าเจ้าคิดหรือไม่ แต่ทัณฑ์สายฟ้าเมื่อครู่ที่ปรากฏ มันคล้ายจะไปยังทางร้านต้นตำรับ”
เหล่าไป่หันไปมองจี้อู๋ฮุยก่อนจะพยักหน้ารับ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น หากองค์เหนือหัวไม่กล่าว ข้าคงนึกว่าคิดไปเอง”
ที่คนทั้งสองกล่าวถึง มันคือการที่สายเลือดของเหยาซือหยานตื่นรู้สายเลือดของบรรพชน
บางครั้งการรับรู้เรื่องราวก็ต้องใช้ใจ มันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนที่เข้าถึงขอบเขตสูงส่งจึงทราบ
ขณะนี้ทราบว่าต้นตออยู่ทางร้านต้นตำรับ ดังนั้นเรื่องราวสมควรไม่มีอะไรน่าห่วง
จี้อู๋ฮุยถอนหายใจอย่างโล่งอก “หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่น่ามีอะไรต้องกังวล”
ในความเห็นของเขา ด้วยกำลังของเถ้าแก่ ทัณฑ์สายฟ้าเล็กจ้อยแค่นี้ไม่ว่าทรงอำนาจล้นพ้นเพียงใดก็ไม่อาจก่อคลื่นลม
อย่างไรแล้วนักบวชอสูรขอบเขตราชันระดับที่สองยังถูกสังหารในกระบวนท่าเดียวด้วยซ้ำ...
ทว่าบอกกล่าวตามตรง จี้อู๋ฮุยยังรู้สึกสงสัย
เถ้าแก่เย็นชามาโดยเสมอ ทำไมจึงเรียกเรื่องราวใหญ่โตมาไม่ขาด?
เรื่องนี้ยากเข้าใจ...
หยิงอู๋จี้และคณะต่างก็เผยยิ้มแห้งเช่นเดียวกัน
พวกเขาตระหนักทราบถึงทิศทางของทัณฑ์สายฟ้า
พร้อมกันนี้ยังรับชมอย่างไม่คิดวางตา
นี่ก็ผ่านไปเพียงไม่นาน ไฉนเถ้าแก่ลงมือครั้งใหญ่อีกแล้ว?
ความคิดของพวกเขาเกิดความสงสัยอย่างแรงกล้า
อะไรกันที่เป็นต้นตอชักนำทัณฑ์สายฟ้าระดับนี้มาเยือนได้?
ส่วนความตึงเครียดต่อเหตุการณ์ พวกเขาหาได้มีไม่
อย่างไรแล้วจากพื้นฐานความเชื่อเรื่องกำลังของลั่วฉวน เหตุกาณณ์เช่นนี้ตึงเครียดไปก็ไร้ความ
ขณะนี้พวกเขาวางแผนด้วยซ้ำ ว่าจะไปเยือนร้านต้นตำรับอีกครั้งในช่วงบ่าย
เรื่องราวครั้งใหญ่ สมควรเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เถ้าแก่ทำขึ้นเป็นแน่!
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้อยู่อาศัยของเมืองต่างมองฟากฟ้าพร้อมความหวาดกลัวขนาดกายแข็งทื่อ
ช่วงหลายวันมานี้มันอะไรกัน?
เพียงเวลาไม่ถึงเดือน ไฉนเกิดเรื่องราวใหญ่โตในนครจิ่วเหยาไม่ขาด?
ต่อให้ไม่ป่วย แต่บางทีก็อาจหัวใจเต้นผิดจังหวะจนป่วยไข้ได้!
หลายคนคิดเห็นเช่นนี้อยู่ภายใน เรื่องราวเหล่านี้พวกเขาควรตอบสนองอย่างไร?
แม้ทุกครั้งที่พบเห็นสายฟ้าฟาดฟันลงมา ทว่ามันหาได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยใดไม่
มันกลายเป็นว่าได้สร้างความชินชาแก่นครจิ่วเหยาไป
กระนั้นวันคืนเช่นนี้ก็ยังยากจะใช้ชีวิตต่อได้!
แน่นอนว่าลั่วฉวนผู้ซึ่งเป็นต้นตำเรื่องราวหาได้ทราบความคิดผู้อื่นไม่
แต่ถึงทราบก็เท่านั้น เขาไม่คิดอะไรอยู่แล้ว...
ขณะนี้ลั่วฉวนและเหยาซือหยานยืนที่หน้าประตูร้าน สายตารับชมมวลเมฆสีดำบนฟากฟ้าที่แทบจะร่วงหล่นลงมาทั้งผืนมาทับศีรษะ