ตอนที่แล้วย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 19 : ซิงยู๋ KTV
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 21 : เจียงเหวินเหวิน

ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 20 : แฟนเก่า


บทที่ 20 : แฟนเก่า

รูปร่างคุ้นตาที่ปรากฏขึ้นในเวลานี้ แท้จริงก็คือแฟนเก่าของซูอานนั่นเอง แต่จะพูดให้ถูกต้องก็ต้องพูดว่าเป็นแฟนเก่าของซูอานคนเก่าที่ชื่อว่ากู่หยุนนั่นเอง!

ซูอานเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เห็นชัดว่าเธอยังเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่อายุยังน้อย..

เมื่อเห็นสายตาของซูอาน เด็กสาวก็ถึงกับจ้องมองด้วยความงุนงงพร้อมกับร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“นี่.. นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

ความหมายในคำพูดของกู่หยุนก็คือ.. ซูอานมาเที่ยวในสถานบันเทิงสำหรับชนชั้นสูงอย่างซิงยู๋ KTV ได้อย่างไรต่างหาก? ความคิดคาดเดามากมายผุดขึ้นมาในหัวของเธอเวลานี้..

กู่หยุนเป็นหญิงสาวร่างสูง และมีเรือนร่างที่เซ็กซี่ นับว่าเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว

ครั้งหนึ่งซูอานเคยช่วยชีวิตของเธอไว้ กู่หยุนจึงได้ตกหลุมรักซูอาน และทั้งคู่จึงตัดสินใจคบกัน!

แต่เพราะซูอานไม่ได้ร่ำรวย และรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไรนัก ทั้งคู่จึงเลิกกันในที่สุด แล้วกู่หยุนก็ไปคบกับชายหนุ่มคนใหม่ที่ขับรถ Mercedes-Benz แทน

ในความทรงจำของซูอานนั้น..

ในคืนวันฝนตกหนักคืนหนึ่ง เขาหอบดอกกุหลาบช่อโตเพื่อนำไปมอบให้คนรัก แต่สิ่งที่พบคือสีหน้าดูถูกเหยียดหยามของชายหนุ่มผู้หนึ่งพร้อมกับคำพูดเจ็บปวดของเขา

“อ่อ.. นี่นายคือซูอานงั้นเหรอ?”

“ฉันเป็นแฟนใหม่ของกู่หยุน จากนี้ไปแกห้ามเข้าใกล้เธออีก!”

...

สีหน้าของซูอานนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ อย่าว่าแต่แฟนเก่าเลย ต่อให้เป็นแฟนปัจจุบันของซูอาน เขาก็ไม่สนใจแม้แต่จะเหลียวมองด้วยซ้ำ!

เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยคล้ายดูถูกเหยียดหยามของซูอาน กู่หยุนก็ยิ่งหงุดหงิดโมโหมากขึ้น จึงร้องตะโกนถามซูอานเสียงดังด้วยความไม่พอใจ

“นี่.. ฉันถามว่านายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

แต่หากเปรียบเทียบกับเสียงที่นักดนตรีกำลังเล่นเพลงร็อคเสียงดังอยู่ในขณะนี้ เสียงตะโกนของกู่หยุนก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย แม้แต่คนอื่นๆที่อยู่รอบๆยังไม่ได้ยิน และไม่สนใจที่จะหันมามอง

“เจ้ามาที่นี่ได้ แล้วข้ามาที่นี่ไม่ได้งั้นรึ?”

ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดรำคาญ ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ

“นายไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบไหน? ทุกคนที่เข้ามาอย่างน้อยๆก็ต้องจ่ายหนึ่งหมื่นหยวน!”

“หุบปาก!”

ซูอานตะโกนใส่หน้ากู่หยุนโดยไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกเสียหน้าหรือไม่? หญิงสาวที่เห็นเงินแล้วก็ตาโตเช่นกู่หยุนนั้น ไม่มีค่าใดๆในสายตาเขา และยิ่งไม่มีอิทธิพลต่อจิตใจที่หนักแน่นของเขาด้วย

“นี่.. ฉันเตือนนายดีๆนะ ทำไมต้องพูดจากับฉันแบบนี้ด้วย!”

“ข้าขอให้เจ้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของข้าตั้งแต่เมื่อใดงั้นรึ?”

ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้ากู่หยุน อีกทั้งสีหน้าของเขาเวลานี้ก็เปลี่ยนเป็นดูถูกเหยียดหยาม

และนั่นทำให้กู่หยุนถึงกับทนไม่ได้อีกต่อไป เวลานี้ใบหน้าที่เคยภูมิอกภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตนเอง ได้เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดและโมโหอย่างชัดเจน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้่อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว และที่ข้อมือสวมนาฬิกาโรเล็กซ์สีทองราคาแพง ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

เมื่อเห็นกู่หยุน ชายหนุ่มผู้นั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มพร้อมกับเดินตรงเข้ามากอด และระดมจูบเธออย่างดูดดื่มต่อหน้าซูอาน

“หยุนหยุน เพิ่งจะแยกกันเดี๋ยวเดียว ผมก็คิดถึงคุณแทบแย่แล้ว!”

แต่ใบหน้าของกู่หยุนกลับบึ้งตึงเพราะคำพูดของซูอาน ทำให้ชายหนุ่มที่มาใหม่ถึงกับขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับถามออกไปว่า

“หยุนหยุน นี่คุณโมโหอะไรเหรอ?”

“ฉันโมโหที่ดันมาเจอคนที่ไม่ควรเจอน่ะสิ!”

กู่หยุนร้องบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับปรายตาขุ่นเคืองนั้นไปทางซูอาน

ชายหนุ่มรีบมองตามสายตาของกู่หยุนไปทันที และเขาก็ไม่อาจถอนสายตากลับมาได้ เพราะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาซูอานอย่างมาก..

“หมอนี่ทำให้คุณโมโหเหรอ?”

กู่หยุนพยักหน้า และได้แต่คิดแผนแก้แค้นซูอานไว้ในใจเงียบๆ

“คุณยังจำเรื่องที่มีคนเคยช่วยชีวิตฉันไว้ได้มั๊ยคะ? แล้วตอนนั้นฉันก็ต้องแกล้งทำเป็นซาบซึ้งใจแล้วก็ดีกับเขาอยู่พักหนึ่ง..”

“จำได้สิ! ผมยังจำได้ว่าหมอนั่นดูเหมือนจะยากจนด้วย อย่าบอกนะว่าเด็กนั่นก็คือไอ้หมอนี่!”

จากนั้น ชายหนุ่มก็หันไปทางซูอานพร้อมกับยิ้มเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า

“โลกกลมชะมัด! คิดไม่ถึงว่าจะมาพบเจอแกที่นี่!”

“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ห้ามไม่ให้แกเข้าใกล้หยุนหยุนอีก เห็นทีฉันคงต้องสั่งสอนแกซะหน่อยแล้ว แกจะได้รู้จักหลาบจำ!”

ซูอานยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม และกำลังดื่มด่ำอยู่ในโลกส่วนตัว..

เมื่อเห็นซูอานทำท่าทาเฉยเมยไม่สนใจคำพูดของตนเองเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ถึงกับฉุนเฉียว และต้องการที่จะพุ่งเข้าไปชกต่อยซูอาน แต่กลับถูกกู่หยุนห้ามไว้

“พี่หลี่คะ.. อย่าไปเสียเวลาหาเรื่องคนพรรณนี้เลย จะทำให้พี่แปดเปื้อนซะเปล่าๆ!”

จากนั้นกู่หยุนก็กระซิบข้างหูชายหนุ่มสองสามคำ เขาได้ยินก็ถึงกับฉีกยิ้มออกมาทันที

“หึ! เจ้าหนู แกคิดผิดแล้วที่มีเรื่องกับฉัน ซิงยู๋ KTV ไม่ใช่ไนท์คลับกระจอกๆข้างถนน..”

“นี่เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้งั้นรึ?”

“ในเมื่อรู้ก็ดี.. แกก็จะได้เจียมเนื้อเจียมตัว!” ชายหนุ่มนิ่งไปประเดี๋ยวแล้วจึงพูดต่อว่า

“เอาล่ะ.. ถ้าแกยอมโขกหัวแล้วเรียกฉันวาผู้มีพระคุณ ฉันเฉิงหลี่จะเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ให้กับนายเอง!”

เฉิงหลี่จงใจที่จะทำให้ซูอานขายหน้า และยอมโขกหัวซาบซึ้งในบุญคุณที่เขาจ่ายค่าอาหารให้

แต่ซูอานกลับหันไปมองเฉิงหลี่ด้วยสีหน้ารำคาญ เขาเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว และตอบชายหนุ่มกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ได้.. ข้าจะยอมให้เจ้าจ่ายเงินค่าอาหารให้ก็ต่อเมื่อเจ้ากล้าถ่ายรูปตัวเองตอนฉี่ราด!”

เมื่อสายตาของเฉิงหลี่ผสานเข้ากับแววตาเย็นชาของซูอานเข้า เขาก็ถึงกับผงะและถอยหลังทันที และรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็ไม่กล้าสบตาซูอานอีกเลย

ถึงแม้จะรู้สึกหวาดกลัวในรัศมีที่น่าเกรงขามของซูอาน แต่ความโกรธในใจนั้นกลับมีมากกว่าความกลัว จึงร้องตะโกนออกมาเสียงดัง

“หึ.. หยิ่งจองหองให้ตลอดเถอะ! แกรู้มั๊ยว่าไวน์ที่แกดื่มอยู่น่ะราคาเท่าไหร่? แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน?”

“รปภ.. มาที่นี่เร็วเข้า!”

เฉิงหลี่ร้องตะโกนเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยเสียงดัง จนผู้คนภายในร้านต่างก็หันมามองด้วยความสนอกสนใจ จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้านในทันที

ผู้จัดการร้านที่เพิ่งแต๊ะอั๋งพนักงานเสริฟสาวไปเมื่อครู่รีบเดินเข้าไปถามทันที “มีอะไรกันเหรอครับ? ร้องตะโกนเสียงดังอะไรกันครับ?”

ร้านคาราโอเกะแห่งนี้อยู่ในการดูแลของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ชื่อว่าแก๊งพยัคฆ์ และผู้จัดการร้านก็คือคนของแก๊งพยัคฆ์ หากใครกล้าเข้ามาหาเรื่องในร้านแห่งนี้คงไม่เป็นผลดีแน่..

“ผู้จัดการ.. ไหนบอกร้านนี้เป็นร้านของคนชั้นสูงเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมคนจนๆอย่างเข้ายังเข้ามาในร้านได้อีก?”

เฉิงหลี่ร้องตะโกนบอกผู้จัดการพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางซูอานด้วยสีหน้าไม่พอใจ..

ผู้จัดการร้านมองไปทางซูอานด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เพราะการแต่งตัวของซูอานนั้นยากนักที่ใครพบเห็นแล้วจะเชื่อว่าเขามีเงิน..

“เขาเข้ามาในร้านได้ยังไงกัน?”

เฉิงหลี่ยืนมองซูอานด้วยสีหน้าและแววตาของผู้ชนะ

“หึ.. ดูสิว่านายจะทำยังไง?”

กู่หยุนพึมพำออกมาหลังจากที่คิดว่าแก้แค้นซูอานได้สำเร็จ สีหน้าของเธอยิ้มแย้ม และกำลังรอดูซูอานที่จะต้องได้รับความอับอาย

“เหตุใดข้าจึงจะเข้ามาที่ร้านนี้ไม่ได้?”

ซูอานยังคงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พร้อมกับเขย่าแก้วไวน์ในมือเบาๆอย่างไม่รีบร้อน

“ก็ที่ร้านนี้ห้ามคนไม่มีเงินเข้าน่ะสิ!”

ผู้จัดการร้านพยายามระงับความโกรธ เขาจ้องมองซูอานแน่นิ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้ลูกค้าชำระค่าไวน์ด้วยนะครับ!”

“ข้ายังต้องการดื่มไวน์ต่อ เหตุใดต้องรีบชำระเงินด้วยเล่า?”

“ได้.. ฉันจะรอดูว่าแกจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย!”

จากนั้นทั้งเฉิงหลี่และผู้จัดการร้านต่างก็นั่งลงใกล้ๆโต๊ะของซูอาน และเฝ้าดูเขาอยู่ตลอดเวลา

ซูอานไม่สนใจสายตาของคนทั้งคู่ เขาหันไปทางพนักงานเสริฟสาวพร้อมกับสั่งว่า “คนสวย.. ไวน์ที่แพงที่สุดของร้านคือไวน์อะไรงั้นรึ?”

พนักงานเสริฟสาวตอบกลับไปทันที “Lafite ปี 1982 ค่ะ”

“งั้นรึ? เจ้าไปจัดการเปิดมาให้ข้าสองขวด!”

“สองขวดเหรอคะ?!” พนักงานเสริฟสาวร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ

ผู้จัดการร้านโบกมือพร้อมกับสั่งพนักงานเสริฟสาวว่า “เสี่ยวเอ้อม๋อ.. ไปนำมาให้แขกสิ!”

“เสี่ยวเอ้อม๋อที่แปลว่ามารน้อยงั้นรึ? ชื่อของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว!”

ซูอานรู้สึกถูกชะตากับพนักงานสาวเสริฟอย่างบอกไม่ถูก และเขาก็ไม่ค่อยชอบความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่นัก!

เสี่ยวเอ้อม๋อรีบเดินเข้าไปที่บาร์เหล้า และหยิบขวดไวน์ Lafite ปี 1982 ซึ่งมีราคาขวดละไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวนออกมา

เมื่่อไปถึงที่โต๊ะเธอก็จัดการเปิดขวดไวน์ และรินลงไปในแก้วให้กับซูอานทันที

“ไวน์นี้รสชาดแย่มากทีเดียว!”

ทั้งผู้จัดการและแขกคนอื่นๆที่จ้องมองอยู่ ต่างก็แทบกระอักออกมาเป็นเลือดเมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ที่ไร้รสนิยมของซูอาน

เฉิงหลี่ได้แต่พูดเย้ยหยันออกมา “คราวนี้เจ้าตายแน่!”

ความจริงแล้วเขาต้องการที่จะอวดร่ำอวดรวยด้วยการจ่ายเงินค่าอาหารคืนนี้ให้กับซูอาน แต่เมื่อเห็นซูอานสั่งไวน์ Lafite ปี 1982 มาถึงสองขวดเช่นนี้ เฉิงหลี่ก็ได้แต่รอให้ถึวเวลาเช็คบิล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด