ตอนที่ 1-1 หักหลัง
ตอนที่ 1-1 หักหลัง
“เจ้ากำลังจะตายอยู่แล้ว เหตุใดจึงทำเฉยเมยนัก?”
ชางอู๋ซินกำลังจ้องมองไปยังชายผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งกล่าวประโยคนั้นออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
แม้ว่าชางอู๋ซินจะถูกหักหลัง แต่ก็ยังมิเผยสีหน้าเป็นทุกข์ มิมีผู้ใดทราบว่ามือทั้งสองข้างของนางเริ่มซีดเผือด
ชายหนุ่มรูปงามที่มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั่งอยู่ตรงข้ามกับชางอู๋ซิน เผยความโศกเศร้าชั่วขณะฉายอยู่ในดวงตาของเขา
แต่มิสามารถเอาชนะความปรารถนาอันแรงกล้าได้
อู๋ซิงเฟยหลอกชางอู๋ซินมาหลายปีแล้ว เมื่อฆ่าหญิงผู้นี้สำเร็จเขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
นับจากนี้เป็นต้นไป เขาจะสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง และกลายเป็นผู้นำคนใหม่ซึ่งจะได้ปกครอง และดูแลเเคว้นนี้ทั้งหมด
“ชางอู๋ซิน เจ้าคือปีศาจ!”
อู๋ซิงเฟยมองหญิงที่เขาวางยาพิษด้วยความขุ่นเคือง และหัวเราะขณะที่เขากล่าวว่า
“เจ้าทราบหรือไม่? เป็นเพราะเจ้าฆ่าบิดามารดาของตนเอง การอยู่เคียงข้างเจ้าจึงเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงยิ่งนัก ข้ามิเคยรักเจ้าเลย!”
ชางอู๋ซินนั่งอยู่บนโซฟาสีแดงสด และกำลังมองไปยังชายผู้ที่นางหลงรัก ช่างน่าเศร้าใจเสียจริง
ชายผู้ที่อยู่ตรงหน้าชางอู๋ซินในขณะนี้คือ อู๋ซิงเฟย และเขาหวังจะฆ่านางด้วยยาพิษ
เขาคือคนรักของนาง แต่นางต้องเก็บสิ่งนี้เอาไว้เป็นความลับ เหตุใดต้องเป็นความลับหรือ?
เพราะนางสร้างศัตรูมากเกินไป จึงกลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายเขา
นั่นเป็นเหตุผลที่ชางอู๋ซินตั้งใจหลอกผู้อื่น เพื่อปกป้องอู๋ซิงเฟย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชางอู๋ซินหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงกังวาลที่สามารถทำให้ผู้คนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
นางหัวเราะก่อนที่จะค่อย ๆ จ้องกลับไปยังชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ชางอู๋ซินลุกขึ้นยืน และเดินไปตรงหน้าของเขา อู๋ซิงเฟยรู้สึกเกรงกลัว แต่เมื่อนึกถึงพิษรุนแรงที่อยู่ในตัวนางแล้ว มันคงเป็นไปมิได้ที่นางจะมีเรี่ยวแรงมาฆ่าเขา
ชางอู๋ซินลูบไล้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นของอู๋ซิงเฟยอย่างอ่อนโยน
นางต้องยอมรับว่า ตกหลุมรักเขาด้วยรูปลักษณ์ภายนอก หรือแม้กระทั่งนิสัยจอมปลอมของเขา
นั่นคือเหตุผลที่ชางอู๋ซินเพิกเฉยต่อตัวตนที่แท้จริงของอู๋ซิงเฟย เพียงเพื่อให้เขาอยู่เคียงข้างนาง
“เจ้าสามารถปกปิดตัวตนอยู่เคียงข้างข้ามาหลายปี และเกือบทำให้ข้าเชื่อว่าเจ้ารักข้าอย่างจริงใจ!”
ชางอู๋ซินหัวเราะเยาะขณะที่นางลูบไล้จากดวงตาของชายผู้นั้นลงไปที่สันจมูกของเขา
ชายผู้นี้มิใช่รักแรกพบของชางอู๋ซิน นางเริ่มหลงรักเขาเมื่อมินานมานี้
ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่อายุสิบเจ็ด จนตอนนี้ก็สิบปีแล้ว
ในตอนแรกชางอู๋ซินมิยอมรับเขา และระมัดระวังตัวมาก
แต่หลังจากนางไว้ใจเขาแล้ว ชางอู๋ซิน ก็มิได้พกอาวุธไว้ข้างตัว และมิเคยตรวจสอบอาหารการกินอีกต่อไป ในตอนที่ทานอาหารด้วยกัน
แต่เพราะความไว้วางใจนี้ ทำให้นางต้องพบกับหายนะครั้งใหญ่นี้
“การปลิดชีพเจ้าช่างยากเย็นนัก” อู๋ซิงเฟยกำลังมองไปยังหญิงที่แม้จะอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว แต่กลับมีใบหน้าอันงดงาม และไร้ที่ติ
ปฏิเสธมิได้ว่าเขาก็ชอบนางเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกัน มิควรมีความรักเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
ชางอู๋ซินดูเหมือนจะมิเสียใจเลยแม้แต่น้อย แม้จะมีพิษร้ายอยู่ในตัว นางก็ยังมีสีหน้าเรียบเฉย
นิ้วของชางอู๋ซินเลื่อนจากสันจมูกมาถึงริมฝีปากบางของเขา จากนั้นนางได้จูบเขาแบบเดียวกับที่เคยทำมาตลอด
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือการขาดการตอบสนองตอบจากอู๋ซิงเฟย
ชางอู๋ซินถอนหายใจขณะที่จ้องมองชายผู้นั้น พวกเขาคบหากันมาหลายปีแล้ว แต่ทำเพียงแค่จูบและกอดเท่านั้น พวกเขามิเคยก้าวไปไกลกว่านี้เลย
“ชางอู๋ซินเจ้าทราบหรือไม่? จูบของเจ้าทำให้ข้าขยะแขยงมาก!”
อู๋ซิงเฟยมองไปยังหญิงผู้ซึ่งอยู่ตรงหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นว่า
เขาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพเรียบร้อยต่อชางอู๋ซินมาโดยตลอด แต่บัดนี้ได้เปิดเผยถึงตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
“หญิงที่ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนในตอนยังเด็ก เจ้าคิดว่าข้าจะชอบจูบหญิงเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?”
เมื่ออู๋ซิงเฟยเห็นใบหน้าที่เรียบเฉยของชางอู๋ซิน ทำให้เขายิ่งรู้สึกเกลียดชัง
พวกเขามาถึงจุดนี้แล้ว แต่นางกลับมิรู้สึกโศกเศร้าหรือมีความเกรงกลัวอันใด เขาจึงกล่าวต่อไปว่า
“ผู้หญิงเช่นเจ้าช่างต่ำช้านัก! ผู้ชายทุกคนต่างก็ทราบดีว่า เจ้ามีคนรักมากมาย และเจ้าเป็นแค่นังโสเภณีเท่านั้น!”
ความเศร้าโศกส่องประกายแวววาวลึกล้ำในดวงตาของชางอู๋ซิน แต่น่าเสียดายที่อู๋ซิงเฟยมิได้สังเกตเห็นมัน
มิฉะนั้นเขาจะมิกล่าวถึงความทรงจำที่น่ารังเกียจที่สุดของชางอู๋ซิน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นฝันร้ายของนาง