บทที่ 58 การพัฒนาอย่างรวดเร็ว
บทที่ 58 การพัฒนาอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้รับข้อความจากจี้เฟิงแล้ว ถงเล่ยก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เธอเพียงแค่อ่านผ่านๆ แล้วเก็บโน้ตไว้ใต้โต๊ะของเธอ หลังจากนั้นเธอก็อ่านหนังสือต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สิ่งนี้ทำให้จี้เฟิงค่อนข้างแปลกใจพอสมควร เพราะปกติแล้ว เมื่อหญิงสาวได้รับข้อความเช่นนี้ไม่ว่าเธอจะเขินอายหรือรังเกียจอย่างน้อยเธอก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองมาบ้าง แต่ถงเล่ยกลับนิ่งเฉยราวกับว่าข้อความในโน้ตนั้นไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย!
“หรือบางทีที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับฉันนอกจากคำว่าเพื่อนธรรมดาจริงๆ!” จี้เฟิงคิดในใจ “แต่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ชอบเธอ มันคือความจริงที่ฉันจะไม่หลอกตัวเองอีก และฉันก็กล้าพอที่จะทำให้เธอได้รับรู้ ว่าฉันชอบเธอ!”
ถึงเหตุการณ์จะไม่เป็นอย่างที่จี้เฟิงนึกภาพไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกท้อแท้ เขายังคงรู้สึกใจเย็นและสงบนิ่ง
ในตอนนี้จี้เฟิงเข้าใจดีแล้วว่า กว่าที่เขาจะแข็งแกร่งเพียงพอ เขาเกรงกว่าผู้หญิงที่เขาชอบอาจจะตกไปอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่นแล้ว แทนที่เขาจะรอให้เป็นแบบนั้น เขาสามารถที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาชอบ ไปพร้อมๆกับพัฒนาความสามารถและพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง ไปในเวลาเดียวกันได้ มันเรียกได้ว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
ดังนั้นเมื่อเห็นถงเล่ยวางโน้ตที่ได้รับจากเขาไว้ในลิ้นชักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จี้เฟิงก็รู้สึกแปลกใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ทำได้แค่เพียงส่ายหัวและยิ้ม แล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ
ในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยว่า เซียวหยูซวนนั้นมีแฟนจริงๆเหรอ แล้วถ้ามีแฟน แฟนของเธอจะเป็นคนไม่ดีอย่างที่จางเล่ยบอกจริงหรือเปล่า แต่เมื่อตอนคาบวิชาภาษาอังกฤษ จี้เฟิงก็เหมือนได้รับคำยืนยันคำพูดของจางเล่ย ด้วยสีหน้าของอาจารย์เซียวที่ไม่สามารถปกปิดความสุขที่อยู่ภายใต้สีหน้าที่จริงจังของเธอได้!
หัวใจของจี้เฟิงรู้สึกขมขื่นขึ้นมาทันที คนที่เขาเรียกว่าพี่สาวเซียวหยูซวนนั้นมีแฟนแล้วและเธอก็ดูจะรักแฟนของเธอจริงๆ แต่เขากลับกำลังนึกว่าพอจะมีที่ว่างพอที่จะให้เขาเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างเซียวหยูซวนและแฟนของเธอได้หรือไม่?!
ด้วยความสงสัยในเรื่องนี้ จึงทำให้จี้เฟิงไม่มีสมาธิไปกับการเรียนได้สักเท่าไหร่ แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปก่อน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะสงบสติอารมณ์และตั้งใจเรียนได้เลย เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่จิตใต้สำนึกของตัวเองและฝึกฝนมันเสียเดี๋ยวนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่จี้เฟิงได้รับการฝึกฝนจากระบบในตอนกลางวัน เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยและถามว่า “คุณสมอง ถ้าระหว่างที่ผมฝึกแล้วมีคนมารบกวนมันจะส่งผลร้ายอะไรกับผมรึเปล่า?”
สมองหมายเลข 1 ตอบอย่างรวดเร็ว “โปรดมั่นใจได้เลยมาสเตอร์ เมื่อมาสเตอร์เข้าสู่การฝึกฝน สมองจะช่วยเฝ้าดูสถานการณ์ข้างนอกให้ตลอดเวลา แล้วถ้าข้างนอกมีอะไรเกิดขึ้น สมองจะแจ้งให้มาสเตอร์ถอนตัวกลับสู่สภาวะปกติทันที!”
จี้เฟิงโล่งใจและพูดว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มฝึกกันเถอะ!”
“โปรดฝึกการเคลื่อนไหว ของยิมนาสติกท่าที่ 5 ก่อน!” หลังจากที่จี้เฟิงสั่งให้เริ่มการฝึก เสียงของสมองหมายเลข 1 ก็กลายเป็นเสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไร้อารมณ์
จี้เฟิงตั้งท่าทางสำหรับท่าที่ 5 ของยิมนาสติกทันทีตามที่สมองบอก ในวินาทีต่อมา ฉากตรงหน้าเขาก็กลายเป็นห้องว่างเปล่า ที่มีเพียงโต๊ะเล่นบิลเลียดอยู่ตรงกลาง และด้านข้างของโต๊ะบิลเลียดมีชายผิวขาวคนหนึ่งยืนอยู่!
จากนั้นจี้เฟิงก็ได้ยินเสียงของสมองหมายเลข 1 ดังอยู่ในหูของเขา “มาสเตอร์ นี่คือผู้ที่ชนะการแข่งขันบิลเลียดระหว่างดวงดาวของกาแล็กซีแกมมาถึงสามสมัยซ้อนติดต่อกัน สไตล์การเล่นของเขามีความแม่นยำอย่างมาก และการเก็บบอลแต่ละลูกของเขาก็ยุ่งยากและแปลกมากเช่นกัน สมองหวังว่ามาสเตอร์จะสนุกกับการเรียนรู้!”
“เป็นร่างเสมือนของระดับปรมาจารย์อีกคนสินะ!” จี้เฟิงนึกในใจ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก จะมีคนชอบเล่นบิลเลียดสักกี่คน ที่พอได้ฝึกเล่นบิลเลียดครั้งแรกก็ได้คนที่เป็นถึงสุดยอดฝีมือมาฝึกสอนให้ โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ! “คุณจี้เฟิงหากพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลย!” ชายผิวขาวพูดด้วยภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว “ก่อนอื่นผมจะขออธิบายกฎพื้นฐานของการเล่นบิลเลียดกับคุณ...”
จี้เฟิงตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก ถึงเขาจะไม่รู้ว่ารู้ กฎการเล่นบิลเลียดของกาแล็กซีแกมมานั้นเหมือนกันกับของบนโลกหรือไม่ แต่ถ้าเขาต้องต่อสู้กับชายผิวขาวที่เป็นคนของกาแล็กซีแกมมา เขาก็ต้องเข้าใจกฎกติกาของกาแล็กซีแกมมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถเริ่มเล่นได้อย่างไร?
โชคดีที่ไม่ได้มีกฎมากมายจนเกินไป จากการอธิบายของชายผิวขาว สำหรับความจำของจี้เฟิง การจดจำกฎที่ไม่มากและไม่ได้ซับซ้อนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่าย
เมื่อการอธิบายกฎเสร็จสิ้น ชายผิวขาวก็ได้อธิบายต่อถึงวิธีการเล่น ระดับความแรงที่ควรจะใช้ยิงแต่ละลูกรวมถึงเทคนิคต่างๆ ในขณะที่ก็ปล่อยให้จี้เฟิงได้ค่อยๆ ฝึกฝนลงมือปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน
เมื่อเริ่มการฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการ จี้เฟิงค้นพบว่า นอกจากในสองสามเกมแรก เขาเล่นได้อ่อนหัดมาก การเล่นค่อนข้างที่จะติดๆขัดๆ แต่ในตอนนี้เขาดูไม่ต่างจากเซียนบิลเลียดเลย ในทุกๆครั้งที่เขาแทงลูกนั้น มันแม่นยำเหมือนกับจับวาง แถมท่าทางของเขาก็มีความคล่องแคล่วมาก การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ.. เนียนกริ๊บ!
การพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้จี้เฟิงรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้น แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกแปลกใจไม่น้อย นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยเล่นบิลเลียดเลยตั้งแต่โตมา แล้วเพราะอะไรเขาถึงเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้?
เสียงของสมองตอบข้อสงสัยของจี้เฟิงทันที “มาสเตอร์! เป็นเพราะมาสเตอร์ที่ผ่านการฝึกยิมนาสติกทั้ง 4 ท่ามาอย่างเชี่ยวชาญ ความละเอียดของการเคลื่อนไหวต่างๆส่งผลให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นที่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้”
“ซึ่งทักษะอย่างการเล่นบิลเลียดนั้นไม่ได้ต้องการความแข็งแกร่งของร่างกายมากนัก นั่นจึงทำให้มาสเตอร์สามารถเชี่ยวชาญและพัฒนาการเล่นบิลเลียดได้อย่างก้าวกระโดด แน่นอนว่าหากในอนาคตมาสเตอร์ต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะการใช้อาวุธหรือประกอบกลไกต่างๆ ความต้องการความแข็งแกร่งจากร่างกายจะสูงขึ้น ซึ่งมาสเตอร์ไม่ต้องกังวลไป มาสเตอร์จะสามารถฝึกฝนทักษะดังกล่าวได้ หากมาสเตอร์เชี่ยวชาญการเคลื่อนไหวยิมนาสติกท่าที่ 5 ได้อย่างลึกซึ้งมากพอ ถ้าไม่เช่นนั้นมันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก!”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของสมองหมายเลข 1 จี้เฟิงก็ตระหนักได้ทันทีว่า สิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ และมันมีผลอย่างมากในการพัฒนาศักยภาพร่างกายของเขา
จี้เฟิงสามารถทำได้ดีขึ้นในการแข่งขันบิลเลียดกับปรมาจารย์ชายผิวขาว อย่างที่สมองหมายเลข 1 บอกไว้ เมื่อจี้เฟิงเรียนรู้และเข้าใจกฎของการเล่นบิลเลียดแล้วก็เท่ากับเขาได้เรียนรู้ทักษะการเล่นบิลเลียดได้เกือบทั้งหมด หลังจากที่เล่นติดต่อกันถึง 15 เกม จี้เฟิงก็สามารถแข่งกันกับชายผิวขาวได้อย่างทัดเทียมกัน
เมื่อถึงระดับนี้สมองหมายเลข 1 ได้แนะนำให้จี้เฟิงหยุดเล่นกับชายผิวขาวทันที เพราะถ้าจี้เฟิงเล่นกับคนเดิมซ้ำๆ กันอยู่เสมอ ไม่เพียงแต่จะทำให้มีความคิดที่ตายตัวแล้ว แม้แต่การพัฒนาฝีมือก็จะตายตัวไปด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้เล่นบิลเลียดสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการจำกัดเทคนิคการเล่นของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อความคิดและฝีมือถูกจำกัดได้ไม่กี่รูปแบบแล้ว การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในภายหลังจะเป็นเรื่องยากกว่ามาก
ผลลัพธ์ก็คือจี้เฟิงได้ซึมซับเทคนิคและฝีมือที่แตกต่างกันจากปรมาจารย์บิลเลียดที่สมองหมายเลข 1 นำมาให้แข่งขันกับจี้เฟิง แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นผู้มีฝีมือในระดับกลางเมื่อเทียบกับปรมาจารย์ด้านบิลเลียดเหล่านี้
แต่ถึงอย่างนั้นจี้เฟิงก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่เขาได้แข่งขันกับสุดยอดฝีมือด้านบิลเลียดของกาแล็กซีแกมมาทั้งหมด
คุณรู้ไหมว่า ปรมาจารย์ด้านบิลเลียดทั้งหมดนี้ไม่เคยได้รับประสบการณ์การฝึกพิเศษของระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงมาก่อน แต่ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของร่างกายพวกเขานั้นดีกว่ามนุษย์บนโลกมาก และที่สำคัญกว่านั้นสมองของพวกเขายังพัฒนาได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับมนุษย์บนโลกอีกด้วย!
ดังนั้นหากพูดถึงเรื่องฝีมือและเทคนิคการเล่นบิลเลียดบนดาวโลกแล้วนั้น มันจึงไม่มีทางเทียบได้กับปรมาจารย์แห่งกาแล็กซีแกมมาอย่างแน่นอน และตอนนี้จี้เฟิงก็พอใจมากแล้วหากจะถูกเรียกว่าเป็นผู้มีฝีมือด้านบิลเลียดของกาแล็กซีแกมมา
…จบบทที่ 58~❤️