ตอนที่ 176 สวี่เจียไจ๋ 2
อู่ฉีผลักเปิดประตูสวนบ้าน เห็นเกาหยวนกำลังสับฟืนในสนาม
เกาหยวนยกขวานขึ้นสูง ฟันไม้กลมบนแท่นไม้ด้วยขวาน เสียงไม้กลมถูกผ่าเป็นสองส่วนดังขึ้น ขนาดพอดี และมันก็ถูกโยนไปในกองไฟ
เกาหยวนไม่ได้สวมชุดรบตัวเดิม เขาเปลี่ยนเป็นชุดหนังหมี พร้อมด้วยรองเท้าหนังหมีคู่หนาบนเท้า จากการแต่งตัว มันเหมือนกับชาวบ้าน โดยเฉพาะนักล่าชาวบ้าน
“ลูกพี่กลับมาแล้ว” เกาหยวนยิ้มให้อู่ฉี ตั้งแต่วันแรกที่ทั้งสามอาศัยในนี้ อู่ฉีก็ขอให้เกาหยวนเปลี่ยนการเรียกเขาว่าหัวหน้า หลังคิดสักพัก เกาหยวนก็ตัดสินใจใช้คำว่า’ ลูกพี่’ แทน มันฟังดูสนิทสนมกันกว่า และก็ยังไม่ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าพวกเขาเคยเป็นทหารรับจ้าง
“อืม” อู่ฉีพยักหน้า จากนั้นก็พบม้านั่งไม้ในสนาม ใช้ดาบยาวเพื่อแล่เนื้อหมีน้ำตาล
เขาสับกระดูกและเนื้อมัน แม้กระทั่งชาวบ้านของสวี่เจียไจ๋ที่ได้รับการปกป้องโดยภูเขาและอาศัยมาตั้งแต่แรกเริ่มก็ยังไม่มีฝีมือในการจัดการกับศพของสัตว์ตัวใหญ่
กลิ่นเนื้อหมีคละคลุ้งไปทั่ว จิ้งจอกแดงตัวน้อยที่นอนบนธรณีประตูของบ้านได้กลิ่นอาหาร มันลืมตาขึ้น แกว่งหางมันและรีบวิ่งมา เดินวนรอบม้านั่งที่อู่ฉีกำลังนั่ง แสดงความปรารถนาแต่ก็ไม่รบกวนการทำงานของอู่ฉี
จิ้งจอกน้อยอยากกินเนื้อดิบ มันชอบกินแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็ก แต่เนื่องจากจิ้งจอกน้อยต้องติดตามอู่ฉี มันจึงได้กินแต่อาหารสัตว์เลี้ยงหรือเนื้อกระป๋อง หลังใช้ชีวิตในหมู่บ้าน อู่ฉีจึงไม่ได้ใช้เวลากับการต่อสู้มากนัก เขาจึงมีเวลาเอาใจใส่จิ้งจอกน้อยมากขึ้นและฝึกมันให้กินเนื้อย่าง ก่อนเนื้อของสัตว์กลายพันธุ์จะถูกทำให้สุกดี ไวรัสพลังเหนือธรรมชาติในเนื้อจะยังคงอยู่ แม้ว่าการให้จิ้งจอกน้อยกินเนื้อดิบจะช่วยยกระดับการวิวัฒนาการของไวรัสในตัวมัน แต่ฉีเยวี่ยก็เป็นแค่สัตว์กลายพันธุ์ระดับหนึ่ง จิ้งจอกที่กินไวรัสระดับหนึ่งหรือสองมากไปจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาและสุขภาพพวกมันเอง
จิ้งจอกน้อยวิ่งวนรอบเนื้อหมี และกำลังจะกัด แต่อู่ฉีก็กระทืบเท้า ตอนนี้จิ้งจอกน้อยถูกห้ามโดยอู่ฉีไม่ให้กินเนื้อดิบ และต้องรออย่างเชื่อฟัง มันจึงก้าวช้าลง หันกลับไปประตูบ้าน กลับไปนอนต่อ
อู่ฉีส่ายหัวและหัวเราะ พักนี้จิ้งจอกน้อยขี้เกียจ สองเดือนก่อน มันสามารถนอนได้ 16 ชั่วโมงต่อวัน ตอนนี้ถ้าไม่เรียกมัน มันสามารถนอนได้ถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมือนจิ้งจอกที่ว่องไว แต่เหมือนหมูที่กินและนอนซะมากกว่า แม้แต่กั๋วไป่ไป่ก็เริ่มเรียกมันว่าจิ้งจอกอ้วน
ห้านาทีต่อมา อู่ฉีก็ปรุงหมีน้ำตาลหุ้มเกราะหนัก 800 กิโลกรัมเสร็จ เขาลอกหนังหมีหนาที่สามารถใช้เป็นผ้าห่มและเสื้อผ้า ควักเอาอวัยวะภายในและกองกระดูกออกมา แล่ชิ้นเนื้อใหญ่ บนพื้น มีกระดูกสีขาวหิมะขนาดใหญ่กองกันเหมือนภูเขา
สุนัขสีเหลืองตัวโตจากบ้านของป้าหลี่ เพื่อนบ้านเขาตามกลิ่นมาถึงหน้าบ้านอู่ฉีและยืนตรงทางเข้าสวน มองกองกระดูกที่เท้าของอู่ฉีอย่างกระตือรือร้น สะบัดหางฟูฟ่อง แสดงความปรารถนา
อู่ฉีคว้ากระดูกใหญ่และโยนมันไปที่ประตูสวน สุนัขตัวโตวิ่งน้ำลายไหล กัดกระดูกและส่ายหางมันหลายครั้ง จากนั้นก็รีบวิ่งออกไป
ชีวิตประจำวันเช่นนี้ผ่านไปทุกวัน
หลังปรุงสุกเนื้อหมี อู่ฉีก็ตะโกนไปในครัว“กั๋วไป่ไป่!”
เสียงใสดังขึ้นจากครัวที่มีควันโชยขึ้นปล่องไฟ กั๋วไป่ไป่เดินออกจากครัว เพราะเธอกำลังทำอาหาร เสื้อผ้าของกั๋วไป่ไป่จึงเป็นเสื้อผ้าทั่วไป
เธอเดินมา ใช้ถาดในมือขนเนื้อหมีหั่นเต๋ากว่า 20 กิโลกรัมไป“งั้นฉันจะไปทำอาหารจานสุดท้าย”
“อืม ดีเลย” อู่ฉีตอบขณะลดหัวลง
กั๋วไป่ไป่กลับเข้าครัวไป ขณะที่เกาหยวนสับฟืนและส่งมันไปให้ อู่ฉีวางแผนเก็บเนื้อหมีส่วนที่เหลือไปยังห้องใต้ดินที่มีอุณหภูมิต่ำเพื่อเก็บรักษา ต่อมา เขาอาจส่งมันให้เพื่อนบ้านหรือแลกกับของใช้ประจำวัน
ยี่สิบนาทีต่อมา ทั้งสามก็นั่งบนโต๊ะอาหารไม้ในบ้าน กั๋วไป่ไป่ ผู้ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วหยิบจานอาหารสี่จานและซุปมาวางบนโต๊ะ ทั้งสามเริ่มกินอาหารของวันนี้เงียบ ๆ
จิ้งจอกแดงตัวน้อยที่หลับอยู่ตรงธรณีประตูทั้งวันเองก็มีเนื้อหมีย่างสองจานอยู่ตรงหน้า มันเริ่มกินไปแล้ว
ดวงอาทิตย์ตกลงหลังภูเขา ท้องฟ้าสีน้ำเงินมาแทนสีส้ม ท้องฟ้าในหุบเขาเต็มไปด้วยดาว และดวงจันทร์สีขาวก็ลอยสูงในท้องฟ้า ลมหนาวพัดจากทางตะวันออกมายังทางเข้าของสวี่เจียไจ๋และในชั่วพริบตา มันก็ผ่านถนนและสนามหญ้าของบ้านทุกหลัง อุณหภูมิลดลง
ตามปกติ ชาวบ้านมักจะอยู่บ้านในช่วงเวลานี้ ชาวบ้านที่เดินตามถนนของหมู่บ้านแทบไม่พบเห็น ส่วนใหญ่คือพวกผู้ชายไม่ดี แต่คืนนี้แตกต่าง
มีชาวบ้านหลายคนในชุดแบบคนจีนบนถนน ชายและหญิงจะสวมชุดจีนที่ทำจากผ้าไหม พวกเขาเดินไปตามถนนด้วยแสงสีสดใสของกองไฟตรงกลางหมู่บ้าน ในจัตุรัสหมู่บ้าน โคมไฟถูกแขวน กองไฟยังส่องสว่าง มีเนื้อย่างนับไม่ถ้วน รวมถึงเหล้า ไวน์
คืนนี้เป็นวันประเพณีของสวี่เจียไจ๋ งานเลี้ยงรอบกองไฟ การเตรียมการทั้งหมดทำโดยเจ้าของหมู่บ้าน สวี่ห่าวฉิง และโคมไฟ ไวน์กับเนื้อย่างก็ถูกจัดหามาโดยเจ้าของหมู่บ้าน ในวันนี้ของปี ชาวบ้านจะผ่อนคลายและร่วมสนุกรอบกองไฟ เต้นรำและร้องเพลง มันเป็นช่วงเวลาดีที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวที่ไม่เคยพบกันจะได้ทำความรู้จักกัน
อู่ฉี กั๋วไป่ไป่ และเกาหยวนคือสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมสองเดือนก่อน พวกเขามีเพื่อนในหมู่บ้าน พวกเขาจึงไม่โดดเดี่ยว
นอกจากการทำอาหารและงานบ้าน กั๋วไป่ไป่จะไปทำงานในโรงงานทอผ้าของหมู่บ้าน ดังนั้นเธอจึงพบกลุ่มหญิงสาวมากมาย พวกเธอสนใจในตัวกั๋วไป่ไป่ที่มาจากด้านนอกมาก กั๋วไป่ไป่บอกพวกเธอถึงโลกภายนอก สอนพวกเธอถึงสิ่งที่เธอรู้และเรียนรู้งานเย็บถักจากสาวชาวบ้าน ไม่นานพวกเธอก็สนิทกันจนคุยเรื่องพ่อแม่ ราวกับเป็นเพื่อนกันมาหลายปี
เกาหยวนใช้เวลาส่วนใหญ่กับผู้ชายในกลุ่มนักล่า หลังเข้าหมู่บ้าน เขาก็ซ่อนปืน เรียนทักษะยิงธนูกับนักล่าชาวบ้าน เก็บกระสุนไว้และลดความหวาดระแวงของชาวบ้าน ตอนแรก นักล่ารู้สึกว่าเกาหยวนผอมกว่าเขาและคิดว่าไม่มีความสามารถอะไร แต่หลังเกาหยวนแสดงการรับรู้ที่ดีและความสามารถต่อสู้ เขาก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มนักล่า ตอนกลุ่มนักล่าดินดื่ม พวกเขาจะไม่ลืมเรียกเกาหยวน
อู่ฉีคือ’ พระผู้เมตตา’ ต่อเพื่อนบ้าน แทบไม่มีชาวบ้านที่คิดร้ายต่อเขา แต่เพราะเขาชอบเก็บตัว เขาจึงไม่มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกับเพื่อนบ้าน แต่อู่ฉีไม่สนใจ จุดประสงค์หลักของเขาในการมางานเลี้ยงรอบกองไฟคือเพื่อพบกับเจ้าของหมู่บ้าน สวี่ห่าวฉิง