ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 19 : ซิงยู๋ KTV
บทที่ 19 : ซิงยู๋ KTV
วันนี้ก็เหมือนกับเช่นเคยทุกๆวัน หลังจากเลิกเรียนแล้วซูอานก็รีบนั่งรถประจำทางกลับไปที่บ้านเช่าทันที
แต่ในระหว่างที่นั่งรถประจำทางกลับบ้านนั้น จู่ๆสายตาของซูอานก็เหลือบไปเห็นโฆษณาร้านคาราโอเกะร้านหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ เขาได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ ซูอานไม่เคยเข้าร้านคาราโอเกะมาก่อน และนึกอยากจะลองเข้าไปดูที่นั่นสักครั้ง
ซิงยู๋ KTV นั้นนับเป็นร้านคาราโอเกะของผู้ใหญ่ที่มีชื่อที่สุดในย่านตงเฉิง ห้องคาราโอเกะภายในร้านถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา และผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการได้นั้นล้วนแล้วแต่ต้องเป็นผู้ที่มีเงินทองและแต่งตัวดีเท่านั้น
และดูเหมือนเจ้าของร้านคาราโอเกะหรูหราแห่งนี้จะเป็นคนใหญ่คนโต และมีอิทธิพลในแถบถนนยื่อปาด้านใต้
พนักงานสาวในร้านซิงยู๋ KTV แห่งนี้ล้วนแล้วแต่ต้องมีรูปร่างหน้าตาสะสวย และส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กนักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก นักศึกษาสาวเหล่านี้ส่วนใหญ่มาทำงานพิเศษเพื่อดึงดูดแขกให้มาเที่ยวนั่นเอง
และแน่นอนว่าผู้ที่ได้ตำแหน่งดาว KTV นั้นก็ยิ่งต้องสวยกว่าใครๆ ไม่เพียงต้องหน้าตาสะสวย แต่ยังต้องเป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนโดดเด่นด้วย
แขกที่จะเข้าไปใช้บริการในร้านคาราโอเกะแห่งนี้นั้น อย่างน้อยๆก็ต้องเสียเงินไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นหยวนในการเข้าไปแต่ละครั้ง
ซูอานเดินมาถึงหน้าประตูร้าน พร้อมกับยืนจ้องมองแสงไฟจากป้ายชื่อร้านที่อยู่ด้านนอกอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในร้าน ใครคนหนึ่งก็ร้องตะโกนห้ามไว้ทันที!
พนักงานชายสองคนสวมชุดสูทอย่างสุภาพเรียบร้อยซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตู ทำสีหน้าดูถูกพร้อมกับร้องตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“นี่ๆ สารรูปแบบนี้เข้าไปไม่ได้!”
สำหรับร้านคาราโอเกะที่หรูหราเช่นนี้ เพียงแค่พนักงานเฝ้าประตูก็มีเงินเดือนสูงถึงหนึ่งหมื่นหยวนแล้ว!
พนักงานชายทั้งสองพบเห็นแขกเหรื่อที่เข้ามาใช้บริการในร้านมากมาย จึงสามารถมองออกว่าลำพังซูอานที่มาเพียงคนเดียวนั้น นอกจากจะยังเด็กแล้วก็คงจะไม่มีเงินอีกด้วย ทั้งคู่จึงได้พูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเช่นนั้น
“เหตุใดจึงจะเข้าไปไม่ได้ ในเมื่อข้าต้องการมาใช้บริการ?”
ซูอานตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบเจอกับคนที่ไม่ต้องการให้เขาเข้าไปใช้บริการในร้าน
“มีเงินถึงหนึ่งหมื่นหยวนมั๊ยล่ะ? ถ้าไม่มีก็เข้าไปไม่ได้!”
พนักงานชายทั้งสองคนยังคงพูดกับซูอานด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคืองและใบหน้าที่บึ้งตึง
“แล้วถ้าข้าบอกว่าข้ามีเงินเล่า?”
“สารรูปแบบนี้น่ะเหรอจะมีเงิน ถ้ามีจริงๆก็เอาออกมาดู แล้วฉันจะยอมเรียกแกว่าพ่อเลย!”
หนึ่งในพนักงานชายบอกกับซูอานด้วยสีหน้าเย็นชา เพราะไม่เชื่อว่าซูอานจะมีเงินจริงๆ
จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่คนแต่งตัวมอมแมมเช่นนี้จะมีเงินเที่ยวคาราโอเกะครั้งละหนึ่งหมื่นหยวน? พวกเขาทั้งสองคนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด!
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตัวร้องตะโกนเรียกข้าว่าพ่อเสียงดังๆล่ะ!”
จากนั้นซูอานก็หยิบบัตรสีทองออกมาพร้อมกับโบกไปมาต่อหน้าพนักงานชายทั้งสองคน “ในบัตรนี้มีเงินไม่มากเท่าไหร่ ก็แค่ห้าล้านเท่านั้น! แต่ก็มากกว่าเงินหนึ่งหมื่นหยวนที่พวกเจ้าสองคนอยากเห็นมากนัก!”
เมื่อพนักงานชายทั้งสองเห็นบัตรสีทองในมือของซูอาน ทั้งคู่ก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที และเริ่มมีท่าทางกระอักกระอ่วน ทั้งคู่นั้นคิดไม่ถึงจริงๆ เพราะคนสารรูปแบบซูอานในตอนนี้ เพียงแค่มีเงินติดกระเป๋าสักสองร้อยหยวนก็นับว่ามากพอแล้ว แต่กลับมีบัตรเงินสดสีทองอร่ามอยู่ในมือเช่นนี้!
บัตรเงินสดสีทองเช่นนี้ บ่งบอกว่าผู้ที่ถือบัตรจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชีหนึ่งล้านขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถถือบัตรวีไอพีนี้ได้ ด้วยเหตุนี้พนักชายทั้งสองจึงไม่กล้าสงสัยเมื่อซูอานบอกว่าในบัตรมีเงินถึงห้าล้านหยวน
“ได้โปรดยกโทษให้พวกเราสองคนด้วยที่กล้าดูถูกแขกของร้าน ขอเชิญท่านเข้าไปในร้านได้เลยครับ!”
พนักงานชายเฝ้าประตูทั้งสองคนรีบเปลี่ยนท่าทีทันที พวกเขาเชื้อเชิญซูอานให้เข้าไปในร้านด้วยท่าทีเคารพนบนอบ เพราะกลัวว่าจะถูกซูอานตำหนิและฟ้องผู้จัดการร้าน
ซูอานหันไปยิ้มใหักับพนักงานชายอีกคนพร้อมกับพูดยิ้มๆ “อย่าลืมรักษาคำพูดของเจ้าด้วยล่ะ!”
พนักงานชายอีกคนที่เป็นฝ่ายท้าทายซูอานถึงกับเหงื่อออกมาเต็มหน้าผาก และคิดไม่ถึงว่าการจะเรียกซูอานว่า ‘ท่านพ่อ’ ออกจากปากจะยากเย็นถึงเพียงนี้
และตอนนี้คนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นต่างก็ได้ยิน ทุกคนเริ่มเข้ามามุงดู และดูเหมือนทุกคนจะมีความสุขมากที่ได้เห็นพนักงานชายที่จองหองคนนี้ต้องเสียหน้า
ผู้คนที่พากันมามุงดูต่างก็พากันหัวเราะเยาะพร้อมกับช่วยกันร้องตะโกนว่า “เร็วเข้า.. ยังไม่เรียกเขาว่าท่านพ่ออีก พวกเรากำลังรอฟังอยู่!”
“นั่นสิ พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น อย่าทำให้แขกโมโหสิ ถ้าเขาไม่พอใจไปฟ้องผู้จัดการร้านเข้า มีหวังนายโดนไล่ออกแน่!”
ซูอานยืนฟังนิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นอย่างหมดความอดทน!
“ว่าไงล่ะ? เจ้าจะเรียกข้าว่าท่านพ่อ หรือจะให้ข้าเรียกผู้จัดการ?”
พนักงานชายทั้งสองต่างก็หน้าเสียด้วยกันทั้งคู่ เพราะหากผู้จัดการร้านรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาคงต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน!
พนักงานชายผู้นั้นถึงกับกัดฟันแน่นพร้อมกับพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ท่านพ่อ.. ท่านพ่อ.. ท่านพ่อ..”
ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆ”
“หมดเรื่องแล้ว ข้าเข้าไปได้แล้วสินะ!”
ซูอานร้องบอกพนักงานชายทั้งสองพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจอะไรอีก พนักงานชายทั้งสองเห็นซูอานไม่เอาเรื่องจึงได้แต่แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ผู้คนที่มุงดูอยู่เมื่อครู่เมื่อเห็นซูอานเดินเข้าไปในร้าน จึงได้แต่พากันซุบซิบและมองซูอานไม่สู้ดีนัก
“เฮ้อ.. ดูเหมือนจะยังเป็นเด็กนักเรียน แต่กลับมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ ดูท่าจะไม่ใช่เด็กดีอะไรนัก!”
“คนสมัยนี้นะ มีเงินอย่างเดียวจะทำอะไรก็ได้!”
...
ซูอานเดินตรงเข้าไปด้านในของร้าน ภายในนั้นมีนักร้องกำลังร้องเพลงร็อคเสียงดังกระหึ่ม และมีแสงสีตระการตา อีกทั้งยังมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา และหญิงสาวหน้าตาสะสวยอยู่มากมาย
ซูอานเดินตรงเข้าไปบริเวณที่เป็นพื้นที่ส่วนรวมซึ่งไม่มีผู้คนพลุกพล่านนัก และเหมาะสำหรับจะเป็นที่พลอดรัก
เขาเดินเข้าไปหามุมเงียบๆมุมหนึ่งนั่ง แต่ก็ไม่วายสังเกตเห็นสายตาดูถูกเหยียดยามของหนุ่มสาวหลายคนที่กำลังจ้องมองมา
“นายท่านต้องการสั่งเครื่องดื่มอะไรดีคะ?”
พนักงานเสริฟสาวสวยแต่งตัวยั่วยวนเดินเข้ามาหาซูอานพร้อมกับเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาของเธอกลมโตดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก
“แล้วที่นี่มีอะไรบ้างล่ะ?”
“ที่ร้านของเรามีทั้งคอนยัค วิสกี้ วอดก้า ไวน์แดง แล้วก็เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบทุกชนิดเลยค่ะ หรือนายท่านจะเลือกดื่มเป็นคอกเทลก็ได้นะคะ มีหลายชนิดให้เลือกเลย..”
“เจ้าไปนำสุราฉีเซี่ยนไท่ไป๋มาให้ข้าหนึ่งจอก!”
“ห๊ะ?!”
พนักงานเสริฟสาวถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างงุนงง เมื่อได้ยินคำพูดของซูอาน
“ฉีเซี่ยนไท่ไป๋ สุราขาวจากทางดินแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้ยังไงเล่า?” ซูอานย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
พนักงานเสิรฟสาวได้แต่นิ่งอึ้งไปเพราะไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยมีแขกคนใดมาที่ร้านแห่งนี้แล้วสั่งเหล้าขาว เพราะหากต้องการจะดื่มเหล้าขาวจริง แขกก็มักจะสั่งเหมาไถ ส่วนฉีเซี่ยนไท่ไป๋นั้นพนักงานเสริฟสาวก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน!
แต่ในเมื่อลูกค้าคือพระเจ้า พนักงานเสริฟสาวจึงตอบกลับไปได้เพียงแค่ว่า “กรุณารอสักครู่นะคะ..”
“อืมม..”
จากนั้นซูอานก็หันไปมองหญิงสาวที่เต้นอยู่โยกย้ายอยู่บนเวทีอย่างเมามัน เขาไม่รู้ว่าคนพวกนี้เมาจริงหรือว่าแสร้งทำเป็นเมากันแน่
ไม่นานนักพนักงานสาวเสริฟก็รีบไปที่บาร์ชงเหล้าพร้อมกับร้องบอกบาร์เทนเดอร์หนุ่มรูปหล่อ
“นี่เสี่ยวหม่า.. นายรู้มั๊ยว่าเหล้าฉีเซี่ยนไท่ไป๋มันคือเหล้าอะไร?”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มได้ยินถึงกับนิ่งอึ้งไป เพราะไม่เคยได้ยินชื่อเหล้ายี่ห้อนี้มาก่อนเช่นกัน..
“ก็แขกตรงโต๊ะโน้นน่ะสิที่เป็นคนสั่ง แปลกชะมัดเลย!”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายที่สักลายทั้งตัวก็เดินเข้ามาหาพนักงานเสิรฟสาวพร้อมกับร้องถามออกมาด้วยความสงสัย
“ฉันรู้.. มันก็คือเหล้าขาวชนิดหนึ่งล่ะ ไปบอกแขกว่าเราไม่มีฉีเซี่ยนไท่เป่ย แล้วเอาไวน์องุ่นไปเสริฟให้แทน!”
“ค่ะผู้จัดการ!”
“ไม่เป็นไรแม่หนู!”
ผู้จัดการตอบกลับไปพร้อมเอื้อมมือไปหยิกก้นของพนักงานเสริฟสาวเบาๆ พร้อมกับจ้องมองด้วยแววตาหื่นกระหาย
พนักงานเสริฟสาวถึงกับทำหน้าไม่ถูกแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ จึงได้แต่รีบหลบออกไปบริการลูกค้าต่อ
ไม่นานนัก พนักงานเสริฟสาวก็เดินไปนำแก้วที่ใส่เหล้าเหมาไถไปเสริฟให้กับซูอาน
“เหล้าที่นายท่านต้องการทางร้านไม่มี ก็เลยนำไวน์มาเสริฟให้แทนค่ะ..”
ซูอานพยักหน้าที่นิ่งเฉยพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ และได้แต่คิดว่าคนที่มาเที่ยวร้านคาราโอเกะแบบนี้ ก็เพื่อมาดื่มเหล้าให้ตนเองดูเป็นชนชั้นสูงเพียงแค่นี้เองหรอกรึ?
ซูอานกำลังคิดว่า เหล้าธรรมดาๆที่ขายตามร้านค้าทั่วไป แต่เมื่อมาอยู่ในร้านคาราโอเกะที่หรูหราเช่นนี้ ราคากลับพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หากผู้คนไม่ต้องการทำตัวเป็นชนชั้นสูง ร้านลักษณะนี้คงไม่สามารถทำรายได้ได้ดีเช่นนี้..
พนักงานเสริฟสาวยังคงยืนจ้องมองซูอานอยู่อีกครู่หนึ่ง เพราะเขาดูแปลกมากสำหรับเธอ!
แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ราวกับเสื้อผ้ามือสองที่วางขายกันตามแผงในตลาด มิหนำซ้ำยังสั่งเหล้าแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยได้ยินด้วย แล้วท่าทีเฉยเมยของเขาก็ดึงดูดความสนใจเธอมากด้วย
แต่ใช่ว่าจะดึงดูดความสนใจพนักงานเสริฟสาวเพียงคนเดียว เพราะแม้แต่ผู้จัดการร้านเองก็กำลังสนอกสนใจซูอานอย่างมากเช่นกัน!
เขาได้รับแจ้งจากพนักงานเฝ้าประตูแล้ว และหากซูอานไม่เข้ามาสร้างปัญหาในร้านก็ไม่เป็นไร แต่หากเขาคิดจะมาหาเรื่องแล้วล่ะก็.. คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก!
ระหว่างที่ซูอานกำลังลิ้มรสไวน์ในแก้วอยู่นั้น รูปร่างคุ้นตาก็ผ่านเข้ามาใสสายตาของเขา ซูอานถึงกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย และได้แต่คิดในใจว่า
‘โลกช่างกลมนัก คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับทุกคนพร้อมหน้าเช่นนี้!’