ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 23 : แก๊งพยัคฆ์
บทที่ 23 : แก๊งพยัคฆ์
ซูอานอยู่ในห้องคาราโอเกะเพียงลำพังคนเดียว และเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่อยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยม จึงไม่ต้องการที่จะอยู่ต่อแล้ว
แต่ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแก้วค็อกเทลบนโต๊ะ จึงได้หยิบขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งเข้าไปรวดเดียวจนหมด จากนั้นจึงวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ แล้วเดินออกจากห้องคาราโอเกะไป
เวลานี้ซูอานมีอาการคลื่นไส้เล็กน้อย และเริ่มมึนศรีษะ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าคงจะดื่มเข้าไปมากจนเกินไป
ซูอานได้แต่นึกขัน และนึกถึงว่าเมื่อก่อนตนเคยดื่มเหล้าหยกน้ำค้างตั้งมากมายกลับไม่เคยรู้สึกมึนเมา จึงไม่ทันคิดว่าการดื่มทั้งที่อยู่ในร่างกายที่เป็นมนุษย์จะทำให้มึนเมาได้ง่ายถึงเพียงนี้
ซูอานเดินโซเซออกจากห้องไปตามทางเดิน ผ่านห้องคาราโอเกะที่เรียงรายอยู่ตามทางเดิน บางห้องก็ปิดประตู บางห้องก็เปิดประตู บางห้องก็มีเสียงร้องครวญครางดังออกมาไม่หยุด ทำให้ซูอานมีสติขึ้นมามาก..
“มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนหรือยังไง?”
ซูอานมองเข้าไปในห้องที่มีเสียงร้องครวญครางนั้น และพบสาวสวยคนหนึ่งกำลังนั่งแนบชิดอยู่ข้างชายที่มีรอยสัก และกำลังโยกย้ายร่างไปพร้อมกับเสียงดนตรีอย่างสนุกสนาน
ซูอานได้แต่ยิ้มหยันออกมา เขาไม่นึกแปลกใจกับภาพที่เห็นมากนัก เพราะเริ่มคุ้นเคย..
ซูอานยังคงเดินต่อไปตามทางเดินแคบๆ แต่แล้วจู่ๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาขวางทางไว้ ทั้งหมดล้วนเป็นชายร่างสูงใหญ่กำยำทั้งสิ้น!
ซูอานต้องการที่จะเดินออกไป แต่เมื่อถูกขวางทางไว้เช่นนี้ เขาจึงร้องบอกไปด้วยน้ำเสียงรำคาญใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงสุภาพ..
“กรุณาหลีกทางให้ข้าด้วย!”
ซูอานร้องบอกชายร่างกำยำเหล่านั้นด้วยความสุภาพ แม้เขาจะไม่ใช่ซูอานคนเดิม แต่ก็พยายามที่จะอดทนไม่มีเรื่องมีราวเหมือนเช่นซูอานคนก่อน
แต่สิ่งที่ซูอานได้รับหลังจากที่แสดงความสุภาพออกไปนั้นกับไม่ใช่มิตรภาพ แต่มันคือคำข่มขู่!
“ไอ้เวรเอ๊ย! เชื่อมั๊ยว่าฉันสามารถฆ่าแกได้!”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งจ้องมองซูอานด้วยแววตาดุดัน กล้ามเนื้อบนตัวของเขาสั่นระริกด้วยความโมโห!
มาถึงตอนนี้ ซูอานไม่อาจอดทนเป็นคนดีได้อีกต่อไป เขาจัดการผลักเข้าที่หน้าอกของชายร่างใหญ่นั้นอย่างแรงจนล้มลงไปกับพื้นทันที
เมื่อคนอื่นๆเห็นเช่นนั้น พวกมันต่างก็จ้องมองซูอานด้วยสายตาโกรธขึ้น พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“นี่เจ้าหนู เบื่อชีวิตมากหรือไง? ถึงได้กล้ามาสร้างปัญหาที่นี่!”
“ข้าขอทางกับพวกเจ้าดีๆแล้ว แต่เป็นเพวกเจ้าเองที่หาเรื่องข้าก่อน เช่นนี้แล้วจะกล่าวหาว่าข้าหาเรื่องได้อย่างไรกัน?”
ซูอานตอบกลับไปพร้อมกับผายมือทั้งสองข้างออก ทำท่าทีว่าช่วยไม่ได้..
“เจ้าหนู เห็นแก่ที่ลูกพี่ของพวกเรากำลังมีความสุขอยู่ข้างใน พวกเราจะปล่อยแกไปสักครั้ง แต่อย่าไปสร้างปัญหาอีกก็แล้วกัน!”
ความจริงแล้วชายร่างยักษ์เหล่านั้นเห็นทักษะพิเศษบางอย่างในตัวซูอาน จึงได้เปลี่ยนใจปล่อยซูอานไปต่างหาก..
ซูอานยิ้มแสยะยิ้มเล็กน้อย และเดินผ่านชายร่างใหญ่กลุ่มนั้นออกไปอย่างไม่สนใจ แต่เมื่อเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นกัวเว่ยกับคนอื่นๆอยู่ในห้องอีกห้องเข้าพอดี
นอกจากกัวเว่ยแล้ว คนอื่นๆต่างก็นั่งคุกเข่าอยู่ และใบหน้าล้วนปูดบวม แต่ซูอานกลับจ้องมองราวกับคนไร้ความรู้สึก และได้แต่คิดในใจว่าคนที่ชอบดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นเช่นนี้ สมควรแล้วที่จะถูกซ้อมจนน่วมเช่นนั้น
แต่เมื่อหันไปเห็นเจียงหวินเหวินกำลังถูกชายร่างใหญ่ลวนลามอยู่ คิ้วของเขาก็ถึงกับขมวดเข้าหากันแน่นทันที!
แม้เขาจะไม่ได้เป็นอะไรกับเจียงเหวินเหวิน แต่เธอก็เป็นเพื่อนนักเรียนที่นั่งโต๊ะข้างเขา อีกทั้งยังคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่เสมอ เขาจึงไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้
ซูอานหันหลังกลับมาและต้องการที่จะเดินเข้าไปในห้องนั้น แต่กลับถูกชายร่างใหญ่กลุ่มเดิมขัดขวางไว้
“น้องชาย.. เข้าไปไม่ได้!”
“หลีกไป! ข้างในมีคนที่ข้ารู้จัก!”
ซูอานไม่ต้องการมีเรื่องกับคนพวกนี้ เขาจึงพยายามพูดด้วยอย่างใจเย็น แต่สีหน้านั้นเย็นชายิ่งนัก
สีหน้าของบรรดชายร่างใหญ่เหล่านั้นต่างก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีเช่นกัน พวกเขาได้รับคำสั่งมาให้คอยเฝ้าหน้าประตูไว้ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน และถ้าใครบังอาจเข้ามาหาเรื่อง ก็ให้ถลกหนังของมันได้เลย
“เจ้าหนู ฉันขอเตือนเธอ เธอเองก็มีแค่ชีวิตเดียว ใช้มันให้มีความสุขจะดีกว่า อย่าได้เที่ยวแส่ยุ่งเรื่องของคนอื่น!”
“ถูกต้อง! คนเราล้วนมีชีวิตเดียว พวกเจ้าเองก็มีชีวิตเดียวเช่นกัน!”
คำตอบกลับของซูอานทำให้บรรดาชายร่างใหญ่ ถึงกับโมโหขึ้นมาทันที หนึ่งในนั้นจึงร้องตะโกนออกไปว่า
“ถ้างั้นแกก็เตรียมตัวตายได้เลย!”
ชายร่างใหญ่ต่างเดินเข้าไปล้อมร่างของซูอานไว้ และหนึ่งในนั้นก็ได้ชิงลงมือด้วยการชกหมัดเข้าใส่ร่างของซูอานอย่างสุดกำลัง
แต่ซูอานไหวตัวได้เร็ว จึงรีบคว้าข้อมือของชายคนนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย แล้วจัดการบิดอย่างแรง ในขณะเดียวกันก็ได้รวบรวมพลังชีวิตในจุดตันเถียนมารวมไว้ที่ฝ่ามืออย่างรวดเร็ว พร้อมกับออกแรงบีบให้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ชายร่างใหญ่ผู้นั้นถึงกับหน้าเปลี่ยนสีในทันที เวลานี้เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นกลางหน้าผากของเขาอยู่เต็มไปหมด บ่งบอกว่าชายผู้นี้กำลังรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด!
ซูอานออกแรงกระชากสุดกำลัง จากนั้นร่างใหญ่ของชายผู้นั้นก็ถูกจับกระแทกกับพื้นจนสั่นสะเทือน เวลานี้มันนอนขดจนตัวงอเป็นกุ้ง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย พร้อมกับร้องครวญครางอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด
ชายร่างใหญ่คนอื่นๆที่ได้เห็นเหตุการณ์ ต่างก็พากันยืนนิ่งด้วยความตกใจ ซูอานที่มีรูปร่างบอบบาง แต่กลับแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนต่างก็พากันยืนมองด้วยความอิจฉาไม่น้อย
“ลูกพี่ทำไงดี? เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดาเลย พวกเราเข้าไปพร้อมๆกันดีกว่า!”
เพื่อจัดการกับซูอานให้ได้ เหล่าชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ไม่คิดถึงหน้าของตัวเองอีก ทั้งหมดกรูเข้ากลุ้มรุมทำร้ายซูอานพร้อมกันในคราวเดียว
ซูอานได้แต่นึกขัน รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และได้แต่คิดว่ามดปลวกพวกนี้หรือจะทำอะไรเขาได้!
ซูอานถูกชายฉกรรจ์สามสี่คนล้อมไว้ พร้อมกับตรงเข้าทั้งเตะและต่อยซูอานพร้อมๆกัน มือห้าหกมือ ตีนอีกห้าหกตีน ต่างก็พุ่งเข้าใส่ร่างของซูอานอย่างพร้อมเพรียงกัน สีหน้าของแต่ละคนล้วนบ่งบอกถึงความโหดเหี้ยมดุร้าย
ในเมื่อทั้งหมดตัดสินใจรุมทำร้ายซูอานเพียงคนเดียวเช่นนี้ พวกมันจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวซูอานอีก และคิดว่าครั้งนี้ซูอานต้องถูกกระทืบอานแน่
ซูอานรวบรวมพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ เขาต้องการให้ชายฉกรรจ์ทั้งหมดนี้ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุดบ้าง
กำปั้นของเหล่าชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ได้กระแทกเข้ากับฝ่ามือของซูอาน แต่ทันทีที่หมัดของพวกมันสัมผัสเข้ากับฝ่ามือของซูอานนั้น พวกมันก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติทันที ไม่เพียงหมัดของพวกมันไม่สามารถทำอันตรายอะไรซูอานได้แม้แต่น้อย แต่พวกมันยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันกับกำปั้นของตนเอง
ชายร่างใหญ่ทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปที่กำปั้นของตัวเอง เวลานี้ทุกคนต่างก็รู้สึกราวกับว่าที่มือของตนนั้นกำลังถูกเข็มแหลมหลายเล่มปักอยู่ และเมื่อพลังปราณจากฝ่ามือของซูอานไหลเข้าสู่ฝ่ามือของพวกมัน พวกมันต่างก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าฝ่ามือของตัวเองกำลังถูกกรีดด้วยใบมีดที่แหลมคม
ซูอานปัดฝ่ามือทั้งสองข้างไปมาด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในห้อง..
ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ไม่อาจต้านทานซูอานได้อีก เพราะเวลานี้ฝ่ามือของพวกมันเริ่มบวมเปล่งราวกับลูกโป่ง คล้ายเกิดจากการอักเสบของแผลติดเชื้อ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดอันตรายจนถึงขั้นต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นทิ้งก็เป็นได้
ซูอานเดินเข้าไปภายในห้อง เขาพบว่าภายในห้องนี้ตกแต่งไว้อย่างหรูหราและสวยงามกว่าห้องอื่นๆมาก และดูเหมือนจะเป็นห้องที่พิเศษที่สุดในซิงยู๋ KTV ทีเดียว!
และที่สำคัญวีไอพีนี้ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช้บริการ เพราะเป็นห้องที่ใช้สำหรับเลี้ยงรับรองแขกสำคัญของแก๊งพยัคฆ์เท่านั้น
ทันทีที่ซูอานเดินเข้าไปด้านใน ทุกคนต่างก็จ้องมองด้วยความสนอกสนใจ!
ชายร่างสูงผอมเดินตรงเข้ามาซูอานพร้อมกับจ้องมองด้วยแววตาดุดัน ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แกเป็นใคร? เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง? แล้วไอ้พวกที่เฝ้าอยู่หน้าห้องมันปล่อยให้แกเข้ามาได้ยังไงกัน?”
“ข้าเข้ามาหาคน!”
ซูอานตอบกลับด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งเช่นเคย เขาไม่สนใจที่หันไปมองคนอื่นๆที่นั่งคุกเข่าอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับจ้องมองไปทางร่างของเจียงเหวินเหวินที่ตอนนี้นั่งหันหลังให้เขาอยู่ เธอจึงไม่รู้ว่าซูอานอยู่ในห้องนี้แล้ว
“หาคน? หาพ่อแกหรือยังไง? เจ้าหนู.. ฉันเป็นคนมีความอดทนต่ำมากนะจะบอกให้!”
ชายร่างสูงผอมที่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาซูอานนั้นร้องตะโกนตอบไปด้วยความโมโห พร้อมกับยกขาขวาที่สวมรองเท้าบู้ทเตะเข้าใส่ร่างของซูอานทันที
สายตาของซูอานจับจ้องอยู่ที่ขาขวาของชายสูงผอมที่เตะเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันนั้นซูอานก็ยกขาขวาของตนเองเตะประสานกับขาขวาของชายผู้นั้นเช่นกัน!
ร่างของซูอานยังคงนิ่งราวกับภูผาที่แข็งแกร่ง แต่ร่างของชายสูงผอมนั้นกลับเซถอยหลังไปไกล และเวลานี้ขาขวาของเขาก็มีรูปร่างผิดปกติขึ้นทันที
น่าขัน! แม้ซูอานจะอยู่เพียงแค่ระดับเริ่มต้นขั้นปรับพื้นฐานลมปราณ แต่นั่นก็นับว่าแข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการกับสวะเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นชายร่างสูงผอมผู้นี้ยังอ่อนแอกว่าชายร่างยักษ์ด้านนอกหลายเท่านัก
“นี่แก.. แก.. โอ๊ย!!!”
ชายร่างสูงผอมร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดจากอาการกระดูกขาหัก และเหงื่อเม็ดโตก็เริ่มผุดขึ้นเต็มใบหน้า เขาจ้องมองซูอานด้วยแววตาเคียดแค้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เมื่อรู้ว่าตนเองไม่สามารถรับมือซูอานได้อีกต่อไปแล้ว ชายร่างสูงจึงรีบร้องตะโกนขอความช่วยเหลือผู้ที่อยู่ด้านหลังของเขาทันที
“ลูกพี่! มีคนเข้ามาหาเรื่อง!”