ตอนที่ 49 เจ็ดแท่นบูชา
ตอนที่ 49 เจ็ดแท่นบูชา
เมฆที่ปกคุมท้องฟ้าจนไร้แสงอาทิตย์ พื้นดินสีขาว หิมะที่ตกลงอย่างหนักดั่งพายุ สายลมที่หนาวเย็นพัดผ่านพุ่มไม้ ทันนั้นพุ่มไม้ก็สั่นไหว หิมะบนใบไม้หล่นลงมา
ดอนค่อย ๆ ปืนขึ้นมาจากหลุม ตัวเขาหนาวสั่นเพราะความหนาว
“หนาวมาก...” เขารีบเอาเสื้อฮู้ดขึ้นมาปิดที่ศีรษะและมองไปรอบ ๆ ทุก ๆ ที่มันเต็มไปด้วยหิมะ
หลบอยู่ในหลุมแค่ 3 วันเท่านั้นแต่ที่นี่กลับกลายเป็นดินแดนความหนาวเย็นไปแล้ว
“ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลากลางวันถ้าข้าจำไม่ผิดแต่มันมืดมาก”
เขาเดินไปทิศทางที่ไปสูยอดเขาโบเมาท์
หลังจากเดินมาสักพักก็มาถึงบริเวณตืนเขา แต่ก็ต้องรีบหลบ เพราะด้านหน้าทางขึ้นไปสู่วิหารมีเกสเพนสท์จำนวนมากกำลังฉีกศพมนุษย์กินอย่างเมามัน ด้วยความป่าเถื่อนราวกับปีศาจร้าย
แขนขาเลือดเนื้อกระจัดกระจายไปทั่ว ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินนำกลุ่มนักโทษลงมาจากยอดเขา
“โยนพวกมันให้เกสเพนสท์กิน!” เอลกล่าวออกมาและมองดูกลุ่มนักโทษที่ถูกลุมฆ่าและกินอย่างเย็นชา
นักโทษทุกคนเป็นคนธรรมดาเท่านั้น
ดอนมองดูอยู่ไกล ๆ เขารู้สึกคุ้นหน้าของเอลเป็นอย่างมากว่าเคยเห็นจากไหน แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง “นั้นมันเชร่า เธอไม่อยู่กับพวกลัทธิบูชาปีศาจได้อย่างไร?”
เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากแต่เมื่อมองดูดี ๆ ก็เห็นว่าดวงตาของเธอสูญเสียความมีชีวิตชีวาไป ราวกับว่าบางส่วนของเธอได้ตายลงไป
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน?”
เขามองดูคนธรรมดาที่ร้องขอชีวิต จากเสียงที่ไกล ๆ ก็พอจะจับใจความได้ ดูเหมือนว่ามีคนหนีไป พวกมันจึงใช้วิธีเชือดไก่ใช้ลิงดูโดยการฆ่าคน 100 คนต่อ 1 คนที่หนีไป ทำให้คนอื่น ๆ เป็นหูเป็นตาให้กับพวกมัน
ไม่มีใครอยากให้ตัวเองตายเพราะมีคนอื่นหนีไปหรอก
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะขอร้องขนาดไหนก็ไม่ได้ผล อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ลุกขึ้นสู้พยายามลากเกสเพนสท์ให้ตายไปด้วยพร้อมกัน แต่มันก็มีแต่จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น
เขามองไปที่วิญญาณของคนที่ตายลง ลอยออกมาจากล่างและสลายไปอย่างรวดเร็ว
วิญญาณของคนธรรมดานั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก
การฆ่ายังไม่จบเอลก็รู้สึกเบื่อเขาจึงเดินกลับขึ้นเขาไปพร้อมกลับเชร่าที่ตอนนี้ดูไร้ชีวิตเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นกลุ่มคนธรรมดาที่พยายามสู้อยู่ก็อาศัยจังหวะพยายามวิ่งหนีเกสเพรสท์ด้วยจำนวนคนธรรมดาที่มาก จึงมีหลายคนที่วิ่งหนีออกมาได้
แต่ก็ไม่ไกลพวกเขาวิ่งมาทางที่เขาหลบอยู่ แต่ก็ถูกเกสเพนสท์ลุมฆ่ายตายอย่างโหดร้าย
ศพของคน 10 กว่าคนซึ่งในสิบคนดูจะเป็นคนในครอบครัวเดี่ยวกัน ร่างของพวกเขาถูกลากกลับไป แต่ดอนไม่ได้สนใจร่างแต่เป็นวิญญาณที่ตอนนี้กำลังจะสลายไปทั้งสิบนั้น
ที่เขาสามารถเห็นวิญญาณของสิ่งที่ตายน่าจะมาจากระบบลูกบาศก์วิญญาณที่เป็นตัวเชื่อมเขา
[ตรวจพบวิญญาณที่สามารถแย่งชิงได้ ดำเนินการหรือไม่ ใช้พลังงาน 1000 หน่วย]
[ใช่/ไม่]
หลังจากที่เกสเพนสท์พากลับไปกันที่บันไดทางขึ้นวิหาร เขาก็รีบออกมาจากที่ซอนและยืนมือไปสัมผัสที่วิญญาณพวกนั้นทันที
ดอนรับตอบตกลงทันที “ใช่”
[ดำเนินการเสร็จสิ้น มนุษย์+1]
[ดำเนินการเสร็จสิ้น มนุษย์+1]
[ดำเนินการเสร็จสิ้น มนุษย์+1]
[ดำเนินการเสร็จสิ้น.....................
ถึงแบบนั้นเขาก็ช่วยได้แค่ 8 คนเท่านั้น วิญญาณอีก 2 คนได้สลายหายไปแล้ว
“หวังว่าพลังงานทั้งหมดที่ใช้ไปจะคุ้มค่า” ดอนมองพลังงาน 8000 หน่วยที่เสียไปอย่างเสียดาย
หลังจากนั้นเขาก็รีบออกไปทันที แต่ทันใดนั้นก็มีเกสเเพนสท์ที่ไม่รู้มากจากไหนวิ่งตามเขามาดูเหมือนมันจะเป็นตัวที่หลงฝูงออกมา
“อ้าาาา!!!” มันร้องคำรามออกมาเพื่อเรียกพวกของมัน
“บ้าเอ้ย!” มันเป็นแค่เกสเพนสท์ตาขาวเท่านั้น แต่พวกมันดูจะเเข็งแรงขึ้นมากเพราะอากาศที่หนาวเย็น
“ฟอนดาซิลูอา เมซิรอส(เปลี่ยนผืนดินเป็นหอก เพื่อสังหารศัตรู)”
ตูม
ดอนรีบใช้คาถาหอกดินยิงไปที่มัน หอกทะลุร่างของมันตายทันที แต่เสียงที่ดังของหอกดินและเสียงร้องของเกสเพนสท์ก่อนหน้าก็เป็นเหมือนนกลับสัญญาณเรียกพวกมันมา
ดอนรีบวิ่งหนีออกไปทันที
หลังจากวิ่งมาสักระยะก็สลัดพวกมันหลุดแต่เขาก็รู้สึกเหนื่อย ด้วยพลังกายแค่ 11 หน่วย และสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ดูเหนื่อยกว่าปกติมากนัก
เขาพยายามปรับลมหายใจ
“ข้าต้องกลับไปที่เมืองอัสซาเมีย ก่อนที่กองกำลังทั้งหมดจะถอนตัวกลับไปที่หอคอยเอราธาเมีย”
“แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องมีอาหารและเสื้อผ้าที่หน้ากว่านี้ก่อน” ตอนนี้เขารู้สึกหนาวมาก ถึงแม้จะมีความอึดถึง 14 หน่วยแต่เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่นี้มันเป็นเสื้อหนังมันไม่เพียงพอ
ดอนหยิบเสื้อคุมของผู้ใชพลังฝึกหัดสีเทาออกมาใส่อีกชั้น และมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องใต้ดินของเขา ที่นั้นมีอาหารและของเก็บไว้อยู่บางส่วน
ห้องใต้ดินของเขาอยู่ที่ด้านหลังวิหารมันน่าจะไม่มีใครหาเจอ และพวกเกสเพนสท์และคนของลัทธิบูชาปีศาจก็ไม่น่าจะหาเจอ
เขาเดินอ้อมไปขึ้นที่ด้านหลังของยอดเขา ด้วยความกว้างของยอดเขาโบเมาท์นั้นกว้างมาก มันจึงใช้เวลาไปทั้งช่วงบ่าย ทางที่ขึ้นไปนั้นก็เป็นผาและทางชันพอสมควร
เขาปีนขึ้นไปด้วยความยากลำบากพอสมควร
“แฮก ๆ” ดอนทิ้งตัวลงนอนทันที ๆ ขึ้นมาถึงและแหงนหน้ามองท้องฟ้ามันมีแต่พายุหิมะที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง ความมืดเริ่มปกคุมเรื่อย ๆ
อากาศเริ่มหนาวลงไปอีก มันน่าจะถึง - 1 องศาเลยที่เดี่ยว
เขาพลิกตัวยืนขึ้นและตบหน้าตัวเอง “จะมานอนที่นี่ไม่ได้”
แต่เมื่อมองลงไปจากยอดเขาก็ต้องตกใจเพราะมีพวกเกสเพนสท์กำลังสร้างแท่นบูชาขนาดใหญ่ห่างออกไป 100 กิโลเมตรรอบ ๆ ยอดเขาโบเมาท์
แท่นบูชาทั้ง 7 กำลังถูกสร้างขึ้นจากหินดินทราย มันยังเป็นแค่ฐานเท่านั้นมันมีขนาดที่ใหญ่มาก แค่เขามองดูก็รู้ว่าคงจะใช้เวลาหลายปีในการสร้างพวกมันจนเสร็จ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงมีเกสเพนสท์อยู่ที่วิหารเก่าน้อยนัก
ดอนเดินไปที่ห้องใต้ดิน ด้วยความกังวลถึงสิ่งที่พวกลัทธิบูชาปีศาจกำลังทำอยู่ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนเพราะพวกมันถึงขนาดแบ่งทัพบุกมาทางภูมิภาคใต้
ตอนนี้ดอนยังไม่รู้ว่าดินแดนทางเหนือถูกยึดไปแล้วไม่อย่างนั้นเขาจะต้องกังวลมากกว่านี้แน่
เดินหลบพวกเกสเพนสท์สองสามตัวที่อยู่ในป่าด้านหลังสุสาน จนมาถึงห้องใต้ดินด้านหน้ายังมีเต็นท์ที่พักที่เขาตั้งไว้หรอก ๆ ขาดกระจุยกระจายอยู่
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะค้นหาที่นี่แล้ว” เขาเปิดประตูต้นแล้วก็โล่งใจ
“ดูเหมือนว่าพวกมันยังไม่เจอที่นี่” แต่แล้วเขาก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพราะภายในมันกลับยังอุ่นสบายอยู่ราวกลับมีใครก่อกองไฟ
เมื่อเข้ามาในโถงหลักก็เจอกลับซิเรียที่กำลังนอนกอดผ้าอยู่บนโซฟา
ด้านหน้ามีกองไฟที่กองไว้กำลังจะมอดดับลงแต่มันก็ยังคงพอให้ความอบอุ่นอยู่
ดอนไม่คิดว่าเธอจะยังติดอยู่ที่นี่อีก เขารีบเดินเขาไปดูซิเรียทันที “ซิเรีย...ซิเรีย”
เธอตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อมีคนมาสัมผัสตัวเพราะคิดว่าเป็นพวกเกสเพนสท์ แต่แล้วเมื่อเห็นดอนที่ตอนนี้ยืนอยู่ น้ำตาเธอก็ไหลออกมาทันที
“ท่านดอน...” ซิเรียคิดว่าดอนได้กลับมาช่วยเธอ เธอรีบลุกขึ้นมากอดดอนทันทีราวกลับกลัวว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน
ใจของเธอพังทลายไปเมื่อ 3 วันที่แล้วขณะหนีการไล่ล่าของเกสเพนสท์และมาหลบที่นี่
เธอได้แต่ผวาอยู่ตลอดเวลาเพราะเสียงของพวกมันที่ลื้อทำลายเต็นท์อยู่ด้านบน
บางครั้งก็เสียงคำรามของพวกมันที่ดังมาทางช่องระบายอากาศ เธอกลัว ไม่หลับไม่นอนจนอ่อนเพลียและหลับไป
“เจ้ามาอยู่นี่ได้ไง?” เขาถามออกไปและมองดูสภาพที่อ่อนแอของเธอ
ซิเรียเล่าให้ฟัง ถึงตอนที่ถอนกำลังกลับขึ้นมาบนยอดเขาและพวกอัศวินชั้นสูงที่สั่งให้ทุกคนช่วยกันสู้
แต่พวกนั้นกลับหายไปพอเห็นอีกทีก็เรือเหาะที่ออกบินขึ้นสู้ท้องฟ้า พวกเขาได้แต่มองดูพวกนั้นหนีไปและถูกทิ้งใต้สู้ตายกับเกสเพนสท์
เมื่อฟังแล้วก็พอจะเข้าใจการตัดสินใจของผู้นำกองกำลังได้อยู่บ้าง
“ตอนนี้พวกเราต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”
ดอนกำลังคิดอยู่นั้นเคนก็พูดกลับเขาผ่านลูกบาศก์วิญญาณ “นายท่านจำที่ข้าเคยบอกได้ไหมว่ามีวิญญาณจำนวนมากถูกขังอยู่ใต้วิหารแต่ข้าไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าไปที่นั่นมันอาจจะมีทางออกอื่นก็ได้”
เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่เคนเคยบอกตอนที่สร้างที่สร้างห้องใต้ดินนี้ครั้งแรก บ้างที่มันอาจจะมีทางออกอื่นอีกก็ได้
สักพักดอนก็ตัดสินใจ เพราะเขาไม่มีทางเลือกมากนัก “เราจะไปที่นั้นกัน”
ซิเรียที่มองดอน ที่อยู่ ๆ ก็พูดออกมาแบบสงสัย “เราจะไปที่ไหนหรือคะ”
“เราจะออกไปจากที่นี่ แต่…!” ดอนมองไปที่ซิเรียและถามออกมาอย่างจริงจัง “เจ้าต้องตอบตำถามข้าก่อน!”
“ท่านดอนถามมาเถอะคะ” ซิเรียกล่าว
“เจ้าจะมาเป็นข้ารับใช้ของข้าหรือไม่?” ดอนถามออกมาขณะมองไปที่ซิเรีย
“คะ ชีวิตของข้าถือว่ายกให้ท่าน” ซิเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย ตอนนี้เธอไม่มีที่พึ่งอีกแล้วนอกจากดอน อีกอย่างเธอก็เคยตัดสินใจไปนานแล้วว่าจะติดตามอยู่ข้างกายดอน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ข้ารับใช้ ไม่ใช่ในฐานะที่เธอหวังไว้ก็ตาม
“ดี งั้นเจ้าสองคนก็ทำความรู้จักกันไว้”
ทันใดนั้นซิเรียก็เห็นวิญญาณลอยออกมาจาก กล่องที่อยู่ข้างเอวของดอน
“สวัสดี ข้าคือ ข้ารับใช้ของนายท่านดอน หนึ่งในเจตจำนงทั้งเจ็ด เจตจำนงแห่งความโกรธ เคน”
“ผี” ซิเรียถอนหลังหนีด้วยความกลัว
อยู่ ๆ ก็มีวิญญาณออกมาจากกล่องที่อยู่ข้างเอวของดอน
“เขาคือวิญญาณรับใช้ของข้า เจ้าไม่ต้องกลัว”
ซิเรียพยายามทำใจไม่ให้กลัวจากนั้นก็กล่าวทักทายเคนแบบกล้า ๆ กลัว ๆ “สวัส...ดี”
ซิเรียคิดถึงข่าวลือบางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้นั้นก็คือ หนึ่งคนหนึ่งวิญญาณ ฉายา ‘คนเก็บศพ’ ไม่ใช่ว่านายท่านดอนของเธอเป็นคนเก็บศพใช่ไหม?
เคนพยักหน้าตอบด้วยความสุภาพ จากนั้นก็หันไปหาดอน “นายท่านจะไปเลยหรือไม่?”
“ยังก่อน ข้าต้องเตรียมตัวเราจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมง”
“ขอรับ” เคนลอยเข้าไปในลูกบาศก์วิญญาณ
เขามองไปที่ซิเรียที่ตอนนี้กำลังงกลับการหายตัวไปมาของเคน ดอนสั่งเธอให้ไปเก็บของ
เขาเอาผ้าที่นอนและทุกอย่างใส่ในกระเป๋าอาคม แต่มันก็ยังใส่ได้จำกัดอยู่ดีเนื่องจากในกระเป๋าเขาเต็มไปด้วยเหรียญทองและกองวัตถุดิบ
จากนั้นดอนก็ใส่เกาะอ่อน มีชื่อว่า “เกาะด้วงเหล็ก”ที่ได้มาจากห้องทดลองเก่าพร้อมกับมีดสั้นเงาจันทร์ที่เหน็บไว้ข้างเอว
จากนั้นเขาก็ใส่เสื้ออีกสองตัว ตามด้วยเสื้อหนัง และเสื้อฮู้ด
จากนั้นก็ใช้ลูกบาศก์วิญญาณในการขุดหลุม ซิเรียที่เห็นกล่องใบนั้นมีบางอย่างลอยออกมาและทำการขุดหลุม
เธอก็คิดว่ากล่องใบนั้นจะต้องเป็นอาวุญอาคมที่เธอพวกจอมอาคมใช้กันแน่นอน
เธอหาได้สนใจลูกบาศก์วิญญาณเลยไม่
หลังจากรอประมาณ 20 นาที ลูกบาศก์วิญญาณก็ขุดหลุมลึกถึง 60 เมตร จนไปเจอทางใต้ดินที่เคนเคยบอก เขาโยนคบไฟลงไปเพื่อเป็นแสงนำทางดานล่าง
เมื่อมองดูว่าไม่มีอันตรายอะไรเขาก็เอาเชือกไปผูกกับโซฟา
“ไปกันเถอะ!”
เคยลอยนำลงไปก่อนทันที ดอนค่อยไต่เชือกลงไปในหลุมและตามหลังมาด้วยซิเรีย
……………………………………………..
witterry : ลงนิยายทุกวัน เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เวลา 18.00 น. วันละ 1 ตอน (ถ้าแต่งไปไกลจากที่ลงแล้วจะลงแถมให้) ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านนะครับ