ตอนที่แล้วตอนที่ 259 สยบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 261 มอง

ตอนที่ 260 ประตูเปิด


ตอนที่ 260 ประตูเปิด

มู่อี้กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและแม้ว่าสติสัมปชัญญะของเขาจะเลือนลาง แต่พลังแห่งจิตใจของเขากลับบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้ยังทำให้จิตวิญญาณของมู่อี้แข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน

แต่ไม่มีสิ่งใดช่วยลดทอนความเจ็บปวดของมู่อี้ได้เลย โชคดีที่ตะเกียงทองแดงทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่มันได้กลืนกินเพลิงแห่งหนานหมิงเข้าไปทีละนิดและความเร็วในการกลืนกินเพลิงแห่งหนานหมิงของตะเกียงทองแดงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน ลวดลายบนฐานของตะเกียงทองแดงนั้นก็เด่นชัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงที่อยู่ภายในตะเกียงทองแดงก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกันด้านในของเปลวเพลิงนั้นเป็นสีฟ้าและถูกห่อหุ้มด้วยสีเหลืองที่อยู่ภายนอก บางทีถ้าหากเปลวเพลิงทั้งหมดกลายเป็นสีฟ้าอาจจะหมายความว่าตะเกียงทองแดงได้กลืนกินเพลิงแห่งหนานหมิงเข้าไปทั้งหมดแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการขาดแคลนน้ำมันตะเกียงอีกต่อไปและพลังของตะเกียงทองแดงก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ในที่สุดมู่อี้ก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองได้พักเสียที ลวดลายบนฐานของตะเกียงทองแดงนั้นปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทั่วทั้งฐานแต่ก็ยังมีบางส่วนที่เป็นจุดเล็กๆที่ยังว่างเปล่าอยู่ เพลิงแห่งหนานหมิงได้ถูกตะเกียงทองแดงกลืนกินเข้าไปจนเกือบทั้งหมดแล้ว ภายในกระถางสัมฤทธิ์มีเพียงแค่เปลวเพลิงของตะเกียงทองแดงเท่านั้นที่ยังคงลุกไหม้อยู่และสีของเปลวเพลิงก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าอย่างสมบูรณ์

"ตึง!"

ทันใดนั้นกระถางสัมฤทธิ์ก็มีเสียงดังเกิดขึ้นทันที เสียงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทุกๆคนที่อยู่รอบๆต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่มู่อี้ที่มีสติสัมปชัญญะเลือนลางก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาและเขาก็เข้าใจทุกๆอย่างได้อย่างรวดเร็ว

ในตอนที่มู่อี้กำลังหลับตาอยู่นั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าเปลวเพลิงสีฟ้าที่อยู่ในกระถางสัมฤทธิ์ได้ระเบิดออกและหายไป

ทันทีที่สติสัมปชัญญะของเขากลับมาเป็นปกตินั้นตะเกียงทองแดงก็กลับเข้ามาในมือของมู่อี้และเปลวเพลิงของตะเกียงทองแดงก็ดับไปแล้ว ที่หูจับของตะเกียงทองแดงไม่ได้มีความร้อนเลยกลับกันมันให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย และเมื่อได้ถือตะเกียงทองแดงอยู่ในมือมู่อี้ก็รู้สึกราวกับว่าชีวิตของเขากำลังเชื่อมต่อกับมันอยู่ ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ต้นไผ่แห่งชีวิตเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้

แม้จะยังไม่แน่ใจว่าตะเกียงทองแดงเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยในตอนนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างยิ่งและทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องนี้เขายังรู้สึกได้ว่าพลังแห่งจิตใจของตนเองเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่ยังบริสุทธิ์ขึ้นด้วยเช่นกัน

บริเวณขมับทั้งสองข้างของมู่อี้ยังคงปูดโปนและเขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดูเหมือนว่ามู่อี้จะยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ในตอนนี้

แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังรอมู่อี้อยู่นั้น บรรยากาศภายในห้องนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

เพราะมู่อี้สามารถสยบเพลิงแห่งหนานหมิงได้สำเร็จจึงเท่ากับว่าเขาสามารถผ่านบททดสอบได้สำเร็จ และเสียงที่ดังขึ้นมาจากกระถางสัมฤทธิ์ก่อนหน้านี้ก็เป็นตัวพิสูจน์

"แกร๊ก!"

ทันใดนั้นกำแพงที่อยู่ตรงข้ามก็พังทลายลงมาช้าๆและเผยให้เห็นประตูที่อยู่ข้างใน

ในตอนนี้ปีศาจเฒ่าทั้ง 4 คนและเหลิงหยู่ต่างก็เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน ต่งชวนเจียงพุ่งเข้าไปที่ประตูนั้นเป็นคนแรกเพราะเขาอยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นก็ตามด้วยฉินซานเจา ฉือไห่ เหลิงหยู่ และหนิงอู๋เชวียตามลำดับ เหตุผลที่หนิงอู๋เชวียอยู่ไกลที่สุดเพราะเขาโดนเหลิงหยู่บีบบังคับให้ถอยออกไปไกล

เดิมทีมู่อี้คิดว่าหนิงอู๋เชวียคงไม่พลาดที่จะใช้โอกาสนี้หันมาสังหารตนเองแต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจมู่อี้เลยด้วยซ้ำและนี่ก็แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายที่แท้จริงที่หนิงอู๋เชวียมาที่นี่

หลังจากที่ทั้ง 5 คนผ่านประตูไปแล้ว อีก 11 คนที่เหลือต่างก็รีบพุ่งเข้าไปที่ประตูบานนั้นทันที แต่ก็มีอยู่ 3 คนที่ไม่ได้เข้าไปในประตูบานนั้น พวกเขาหันมาล้อมรอบมู่อี้เอาไว้

"เด็กน้อย ส่งตะเกียงในมือของเจ้ามาซะ" ชายวัยกลางคนคนแรกจ้องมองมาที่มู่อี้แล้วพูดขึ้นมาทันที

"แท่งไม้ไผ่ของเจ้าก็ด้วย" ชายอีกคนพูดขึ้นมา

"กุญแจของเส้นทางบรรพกาลแห่งแม่น้ำเหลืองก็ส่งมาให้พวกเราด้วย" ชายคนที่ 3 พูดย้ำขึ้นมา

การที่มู่อี้นำสมบัติของตนเองออกมาแสดงให้ทุกคนได้เห็นนั้น ย่อมไม่แปลกใจเลยที่จะมีคนโลภต้องการแย่งชิงสมบัติของเขา เหตุผลที่ทั้งสามคนนั้นเข้ามาในสุสานแห่งนี้ก็เพราะสิ่งนี้ การติดตามคนอื่นๆผ่านประตูเข้าไปนั้นพวกเขาอาจจะได้กินน้ำซุปที่หลงเหลืออยู่บ้าง แต่ในตอนนี้ตะเกียงทองแดงของมู่อี้ย่อมเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้น

เมื่อเข้ามาในสุสานของฮ่องเต้ทุกๆคนย่อมไม่อยากกลับไปมือเปล่าอยู่แล้วดังนั้นพวกเขาจึงหมายตาสมบัติของมู่อี้ตั้งแต่แรก

พวกเขาไม่ได้โง่พอที่จะไม่สนใจว่าฉือไห่และเหลิงหยู่ต้องการปกป้องมู่อี้และการที่มู่อี้'สามารถเดินออกมาจากเส้นทางตรงกลางได้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพลังของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เป็นเพราะมู่อี้ยังอายุน้อยมากและเขาเพิ่งผ่านการสยบเพลิงแห่งหนานหมิงมา มันอาจจะมีอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น

ดังนั้นทั้งสามคนจึงคิดว่าพวกเขาอาจจะโชคดีและรู้สึกว่ามู่อี้ต้องใช้พลัง 70-80 ส่วนไปกับการสยบเพลิงแห่งหนานหมิงแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วพวกเขาก็ตัดสินใจลองเสี่ยงดู

ส่วนฉือไห่และเหลิงหยู่นั้นหลังจากที่ทั้งสองคนกลับออกมาแล้ว ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้จะตามหาพวกเขาพบได้อย่างไรกัน? พวกเขาคิดว่าแค่ซ่อนตัวอยู่สักพักรอให้เรื่องนี้สงบลงก่อนก็น่าจะเพียงพอ

"ให้พวกเจ้าหรือ?" มู่อี้พูดพร้อมกับแสยะยิ้มขึ้นมา เหตุผลที่เขาไม่รีบร้อนลงมือไม่ใช่เพราะว่าเขาเหนื่อยล้า ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่หรอกแต่พลังของเขามีการเปลี่ยนแปลงไป ในตอนนี้แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับปีศาจเฒ่าเหล่านั้นเขาก็คิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ พวกตัวประกอบ 3 คนที่ล้อมรอบเขาไว้ในตอนนี้นั้นเขาไม่เคยมองเห็นในสายตาด้วยซ้ำ

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามคนนี้ก็คือชายวัยกลางคนที่ต้องการแย่งชิงตะเกียงทองแดง พลังของเขาน่าจะอยู่ในระดับยอดฝีมือขั้นที่ 3  ส่วนอีก 2 คนที่เหลือนั้นน่าจะอยู่ในระดับยอดฝีมือขั้นที่ 2  ความจริงแล้วพลังของทั้ง 3 คนนี้ไม่ได้ถือว่าน้อยเลย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามู่อี้ย่อมไม่สามารถใช้เกณฑ์ปกติมาวัดได้

หลังจากเปิดประตูแห่งจักระบานที่ 3 ขึ้นมาได้สำเร็จ พลังของมู่อี้ก็ก้าวกระโดดไปถึงระดับยอดฝีมือขั้นที่ 6  ในตอนนี้ด้วยพลังที่ได้รับมาจากเพลิงแห่งหนานหมิงแม้ว่าเขาจะยังไปไม่ถึงระดับยอดฝีมือขั้นที่ 7 แต่มันก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

แม้ว่าจะไม่ใช้ตะเกียงทองแดง เขาก็มั่นใจว่าพลังของตนเองจะอยู่ในระดับยอดฝีมือขั้นที่ 6 แน่นอน

เช่นนั้นแล้วเขาต้องหวาดกลัว 3 คนนี้ด้วยงั้นหรือ?

"เจ้าอยากตายมากนักหรือไง" เมื่อเห็นว่ามู่อี้ไม่ได้ดูหวาดกลัวพวกเขาเลย ชายวัยกลางคนก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีแต่เขาก็รู้ดีว่ามู่อี้แข็งแกร่งมากเพียงใดและเขาก็ไม่ได้ประมาทเลย ในทางกลับกันแม้ว่าเขาจะรู้สึกโกรธแต่เขาก็ยังแอบส่งสัญญาให้อีก 2 คนเงียบๆ

นี่เป็นเรื่องปกติ ผู้ที่สามารถเข้ามาในสุสานฮ่องเต้แห่งนี้และยังสามารถผ่านบททดสอบของเส้นทางชีวิตและความตายมาได้ ย่อมไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธธรรมดาอยู่แล้วใช่ไหม?

ดังนั้นชายวัยกลางคนจึงเสแสร้งทำเป็นแสดงความโกรธออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของมู่อี้ แต่ความจริงแล้วเขากำลังวางแผนให้อีกคนหนึ่งโจมตีมู่อี้จากทางด้านหลัง

เมื่อชายที่กำลังโจมตีจากด้านหลังลงมือ ชายวัยกลางคนก็เริ่มลงมือด้วยเช่นกัน ทั้ง 3 คนร่วมมือกันเป็นอย่างดีและดูจากการลงมือของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่คิดที่จะปล่อยให้มู่อี้รอดชีวิตไปได้แน่นอน

แม้ว่ามู่อี้จะกำลังยืนหันหลังอยู่แต่พลังแห่งจิตใจก็ทำให้เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างรอบตัวได้อย่างชัดเจน นี่คือประโยชน์ของพลังแห่งจิตใจ เขาไม่ได้ใช้ตะเกียงทองแดงเลยด้วยซ้ำเพียงแค่ถือต้นไผ่แห่งชีวิตเอาไว้ในมือและหันกลับไปเท่านั้น

การลงมือของมู่อี้ดูแผ่วเบาไร้ซึ่งพลังใดๆ มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังปัดแมลงวันเท่านั้น แต่สีหน้าของคนที่โจมตีมาจากทางด้านหลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเขาก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาอย่างเห็นได้ชัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด