ตอนที่ 231-232
ตอนที่ 231 : การแข่งขันอันดุเดือด
อาวุธที่หลิวลู่เหม่ยเลือกนั้นคือเปียโนหยกศักดิ์สิทธิ์
ด้วยมือเปล่าบรรเลง คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นจึงฉีกกระชากห้วงมิติออกจากกัน!
มู่หรงไห่เถิงไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า ขณะนี้ถือคันธนูยาวที่สูงราวตัวคน!
พลังงานวิญญาณอันรุนแรงเข้ากดดัน!
ที่ตัวคันธนูหาได้มีลูกศร ทว่ายามเมื่อมู่หรงไห่เถิงง้างสายคันธนูพร้อมปล่อยนิ้วออก มันจะปรากฏคลื่นเสียงมังกรคำรามดังจากคันธนูยาวราวมังกรคำรามร้อง
ร่างจำแลงมังกรทะยานออกประหนึ่งปลายดาบ มันเข้าปะทะกับคลื่นเสียงที่ทะยานเข้ามาก่อนจะเลือนหายไปทั้งคู่
……
สี่สมรภูมิเกิดการศึกที่แตกต่างกันออกไป
คนทั้งแปดต่างเผยพลังออกราวหนึ่งในสิบ
อย่างไรที่นี่ก็เป็นโหมดอารีน่า เรื่องอื่นใดให้กังวลล้วนไม่มี เพียงปล่อยมือและเท้าต่อสู้ไปตามปรารถนาก็พอ!
ส่วนเถ้าแก่ร้านเช่นลั่วฉวน ขณะนี้ไปนอนทอดกายอยู่หน้าทางเข้าร้าน ทว่าจิตใจได้ไปอยู่หอคอยแห่งการทดสอบแล้ว
ลั่วฉวนกำลังใช้สิทธิ์ของเถ้าแก่ร้านรับชมศึกระหว่างคนทั้งแปดด้วยความสนอกสนใจ
ตัวเขามีข้อสงสัย ว่าระบบจะจัดแบ่งศึกระหว่างคนทั้งแปดเช่นไร...
นอกจากนี้แล้วศึกก่อนหน้าของเหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยในโหมดอารีน่า ระบบก็สมควรตระหนักได้แล้วว่าในโหมดอารีน่ามีอะไรขาดแคลนไปบ้าง
มันส่งผลให้ขณะนี้ผู้เล่นสามารถใช้งานพลังแห่งโชคของตนเองที่ภายในนั้นได้
คณะของเหว่ยอี้ทั้งสามยามนี้แม้ทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วก็ไม่ได้เข้าหอคอยแห่งการทดสอบเหมือนดังทุกครั้ง
แต่ทั้งสามเลือกที่จะยืนด้านหลังผู้อาวุโสของตนเองเพื่อรับชมศึกที่เกิดขึ้น
ศึกระหว่างขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า สมรภูมิย่อมต้องมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมหาศาล
หากหย่อนความระวังแม้เพียงนิด นั่นจะเป็นจุดที่นำพาไปสู่ความพ่ายแพ้
ด้วยเหตุนี้คนทั้งแปดจึงทุ่มสมาธิสุดตัวกับการต่อสู้ พวกเขาหาได้กล้าหย่อนความระวังแม้เพียงนิดไม่
คนทั้งสามที่อยู่ภายนอกต่างต้องอุทานออกกันครั้งแล้วครั้งเล่า
ขณะเดียวกัน สายตาพวกเขาก็เผยความปรารถนาอันแรงกล้า
สักวันหนึ่งพวกตนจะต้องมีพลังอำนาจสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนั้นครอบครองในมือให้จงได้!
เหยาซือหยานเผยสายตามองทิศทางพลางละความสนใจ
ศึกของขอบเขตทดสอบเต๋า นางหาได้สนใจแต่อย่างใดไม่
ด้วยขอบเขตราชัน ตัวนางนั้นเกินจะเปรียบเทียบกับขอบเขตทดสอบเต๋าไปไกลแล้ว
พิจารณาจากสายตาของเหยาซือหยาน ศึกทั้งสี่นี้หาได้ต่างอะไรจากเด็กเล่นไม่
อย่างไรแล้วนางก็เป็นเสมียนประจำร้านต้นตำรับมานาน เข้าเล่นเครื่องเกมเสมือนจริงมานับครั้งไม่ถ้วน กำลังของนางย่อมไกลห่างเกินกว่าตั้งแต่ครั้งแรกมาเยือนร้านมากแล้ว
“เถ้าแก่ อรุณสวัสดิ์!”
เมื่อเจียงเหวิ่นฉางเดินเข้ามาในตรอก สิ่งแรกที่ทำคือกล่าวทักทายต่อลั่วฉวนที่นอนอาบแดดอยู่หน้าร้าน
“อืม” ลั่วฉวนรับคำโดยไม่เปิดตา สิ่งนี้ถือเป็นการตอบรับแล้ว
ขณะนี้ความสนใจของเขามุ่งเน้นไปยังทั้งสี่สมรภูมิ ภายในใจเขาสามารถแบ่งแยกงานกันได้ ดังนั้นจึงมีเวลาที่จะตอบรับคำของเจียงเฉิงจวิน
ต้องกล่าวว่าพลังจิตของลั่วฉวนขณะนี้ควบคุมได้ถึงระดับอันน่าสะพรึงกลัว!
สิ่งนี้คือพรสวรรค์อันชวนสะพรึง อีกทั้งยังเกิดขึ้นจากความพยายามส่วนตนด้วย!
อย่างไรแล้วพรสวรรค์แม้เลิศล้ำเพียงใด แต่หากไม่อาจนำมาใช้งานให้ดีได้ เช่นนั้นก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ
ลั่วฉวนผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยจากดาวเคราะห์ฟ้าครามในชีวิตก่อนหน้าทราบความจริงเรื่องนี้ดี
พบเห็นเถ้าแก่ไม่คิดพูดกล่าวมากความ เจียงเฉิงจวินก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
เขายิ้มตอบก่อนจะเดินเข้าร้านไป
“หือ? ไฉนวันนี้มีคนมากมายนัก?” ทันทีที่เข้ามาในร้าน เจียงเฉิงจวินต้องประหลาดใจกับภาพที่พบเห็น
ดังทราบว่าขณะนี้ยังเป็นช่วงเช้าตรู่ กล่าวได้ว่าร้านต้นตำรับเพิ่งเปิดทำการไม่นานนักด้วยซ้ำ
ตอนที่ 232 : เรื่องชวนประหลาดใจของเจียงเฉิงจวิน
ตามปกติในช่วงเวลาที่ร้านเพิ่งเปิด ลูกค้าจะมีไม่มากเท่าใดนัก
แต่แล้วขณะนี้เล่า?
ด้วยคนทั้งแปดนั่งเล่น เครื่องเกมเสมือนจริงขณะนี้จึงเหลือที่เล่นเพียงครึ่ง!
อีกทั้งยังมีผู้ชมอีกสามคนคอยดูอยู่!
เมื่อเจียงเฉิงจวินได้พบเห็นผู้ซึ่งเล่นหอคอยแห่งการทดสอบอยู่ ใบหน้านั้นต้องเผยอาการหวาดกลัวออก
ไม่ใช่คนเหล่านี้คือยอดฝีมือสูงสุดขาประจำร้านต้นตำรับกันหรอกหรือ?
แม้ว่าจะมีหลายคนที่ไม่คุ้นหน้า กระนั้นหากเล่นร่วมกับคนกลุ่มเดียวกันนี้ย่อมไม่ใช่มีกำลังเล็กจ้อยเป็นแน่!
เจียงเฉิงจวินเดินมาทางโต๊ะรรับรองก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย “พี่ซือหยาน กลุ่มคนตรงนั้นทำอะไรกันหรือ?”
“แข่งขันกันในโหมดอารีน่า” เหยาซือหยานตอบคำอย่างเรียบเฉย
“แข่งขัน?” เจียงเฉิงจวินงุนงง
“วันนี้มีไวน์หยกเข้ามาเติมสินค้า” เหยาซือหยานกล่าวต่อ
วันนี้มีไวน์หยก?
คราแรกเจียงเฉิงจวินงุนงงไปวูบ แต่แล้วไม่ช้าสายตาก็พลันต้องเบิกกว้างออก
ด้วยเพราะมัวแต่เล่นหอคอยแห่งการทดสอบทุกวี่วัน มันทำเจียงเฉิงจวินลืมเลือนเรื่องระยะเวลาของไวน์หยกไป
แต่อย่างน้อยตัวเขาก็ไม่ได้ต้องการสินค้าดังกล่าว
เพราะเขายังหนุ่ม ดังนั้นจึงยังไม่ประสบกับปัญหาขาดแคลนพลังชีวิต
อีกประการหนึ่งที่เจียงเฉิงจวินทราบดี คือแม้ตัวเขาคือบุตรแห่งขุนนางซ้าย แต่ราคาหนึ่งแสนผลึกวิญญาณของไวน์หยกนั้นต่อให้เขาขายตนเองออกก็ยังไม่พอซื้อ!
“คนเหล่านี้มาที่ร้านวันนี้เพราะแย่งชิงไวน์หยกงั้นหรือนี่?” เจียงเฉิงจวินชี้ไปยังกลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลห่างพร้อมถามออกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้ว”
“ไวน์หยกมีเพียงหนึ่งขวด อย่างนั้นจะตัดสินกันอย่างไร?” เจียงเฉิงจวินกล่าวถาม
“เรื่องเป็นเช่นนี้...” เหยาซือหยานจึงเริ่มบอกเล่าถึงเรื่องการตัดสินระหว่างกลุ่มคน
เจียงเฉิงจวินจึงนิ่งงันไป
เขาต้องกระแอมไอเสียงเบาออก “พี่ซือหยาน ข้าขอถามว่าพวกเขาจะสู้กันจนเหลือคนสุดท้ายอย่างไร? เป็นการแพ้คัดออกงั้นหรือ? เรื่องนี้ออกจะไม่ยุติธรรมไปบ้าง...”
ระหว่างพูดคุย เจียงเฉิงจวินก็ลูบสัมผัสคางตนเองไปพลางครุ่นคิด
ผู้คนทราบดีว่าเจียงเฉิงจวินนั้นคือรุ่นเยาว์ที่ฉลาดเป็นกรดที่สุดในนครจิ่วเหยา
แต่แม้เขาคิดถึงแผนผังการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นภายในใจ เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง
แต่ให้ผู้ชนะในท้ายที่สุดถูกตัดสินออกมาได้ แต่ก็ต้องมีคนไม่ยอมรับเป็นแน่
แม้ว่าในร้านของเถ้าแก่จะไม่มีใครกล้าก่อการ ทว่าออกพ้นจากร้านไปแล้วนั้นก็ไม่แน่...
เหยาซือหยานอดไม่ได้ที่จะเกิดนึกสนุกยามได้เห็นเจียงเฉิงจวินขมวดคิ้วพร้อมเผยสีหน้าครุ่นคิด
ขณะนี้ความนับถือต่อลั่วฉวนของนางก็ลึกล้ำยิ่งขึ้นไปอีก
“วิธีการที่ใช้คือระบบนับแต้ม เถ้าแก่เป็นผู้เสนอ”
คำกล่าวของเหยาซือหยานเป็นผลให้เจียงเฉิงจวินดึงสติกลับคืนมาได้
ระบบนับแต้ม?
ด้วยเป็นคำที่ไม่คุ้นเคย เจียงเฉิงจวินจึงกล่าวถามต่อ “พี่ซือหยาน อะไรคือระบบนับแต้ม?”
เหยาซือหยานเผยยิ้มพร้อมทบทวนกติกาที่ลั่วฉวนพูดกล่าวเอาไว้ให้เจียงเฉิงจวินได้ทราบ
ขณะเจียงเฉิงจวินรับฟังไป ดวงตาของเขาก็คล้ายจะทอประกายแสงขึ้นทีละน้อย
“มีวิธีการเช่นนี้อยู่ด้วย? ปราดเปรื่อง! นี่เถ้าแก่คิดได้ยังไงกัน...”
หลังได้รับฟังคำนี้ ใจเหยาซือหยานต้องเกิดความยินดีขึ้น
นี่จึงเป็นเถ้าแก่ อีกฝ่ายคือผู้ที่มักสร้างเรื่องราวให้น่าทึ่งเสมอ!
ขณะเดียวกันนางก็หันมองไปทางลั่วฉวนที่อยู่หน้าประตูร้าน
ลั่วฉวนไม่ได้ตระหนักถึง เหยาซือหวานต้องลอบถอนหายใจ
หลังประหลาดใจไปครู่ เจียงเฉิงจวินจึงเดินไปทางเหว่ยอี้และคณะ
ช่วงหลายวันมานี้เพราะพบเจอกันที่ร้านบ่อยเจียงเฉิงจวินจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับคนทั้งสามดี