ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 21 : เจียงเหวินเหวิน
บทที่ 21 : เจียงเหวินเหวิน
ผู้คนในร้านต่างก็พากันแตกตื่นเมื่อเห็นพนักงานเสิรฟสาวนำ Lafite ปี 1982 ออกมาเสริฟถึงสองขวด
“ใครกันนะกล้าสั่งไวน์ราคาแพงแบบนี้มาพร้อมกันตั้งสองขวด?”
“นั่นสิ! ขวดละไม่ต่ำกว่าแสนหยวนเชียวนะ!”
“ดูเหมือนจะเป็นคนที่อยู่ตรงโน้น!”
“ไปดูกันดีกว่า ท่าทางจะมีอะไรสนุกให้ดี!”
“นั่นสิ! ถ้าเป็นคนที่จงใจมาหาเรื่องที่ร้าน คงต้องโดนรุมประชาทัณฑ์แน่!”
แขกคนอื่นๆ ต่างก็พากันเดินตามไปดู และเมื่อพบว่าผู้ที่สั่งก็คือซูอาน พวกเขาก็ถึงกับตกใจมากกว่าเดิม และแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นั่นเพราะซูอานแต่งเนื้อแต่งตัวในแบบที่พวกเขาคิดไม่ถึง!
“ดูจากการแต่งตัว แค่ไวน์ฝาเดียวก็ไม่น่าจะมีเงินจ่ายแล้ว!”
แต่ซูอานกลับไม่สนใจผู้คนที่พากันมุงดูเลยแม้แต่น้อย เขายังคงจิบไวน์ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง และพยายามที่จะทำตัวให้คุ้นเคยกับไวน์ชนิดนี้อยู่
ในขณะที่กู่หยุนยิ่งมีสีหน้างุนงงอย่างบอกไม่ถูก เธอต้องการที่จะกลั่นแกล้งซูอานให้อับอาย แต่ซูอานกลับสั่งไวน์ราคาขวดละแสนมาดื่มถึงสองขวด..
แต่เฉิงหลี่กลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เพราะเขามั่นใจว่าซูอานไม่เงินจ่าย และจะต้องถูกคนของร้านซ้อมจนกระอักเลือดแน่ๆ
ผู้จัดการร้านที่นั่งดูอยู่เริ่มรู้สึกอึดอัด จึงลุกขึ้นยืนและเดินไปพูดกับซูอานว่า “นี่เจ้าหนู.. นั่งดื่มมาตั้งนานแล้วนะ จะนั่งดื่มไปจนถึงปีหน้าเลยหรือไง?”
“ข้าดื่มไม่ได้งั้นรึ?”
“ชำระค่าไวน์ที่เปิดมาก่อน แล้วจะดื่มนานเท่าไหร่ก็ตามใจ!”
เฉิงหลี่ร้องตะโกนออกไปอย่างไม่พอใจ “นี่ผู้จัดการ.. ต้องให้เขาจ่ายสองขวดสิ! เขาสั่งมาสองขวด ถึงแม้จะเพิ่งเปิดไปขวดเดียวก็เถอะ!”
ผู้จัดการร้านได้แต่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้าหนู.. ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน! ตราบใดที่ยังไม่จ่ายเงินก็อย่าหวังได้ออกจากร้านเลย!”
“หึ.. คิดว่าข้าอยากอยู่ที่นี่มากงั้นรึ?”
ซูอานตอบกลับด้วยความโมโหพร้อมกับชี้หน้าผู้จัดการร้าน แต่ผู้จัดการร้านยังคงมีท่าทีสงบนิ่งและได้แต่หวังว่าซูอานจะมีเงินจ่ายค่าไวน์ทั้งหมดในคืนนี้
แต่เมื่อเห็นซูอานกระดก Lafite 1982 สีแดงเข้าปากแล้วบ้วนทิ้ง ทั้งผู้จัดการและคนอื่นๆต่างก็ถึงกับตกตะลึง ที่เห็นซูอานกล้าใช้ไวน์ในแก้วซึ่งมีมูลค่ากว่าหมื่นหยวนบ้วนปากแบบนั้น
“เด็กนั่นรนหาที่ตายแล้ว!” ใครบางคนถึงกับร้องตะโกนออกมา
แต่ในระหว่างที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านเดินตรงเข้าไปหาผู้จัดการร้านเพื่อรอรับคำสั่งนั้น ซูอานก็หยิบบัตรเงินสดสีทองของตนออกมวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับสั่งว่า
“ไปจัดการเช็คบิลมาให้เรียบร้อย ข้าบอกแล้วว่ามีเงินจ่าย!”
ทุกคนในร้านต่างก็พากันตกตะลึง แม้กระทั่งเฉิงหลี่และกู่หยุน ทั้งคู่ได้แต่ยืนนิ่งเป็นหิน..
เสี่ยวเอ้อม๋อเดินถือบัตรสีทองกลับมาส่งคืนให้ซูอานด้วยท่าทางที่เคารพนบนอบพร้อมกับยิ้มให้ ส่วนผู้จัดการร้านก็ถึงกับเหงื่อตก
“ข้าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะดื่มต่อได้หรือยัง?”
“ได้.. ได้ครับ!”
“ผมต้องขออภัยที่แสดงกิริยาไม่ดีกับท่านเมื่อครู่ ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ!”
“ไปให้พ้นหน้าข้า!” ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา และคร้านที่จะใส่ใจ
ส่วนกู่หยุนก็ยังคงจ้องหน้าซูอานด้วยความสับสน และไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น..
“ซูอาน! นายไปเอาเงินมาจากไหน?”
“หากข้าบอกว่าโจวไห่หวงให้เข้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่ล่ะ?”
“เชอะ! มีเงินเท่าหนวดกุ้งทำเป็นอวด ไอ้คนกระจอก!”
เฉิงหลี่ร้องตะโกนใส่หน้าซูอานพร้อมกับชูนาฬิกาโรเล็กซ์สีทองในมือขึ้นอวด และดูถูกซูอานต่อ “ค่าไวน์ของแกวันนี้ยังซื้อนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เลย แกมีอะไรจะอวดอีกมั๊ย?”
“หากเจ้ายังยังไม่รีบไปให้พ้นหูพ้นตาข้า ข้าไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรกับเจ้าบ้าง?”
“แกกล้าข่มขู่ฉันเหรอ?”
เฉิงหลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่นี่เป็นถิ่นของเขา หากมีเรื่องขึ้นมาเขาก็สามารถตามพรรคพวกมาช่วยได้อย่างรวดเร็ว
“คนอย่างเจ้าไม่มีค่าคู่ควรให้ข้าต้องข่มขู่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง!”
ซูอานร้องบอกเฉิงหลี่อย่างไม่ใส่ใจนัก และหากเฉิงหลี่ยังไม่เลิกสร้างความรำคาญให้กับเขา เขาก็ไม่รีรอที่จะจัดการกับเฉิงหลี่เช่นกัน
เฉิงหลี่อยากจะตรงเข้าไปทำร้ายซูอาน แต่กู่หยุนห้ามไว้ก่อน อีกทั้งหากมีเรื่องในร้านซิงยู่ KTV จริง ก็จะไม่เป็นการดีต่อพวกตนทั้งคู่ด้วย
“เจ้าหนู! แกซุกหัวอยู่แต่ในนี้ล่ะ โผล่หัวออกไปเมื่อไหร่แกเจอดีแน่!”
เฉิงหลี่ชี้หน้าซูอานพร้อมกับร้องตะโกนบอกก่อนจะผลุนผันออกจากร้านไปโดยมีกู่หยุนวิ่งตามออกไป และเขาจะไม่มีทางปล่อยซูอานไปแน่!
ซูอานหันกลับไปดื่มไวน์ต่อราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนเขาคงจะไม่สามารถดื่มคนเดียวได้อย่างสงบอีกแล้ว เพราะคนที่สามารถเปิดไวน์ราคาแพงหูฉี่ได้ถึงสองขวดพร้อมกัน จะมีใครบ้างไม่ให้ความสนใจ
“พ่อหนุ่มน้อย.. อยากให้ฉันดื่มเป็นเพื่อนมั๊ยล่ะ?” สาวใหญ่แต่งตัวเซ็กซี่โน้มตัวลงมาถามซูอาน
ซูอานเห็นแล้วก็เริ่มรู้สึกปวดหัว เขารีบโบกมือไล่พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า “ออกไปให้พ้น อย่าได้มารบกวนข้า!”
จากนั้นจึงหันไปถามพนักงานสาวเสริฟคนสวยว่า “เจ้าชื่อเสี่ยวเอ้อม๋อใช่หรือไม่?”
“ใช่ค่ะ!”
“เจ้าคงมาทำงานที่นี่เพื่อหารายได้พิเศษสินะ? ถ้าเช่นนั้นมานั่งดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อย!”
“แต่.. ฉันยังทำงานอยู่เลยนะคะ!”
“นั่งดื่มกับข้าก็คือการทำงานไม่ใช่รึ? เดี๋ยวข้าจะให้ทิปพิเศษกับเจ้าด้วย!”
ซูอานร้องบอกพร้อมกับควักธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเงินส่งให้เสี่ยวเอ้อม๋อ..
ซูอานไม่ถนัดดื่มไวน์แดงนัก เขาจึงรินให้เสี่ยวเอ้อม๋อดื่มเสียมากกว่า เด็กสาวผู้นี้หน้าตาสะสวยไม่เบาทีเดียว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ซูอานจิตใจหวั่นไหวได้
เขามีอายุนับล้านปี ใช่ว่าไม่เคยพบเห็นสาวงามมาก่อน อีกทั้งเขาไม่ต้องการที่จะมีสัมพันธ์ฉันท์ชายหญิงกับผู้ใดบนโลกนี้!
“ขอโทษนะคะ ฉันขอรับโทรศัพท์หน่อย!”
เสี่ยวเอ้อม๋อกดรับสาย “อาเฉียง.. ฉันกำลังดูแลแขกอยู่!”
“ดูแลแขกแบบไหน? มันสำคัญกว่าฉันรึยังไง?”
“แขกคนนี้สำคัญมาก เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ!”
เสี่ยวเอ้อม๋อรีบกดตัดสายทันที และหันมาดื่มไวน์กับซูอานต่อ
“มีเรื่องงั้นรึ?!”
เสี่ยวเอ้อม๋อลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า..
“คงจะเป็นเพื่อนชายของเจ้าสินะ?”
“อืมม.. พวกเราเพิ่งจะเดทกันได้ไม่นาน”
“ไปได้แล้วล่ะ ข้าต้องการดื่มเงียบๆคนเดียว”
เสี่ยวเอ้อม๋อมองซูอานด้วยสายตาขอบคุณ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเดินจากไป
ซูอานค่อยๆเอนกายพิงโซฟา พร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวรอบๆตัว แล้วจึงเผยอยิ้มออกมา
“ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเส้นทางชีวิตของตนเองที่ต้องเดินไป แม้ข้าจะยังใหม่กับโลกใบนี้มาก แต่ก็รู้สึกว่าไม่เลวนัก..”
กลุ่มหญิงสาวที่ถูกซูอานไล่ตะเพิดออกไปนั้น ได้แต่จ้องมองเขาอยู่ห่างๆพร้อมกับซุบซิบนินทา
“คนอะไรแปลกชะมัด!”
“นั่นสิ! สงสัยจะเป็นพวกเศรษฐีใหม่!”
...
หลังจากเรียนรู้แล้วว่าร้านคาราโอเกะเป็นสถานที่เช่นใด ก็ไม่มีสิ่งใดให้ซูอานสนใจอีก เขาจึงลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะกลับ
ระหว่างทางที่เดินออกไปนั้น สายตาของหนุ่มสาวหลายคู่ต่างก็จับจ้องมาที่ตนซึ่งมีทั้งอิจฉา และไม่พอใจ แต่ซูอานไม่ใส่ใจ..
“ท่านครับ แล้วไวน์ที่เหลือล่ะครับ?” พนักงานเสริฟชายเอ่ยถามขึ้นทันที
“เก็บไว้ให้ข้า แล้วข้าจะมาดื่มวันหลัง!”
“ครับผม!”
ซูอานเดินมาถึงหน้าประตูด้านนอก และพบว่าเวลานี้ค่ำมืดดึกดื่นจนดาวเต็มท้องฟ้าแล้ว แต่กลับรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ
ส่วนกู่หยุนกับเฉิงหลี่ก็ไม่ได้อยู่ด้านนอกร้านแล้วเช่นกัน..
แล้วจู่ๆ ใครบางคนก็เดินมาตบไหล่เขา ซูอานหันกลับไปมองพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน และได้แต่คิดในใจว่าโลกนี้ช่างกลมจริงๆ เพราะเขาพบกับคนที่น่ารำคาญอีกหนึ่งคนเข้าแล้ว
“นี่.. ทำไมเห็นหน้าฉันต้องทำหน้านิ่งคิ้วขมวดด้วย?”
“ข้ารู้สึกเหนื่อย”
“คิดไม่ถึงว่าจะพบนายที่นี่ ไหนๆก็มาแล้ว เข้าไปด้วยกันสิ!”
เจียงเหวินเหวินคิดว่าซูอานเพิ่งจะมาถึงที่ร้าน แต่ไม่กล้าเข้าไปก็เลยพูดออกไปเช่นนั้น
“ไม่ล่ะ.. ข้าเพิ่งจะกลับออกมา!”
“นี่อย่ามาโกหก!”
เจียงเหวินเหวินลากแขนซูอานเข้าไปข้างในโดยไม่สนใจคำพูดของเขา
ซูอานถูกลากไปจนถึงข้างใน จึงได้แต่ร้องบอกเจียงเหวินเหวินว่า “นี่.. ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยมือข้า เจ้าจะต้องเสียใจ!”
เจียงเหวินเหวินได้ฟังคำขู่ของซูอานก็รีบปล่อยมือของเขาทันที แต่ครั้งนี้ไม่มีใครสนใจซูอานนัก เพราะทุกคนต่างก็กำลังดื่มด่ำอยู่ในโลกของตัวเอง
เจียงเหวินเหวินนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับซูอาน “นายจะดื่มอะไรดี?”
“ข้าเพิ่งจะดื่มไป ไม่ต้องการดื่มอะไรอีกแล้ว!”
เจียงเหวินหันไปสั่งพนักงานเสริฟชาย “เอา Lady in Pink สองแก้ว!”
หลังจากที่พนักงานเสริฟนำเครื่องดื่มมาให้ ซูอานจึงได้ลองจิบดู และพบว่ารสชาดของมันนั้นไม่เลวทีเดียว
“อืมม.. สิ่งนี้ดีกว่าไวน์แดงนัก!”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นไวน์แดงยี่ห้อไหน?”
เจียงเหวินเหวินขยิบตาให้ซูอานพร้อมกับยิ้มออกมา สีหน้าของเธอบ่งบอกว่ามีความสุขมากที่ได้มานั่งดื่มกับซูอานแบบนี้
“ที่นี่ราคาแพงมาก แต่พ่อของเจ้ารวยมากนี่ คงจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ?”
แต่เจียงเหวินเหวินกลับเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะตอบไปว่า “ปกติฉันไม่มาเที่ยวที่นี่แน่ถ้าไม่มีคนเลี้ยง! ฉันว่ามันแพงเกินไป!”
“งั้นรึ?”
“ตอนนี้ก็น่าจะจอดรถเสร็จแล้วนี่ แต่ทำไมยังไม่เข้ามาอีกนะ?”
เจียงเหวินเหวินกำลังกลัวว่าคนที่จะเลี้ยงเธอจะไม่มา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงจะต้องจ่ายเงินเองแน่ และเธอเองก็มีเงินในกระเป๋าไม่พอด้วย
ซูอานเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของเจียงเหวินเหวินก็พอจะเดาออกว่าเธอกำลังกังวลใจเรื่องอะไร? จึงได้แต่นึกขันและนึกสนุก แล้วปล่อยให้เจียงเหวินเหวินนั่งร้อนอกร้อนใจไป ส่วนเขาก็เอนกายพิงโซฟาด้วยความสบายใจ
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ กลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา เจียงเหวินเหวินร้องตะโกนทักทายด้วยความรู้สึกโล่งอก
“ฉันนึกว่าจะไม่มากันแล้ว รอตั้งนานแน่ะ!”
“พอดีเกิดเรื่องระหว่างจอดรถเข้าน่ะสิ! มีพวกไม่ดูตาม้าตาเรือเข้ามาหาเรื่อง แต่ฉันจัดการจนน่วมไปแล้ว!”
“ใครกันนะดวงซวยมาเจอพี่เฉียง?” เจียงเหวินเหวินพูดขึ้นด้วยความรู้สึกสงสารคนผู้นั้น
อาเฉียงคนนี้ก็คือหนึ่งในสี่คุณชายผู้ร่ำรวยของเมืองนี้ และเป็นคนเด่นคนดังไม่แพ้โจวเทียนห่าว!
พ่อของอาเฉียงมีธุรกิจโรงแรมห้าดาวอยู่มากมายหลายแห่ง ครอบครัวของเขาจึงนับว่าร่ำรวยมากทีเดียว
“เอาล่ะๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่เว่ย มันคงจะโดนหนักกว่านี้แน่!”
ข้างจางเฉียงเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอายุราวยี่สิบปีคนหนึ่งยืนอยู่ แววตาของเขานั้นบ่งบอกว่าเป็นคนที่หยิ่งจองหองไม่น้อยทีเดียว
กัวเว่ยเป็นลูกชายของท่านเทศมนตรีประจำซิงเฉิง และพ่อของจางเฉียงก็ต้องอาศัยพ่อของกัวเว่ยในการขยับขยายธุรกิจของตัวเอง จึงเลี้ยงดูปูเสื่อกัวเว่ยเป็นอย่างดีเสมอมา
“ฉันได้ยินมาว่าโจวเทียนห่าวไปต่างประเทศแล้ว ส่วนไห่เทียนกรุ๊ปก็ถูกตรวจสอบภาษีอย่างหนัก..”
“นี่.. วันนี้ฉันพาลูกพี่เว่ยมาเลี้ยง บรรยากาศกำลังดีๆ พูดเรื่องอื่นที่มีความสุขดีกว่า!”
ในเวลานั้นเอง ผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “สวัสดีครับคุณเว่ย จะให้เตรียมห้องเดิมให้เลยมั๊ยครับ!”
“เหมือนเดิมเลยผู้จัดการ!”