บทที่ 52 ขั้นที่สอง
บทที่ 52 ขั้นที่สอง
จนกระทั่งเขากลับถึงบ้าน จี้เฟิงก็ยังคิดไม่ออกว่าเขาจะบอกแม่อย่างไรว่าเขาถูกรางวัลลอตเตอรี่ และได้เงินรางวัลมาถึง 60,000 หยวน ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนเงินจำนวน 60,000 หยวนนี้ไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อยเลยสำหรับครอบครัวที่ยากจนอย่างเขา แม่ของเขาอาจสงสัยที่มาของเงินนี้โดยที่คิดว่าจี้เฟิงอาจจะไปทำอะไรที่ไม่ดีอยู่ข้างนอก
เพื่อไม่ให้แม่ของเขาต้องกังวลมากเกินไป จี้เฟิงจึงต้องคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ให้รอบคอบ
ในท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องเงินจำนวน 10,000 หยวนของเขาก่อน และจะลดจำนวนลงเหลือเพียง 5,000 หยวน
“เฟิงเอ๋อ ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย วันนี้ไปทำกิจกรรมกับเพื่อนที่โรงเรียนจนเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?” เซียวซูเหม่ยแม่ของจี้เฟิง ที่สังเกตเห็นถึงสีหน้าลูกชายที่ดูไม่ปกติ เธออดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความเป็นห่วง “หรือเป็นเพราะอากาศร้อนเกินไป วันนี้ลูกไม่ได้เป็นลมแดดอีกแล้วใช่มั้ย?”
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมสบายดี” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและรีบบอกแม่ของเขาก่อนที่จะเธอจะกังวลไปมากกว่านี้
“ผมมีความสุขมากเกินไปจนไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก!” หลังจากที่เขาคิดอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจที่จึงตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทีละนิด เพื่อให้แม่ของเขาค่อยๆยอมรับ
“มีความสุข?” เซียวซูเหม่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “พ่อหนุ่มน้อย ถ้ามีความสุขจริงๆ ทำไมถึงทำสีหน้าแบบนั้นกันล่ะ?”
จี้เฟิงพยักหน้าและแกล้งทำเป็นบ่นเล็กน้อย “แม่ไม่รู้หรอกว่า วันนี้ที่เราไปทำกิจกรรมนอกสถานที่กับเพื่อนๆ ในชั้นเรียนที่ภูเขาหมางซือ พวกเราบังเอิญไปเจอร้านลอตเตอรี่ เพื่อนๆ สองสามคนเลยชวนให้ผมไปลองเล่นดู!”
“แล้วยังไง?” เซียวซูเหม่ยรีบถาม “ลูกซื้อลอตเตอรี่ไม่ได้เพราะไม่มีเงินใช่มั้ย?”
เมื่อเห็นท่าทางที่ห่วงใยของแม่ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดในใจ เขาส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเพราะตอนนั้นถ้าผมซื้อผมคงถูกรางวัลใหญ่ได้ 10,000 หยวนมาแล้ว แต่ผมเห็นว่าลอตเตอรี่ใบนั้นมันมีรอยขีดข่วนอยู่นิดหน่อย ผมเลยไม่กล้าซื้อ แต่สุดท้ายลอตเตอรี่ใบนั้นก็ถูกซื้อโดยเพื่อนนักเรียนในชั้นเรียนของเราคนหนึ่ง แล้วเขาก็ถูกรางวัลใหญ่ได้เงินรางวัล 10,000 หยวนไปจริงๆ ถ้าผมตัดสินใจซื้อในทีแรก ผมคงเป็นคนที่ได้รางวัลใหญ่นั้นไปแล้ว และแม่ก็คงไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้อีก ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะผมไม่กล้าพอ!”
“เจ้าเด็กโง่ ลอตเตอรี่ใช่ว่าจะถูกกันง่ายๆ ลูกทำถูกแล้วที่ไม่ได้ซื้อ เพราะไม่มีใครจะสามารถรู้ได้เลยว่าเราจะโชคดีหรือไม่!” เซียวซูเหม่ยส่ายหัวและยิ้มปลอบใจ “ว่าแต่ในเมื่อลูกไม่ได้ซื้อหรือถูกรางวัล แล้วทำไมถึงบอกว่ามีความสุขล่ะ?”
จี้เฟิงตอบไปว่า “มันก็จริงที่ผมไม่ได้รางวัลใหญ่ เพราะผมได้เพียงรางวัลเล็กๆ มา..5,000หยวนเท่านั้น”
“เท่าไหร่นะ?!” เซียวซูเหม่ยตกตะลึงแข็งค้างไปแล้ว…
“ฮิฮิ~ แม่ได้ยินถูกต้องแล้วล่ะ ผมได้เงินรางวัลมา 5,000 หยวน!” จี้เฟิงยื่นมือออกไป และโบกไปมาสองสามทีตรงหน้าแม่ของเขา “แม่! โอเคใช่มั้ย?”
รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซียวซูเหม่ย เธอกล่าวว่า “เฟิงเอ๋อ ลูกได้เงินรางวัล 5,000 หยวนจริงๆ น่ะเหรอ?”
จี้เฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นและกล่าวว่า “จริงครับ ผมได้เงินรางวัลมา 5,000 หยวนจริงๆ!”
ถึงจี้เฟิงจะตอบอย่างจริงจังและหนักแน่นว่าได้เงินรางวัลมาจากการถูกลอตเตอรี่ แต่เซียวซูเหม่ยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “เฟิงเอ๋อ ลูกไม่ได้ทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ความเป็นไปได้ที่ลูกจะถูกลอตเตอรี่แล้วได้เงินรางวัลถึง 5,000 หยวน มันมีน้อยมากๆ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ก่อนหน้านั้นเพื่อนของลูกก็เพิ่งจะถูกรางวัลใหญ่ได้รับเงินไปถึง 10,000 หยวน การถูกลอตเตอรี่แล้วได้รับเงินรางวัลที่มากขนาดนั้นติดๆ กันสองครั้ง มันไม่ใช่แค่เป็นเรื่องยาก แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ มันจะไม่โชคดีเกินไปหน่อยเหรอ?”
จี้เฟิงรู้สึกหายใจติดขัด เขาพบว่าคำโกหกของเขานั้นมีช่องโหว่มากมาย การพูดหลอกแม่ของเขาในเรื่องนี้นั้นมันไม่ง่ายเลย แม่ของเขานั้นพูดถูกทุกอย่าง โอกาสในการถูกรางวัลลอตเตอรี่นั้นมีน้อยมาก แล้วยิ่งเป็นลอตเตอรี่แบบขูดโอกาสที่จะถูกรางวัลใหญ่ ยิ่งมีน้อยกว่าลอตเตอรี่แบบอื่นๆ
แม้เขาจะแอบกังวล แต่จี้เฟิงก็ไม่ได้แสดงอาการหรือสีหน้าที่มีพิรุธใดๆ ออกมา เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงมีความสุขนัก แม่ลองคิดดูสิ ผมสามารถคว้ารางวัลมาได้ด้วยโอกาสเพียงน้อยนิด ซึ่งมันแสดงให้เห็นแล้วว่าผมนั้นโชคดีมากแค่ไหน แต่ถ้าแม่ไม่เชื่อ แม่จะลองถามอาจารย์ภาษาอังกฤษของผมดูก็ได้ เพราะอาจารย์ของเราก็อยู่ที่นั่นตอนที่ผมถูกรางวัล!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวซูเหม่ยถึงยอมเชื่อโดยไม่สงสัยอีก เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้าลูกชาย แม่จะไม่เชื่อลูกได้ยังไง แม่ก็แค่เป็นห่วง กลัวลูกจะไปทำสิ่งไม่ดีข้างนอก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแม่จะไม่ยกโทษให้ลูกเด็ดขาด!”
จี้เฟิงจับมือแม่ของเขาแล้วยิ้ม “ไม่ต้องห่วงนะแม่ ผมเป็นลูกชายของแม่ ถึงแม้ว่าแม่จะไม่เชื่อในตัวผม แต่แม่ต้องมั่นใจในตัวเอง เพราะผมได้รับสืบทอดสิ่งดีๆมาจากแม่ และผมจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีอย่างแน่นอน!”
“จ้า ลูกรักของแม่” เซียวซูเหม่ยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้หัวลูกชายของเธอรอยยิ้มที่เห็นได้ชัดจากแววตาที่เต็มไปด้วยความรักของแม่ จี้เฟิงรับรู้มันได้อย่างชัดเจน
“แม่ควรเก็บเงินนี้ไว้ มันเป็นเงินก้อนแรกที่ผมหามันมาได้ด้วยตัวเอง และผมจะต้องหามันได้มากขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นผมจะเป็นคนดูแลแม่เอง ฮ่าฮ่า!” เขาพูดพร้อมกับวางเงินบนมือของแม่
“แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ เฟิงเอ๋อ!” เซียวซูเหม่ยนำเงินใส่เข้าไปในกระเป๋าของเธอแล้วพูดว่า “แม่จะเก็บเงินนี้ไว้ให้ลูกใช้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย”
“โอเคครับแม่!” จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม
เมื่อเห็นริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้าของแม่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ แม่ของเขาอายุเพียงสี่สิบปี ถ้าเธอได้มีโอกาสได้เข้าร้านเสริมสวยต่างๆในเมือง เธอจะดูเหมือนคนวัยเพียงสามสิบต้นๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้แม่ของเขาดูเหมือนคนอายุสี่สิบสามหรือสี่สิบสี่ปี ถ้าไม่ใช่เพราะต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเขาอย่างยากลำบากด้วยตัวคนเดียว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ จี้เฟิงก็นึกถึงคนที่ทอดทิ้งเขาและแม่ เขาอดไม่ได้ที่จะถามเรื่องนี้กับแม่ของเขาขึ้นมาอีกครั้ง “แม่ผมขอถามคำถามนึงกับแม่ได้ไหม แม่อย่าเพิ่งโกรธนะ!”
เมื่อเซียวซูเหม่ยได้ยิน เธอก็รู้ทันทีว่าลูกชายของเธอต้องการจะถามอะไร เธอรีบลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า “เฟิงเอ๋อ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว แม่เริ่มง่วงแล้วล่ะ แม่ขอตัวไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปขายผักแต่เช้า!”
หลังจากนั้นเซียวซูเหม่ยก็รีบเดินเข้าห้องนอนของเธอไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมองไปที่ด้านหลังของแม่ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น มันต้องเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นทำร้ายแม่ของเขาอย่างมาก จนถึงขนาดที่แม่ของเขาไม่แม้แต่จะพูดถึงคนคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ฉันจะทำให้คุณต้องเสียใจที่ทิ้งแม่ของฉันไปอย่างแน่นอน!” จี้เฟิงแอบกัดฟันตั้งมั่นในใจและในเวลาเดียวกันเขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ถามคำถามโง่ๆ แบบนี้อีกในอนาคต เพราะมันมีแต่จะทำให้แม่ของเขาต้องเสียใจมากขึ้นเท่านั้น
ขณะที่นอนอยู่บนเตียง อารมณ์ที่พลุ่งพล่านด้วยความโกรธของเขาก็ค่อยๆ สงบลง เขาถอนหายใจเบาๆ ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องอื่น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งในทุกๆด้านเสียก่อน!
จี้เฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และเขาก็เข้ามาในจิตใต้สำนึกของเขาอีกครั้ง
“สวัสดีครับ มาสเตอร์!”
ฉากตรงหน้าของเขาเปลี่ยนไป และจี้เฟิงก็ได้พบกับสมองหมายเลข 1
“มาสเตอร์จะเริ่มฝึกตอนนี้เลยไหม?” สมองหมายเลข 1 ถามทันทีเมื่อจี้เฟิงมาถึง
จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ตกลง เริ่มฝึกได้เลย!”
สมองหมายเลข 1 พยักหน้าและกล่าวว่า “ตามการฝึกครั้งล่าสุดของมาสเตอร์ ในตอนนี้มาสเตอร์สามารถฝึกการเคลื่อนไหวท่าที่สี่ของยิมนาสติกได้อย่างชำนาญมากแล้ว ขั้นต่อไปเป็นท่าที่ห้า ท่าสุดท้ายของการฝึกยิมนาสติก ในท่านี้จะเป็นการเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ของการฝึก ในขั้นตอนที่ 2 นี้มาสเตอร์จะต้องฝึกยิมนาสติกท่าที่ห้าพร้อมกันกับเรียนรู้ทักษะอื่นๆไปด้วยในเวลาเดียวกัน!”
“ทักษะอื่นๆ?” จี้เฟิงเริ่มสนใจขึ้นมาในทันที เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยและมีความพยายามอย่างมากที่จะฝึกยิมนาสติกให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด เขาจะได้เรียนรู้ทักษะอื่นๆ บ้างเสียที ไม่ใช่แค่เพราะจี้เฟิงสนใจที่จะเรียนรู้ทักษะความรู้ต่างๆของยุคแห่งดวงดาวนี้เท่านั้น แต่เป็นเพราะการฝึกที่น่าเบื่อและเจ็บปวดมากของยิมนาสติกทั้งสี่ท่าที่ผ่านมา เขาจึงดีใจอย่างมากที่จะได้เรียนรู้ความรู้อื่นๆ บ้าง
“แล้วผมจะได้เรียนรู้ทักษะอะไรบ้าง?” จี้เฟิงถามอย่างตื่นเต้น
...จบบทที่ 52~❤️