ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 16 : กลับไปเรียน
บทที่ 16 : กลับไปเรียน
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ ภายในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างโรงเรียนยู่หลงนั้น ต้นซากูระมากมายมีดอกเบ่งบานอยู่เต็มต้น บ้างก็ร่วงหล่นโปรยปรายสู่พื้น รถยนต์หรูหราที่ขับผ่านไปผ่านมาตามท้องถนนต่างก็บดขยี้ดอกซากูระที่ร่วงหล่นตามทางนี้อย่างไม่ใส่ใจ
รถยนต์หรูหราที่เห็นขับผ่านไปมาอยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้นั้น บ้างก็เป็นรถที่ผู้ปกครองขับมาส่งนักเรียนในโรงเรียน บ้างก็เป็นรถที่นักเรียนขับมาเอง ทุกคันล้วนแล้วแต่เป็นรถที่มีราคาสูงกว่าสามแสนหยวนขึ้นไปทั้งสิ้น
ภายในมีรถสปอร์ตยี่ห้อ Bentley Continental มูลค่ากว่าสามล้านหยวนคันหนึ่งจอดอยู่ ทุกคนในโรงเรียนต่างก็รู้ดีว่าเป็นรถของใคร
ถูกต้องแล้ว! มันคือรถที่โจวเทียนห่าวมอบให้กับซือเหวินเจียนซึ่งเป็นนักเรียนหญิงของโรงเรียนมีชื่อแห่งนี้ และเรื่องที่โจวเทียนห่าวดูแลซือเหวินเจียนอยู่นั้นก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร
ปกติซือเหวินเจียนจะขับรถคันนี้ไปไหนต่อไหน และขับมาที่โรงเรียนด้วย เด็กสาวในโรงเรียนแห่งนี้หลายคนบ้างก็นึกอิจฉา แต่บ้างก็นึกดูถูก..
และนับตั้งแต่โจวเทียนห่าวถูกซูอานทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสนั้น รถคันนี้ก็ได้จอดอยู่ที่นี่มานานมากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ซูอานก็ได้เดินทางไปตามที่ต่างๆทั่วทั้งเมืองเจียงโจวเพื่อเสาะหาพลังชีวิต แต่ไม่ว่าไปที่ใดเขาก็ไม่พบสถานที่ที่มีพลังชีวิตอยู่เลย และนั่นทำให้เขาโมโหและหงุดหงิดใจอย่างมาก
ความรู้สึกของซูอานเวลานี้ไม่ต่างจากหญิงสาวที่ต้องการจะหูข้าว แต่กลับไม่มีข้าวให้หูงนั่นเอง ต่อให้ซูอานมีวิชาที่ล้ำเลิศมากเพียงใด แต่หากไร้ซึ่งพลังชีวิต ทุกอย่างก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
แต่ในช่วงเวลาเปิดเทอมนี้ ซูอานจำเป็นต้องกลับมาเรียนก่อน..
หาไม่สามารถหาสถานที่ที่มีพลังชีวิตแม้แต่แห่งเดียวในเมืองเจียงโจวได้ เขาก็ต้องไปหาที่เมืองอื่นดู และหากหาจนทั่วทุกเมืองแล้วยังไม่มี เขาก็ต้องไปที่มณฑลอื่นหาดูเช่นกัน และหากหาทั่วทั้งประเทศจีนแล้วยังไม่พบ เขาก็จะเดินทางไปหาที่ต่างประเทศ
นี่คือความมุ่งมั่นของซูอาน!
แต่ทันทีที่ซูอานก้าวเท้าผ่านข้ามประตูรั้วโรงเรียนเข้าไป ภายในโรงเรียนก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมาทันที ทั้งนักเรียนและคุณครูต่างก็มีสีหน้าตกใจ และไม่อยากจะเชื่อที่เห็นเขาปรากฏตัวเช่นนี้
“ดูสิ! ดูว่าใครมา?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้นชี้ไปทางซูอานพร้อมกับทำสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ ซูอานที่ปกติอ่อนแอขี้ขลาด กลับกล้าทำร้ายโจวเทียนห่าวบาดเจ็บสาหัส
“นี่! แกยังกล้ามาโรงเรียนอีกเหรอ?!”
“นั่นซูอานนี่! ไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้?”
นักเรียนในโรงเรียนยู่หลงแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นลูกเศรษฐีทั้งนั้น แต่ละคนนั้นครอบครัวมีทรัพย์สินนับหลายๆล้าน อีกทั้งค่าเทอมของโรงเรียนแห่งนี้ก็แพงลิบลิ่ว มากกว่าหนึ่งแสนหยวนต่อเทอมทีเดียว..
ที่ซูอานสามารถเข้ามาร่ำเรียนที่นี่ได้ก็เพราะพ่อแม่ที่เขาไม่เคยได้พบหน้ามานานหลายปีนั่นเอง เรื่องเกี่ยวกับการเรียนของซูอานนั้น ซูปิงเซียนไม่กล้าตุกติกมาก เพราะปู่ของซูอานให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
“ไม่ใช่ว่าโจวไห่หวงไล่ล่าตัวหมอนั่นทั่วทั้งเมืองหรอกเหรอ? ทำไมมันยังอยู่ดีอีกล่ะ?”
ทุกคนต่างก็จ้องมองซูอานด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เวลานี้ทุกคนต่างก็ให้ความสนอกสนใจซูอานเสียยิ่งกว่าเขาเป็นดอกไม้สวยงามภายในโรงเรียนเสียอีก
แต่ซูอานก็คร้านที่จะใส่ใจกับสิ่งรอบตัว เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แล้วเดินตรงไปยังห้องเรียนของตนเองอย่างไม่สนใจ
ทันทีที่ซูอานเดินเข้ามาในโรงเรียน เขาก็เสมือนพายุหมุนทอร์นาโดที่มีพลังรุนแรง ดูดเอาทุกคนและทุกสายตาเข้ามาหาตัวเอง มิหนำซ้ำยังทำให้โรงเรียนทั้งโรงเรียนปั่นป่วนโกลาหลอีกด้วย
เวลานี้ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจซูอาน และดูเหมือนเขาจะได้รับความสนใจมากกว่าครูใหญ่ของโรงเรียนเสียอีก!
เมื่อซูอานก้าวเท้าเข้าไปในห้องเรียน เพื่อนๆในห้องต่างพากันวิ่งเข้ามาห้อมล้อม แล้วหนึ่งในนั้นก็ร้องตะโกนถามขึ้นว่า
“ซูอาน นี่แกยังจะกล้ามาโรงเรียนอีกหรอ?”
ฉีเจียนยกมือขึ้นชี้หน้าซูอานพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ฉีเจียนรู้จักกับโจวเทียนห่าวจึงไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่ซูอานกลับไม่สนใจคำพูดของฉีเจียน และไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำไป
เจียงเหวินเหวินที่เฝ้ามองอยู่ด้วยความเป็นห่วง จึงรีบร้องถามซูอานว่า “ซูอาน นายมาโรงเรียนทำไมกัน? ไม่รู้เหรอว่าโจวไห่หวงกำลังตามหาตัวนายไปทั่วทั้งเมือง?”
เจียงเหวินเหวินเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของซูอาน ทั้งคู่นั่งข้างกันและเจียงเหวินเหวินก็แอบชอบซูอานมานานแล้ว แต่ซูอานกลับไม่เคยรับรู้
“อืมม..”
ซูอานตอบกลับเพียงแค่สั้นๆ น้ำเสียงของเขาเฉยชา และดูเหมือนไม่ต้องการที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เขาไม่สามารถบอกกับใครได้ว่าตนเองได้จัดการกับโจวไห่หวงจนหมดฤทธิ์ไปแล้ว และโจวไห่หวงยังถึงกับยินยอมเป็นม้าเป็นวัวให้เขาขี่ด้วย แต่ต่อให้เขาพูดออกไปเช่นนั้นจริงๆ ก็คงไม่มีใครเชื่อเขาอยู่ดี!
ฉีเจียนกรอกตาไปมาคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งอยู่ จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาใครบางคน แต่หลังจากที่เขาแจ้งเรื่องซูอานให้กับปลายสายรู้ บุคคลปลายสายกลับตัดสายทิ้งด้วยความโมโหทันที
“ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ?”
ฉีเจียนไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้โจวไห่หวงให้คนตามหาซูอานไปทั่วทั้งเมือง แต่ตอนนี้เขาโทรแจ้งว่าพบซูอาน ฝ่ายนั้นกลับรีบตัดสายทิ้ง และไม่ยอมคุยอีกเลย
“ต้องมีอะไรผิดปกติแน่!”
“นี่.. หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ!”
ซือเหวินเจียนที่นั่งอยู่แถวที่สองจากด้านหลัง ขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองซูอานที่กำลังเดินเข้ามาตาเขม็ง
เธอไปเยี่ยมโจวเทียนห่าวที่โรงพยาบาลหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งเธอก็จะได้ยินโจวเทียนห่าวร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า
“ฉันต้องฆ่าซูอาน!”
แต่เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่เธอไปเยี่ยมโจวเทียนห่าวที่โรงพยาบาล กลับพบว่าโจวเทียนห่าวหายตัวไปแล้ว เธอไม่สามารถติดต่อเขาได้เลยไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ ส่งข้องความผ่าน WeChat หรือQQ ไปก็ไม่มีการตอบกลับ ทำให้ซือเหวินเจียนรู้สึกถึงความผิดปกติ
และยิ่งได้เห็นซูอานมาโรงเรียนในวันนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เวลานี้ซือเหวินเจียนรู้สึกสับสนและงุนงงอย่างมาก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกสองสามครั้ง แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหาซูอานที่ยังคงอยู่ในอารมณ์และท่วงท่าสงบนิ่ง
“ซูอาน.. แกยังกล้ากลับมาที่นี่อีกเหรอ?”
ซือเหวินเจียนขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับจ้องหน้าซูอานเขม็ง แต่ยิ่งเธอขมวดคิ้วทำหน้าตาเคร่งเครียด ก็ยิ่งทำให้ซือเหวินเจียนดูสวยงามและมีเสน่ห์มากขึ้น
ซูอานเพียงแค่เหลือบมองซือเหวินเจียน แต่กลับไม่ตอบคำถามของเธอ..
“บอกมา.. ตอนนี้โจวเทียนห่าวอยู่ที่ไหน?”
ในที่สุดซือเหวินเจียนก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก เธอร้องตะโกนใส่หน้าซูอานด้วยความเคียดแค้นใจ
สีหน้าของซูอานเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นเพราะในความทรงจำของเขานั้น มีภาพของหญิงสาวคนนี้อยู่มากมาย แต่นั่นก็เป็นเพียงความทรงจำของซูอานคนก่อนเท่านั้น หาใช่ความทรงจำของจักรพรรดิเสียนอู่ไม่!
“เขาอยู่ที่ใด แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า?”
ซูอานตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่างเปล่า แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองโดยไม่แยแสกับซือเหวินเจียนอีกเลย
ซือเหวินเจียนเห็นซูอานเดินไปนั่งหลับตาที่โต๊ะโดยไม่สนใจตนเองเช่นนั้น ก็ถึงกับโมโหจนควันออกหู
“อย่าอวดดีไปหน่อยเลย! ฉันจะโทรหาลุงโจวเดี๋ยวนี้ ให้ลุงโจวส่งคนมาจับตัวแกไป!”
“จะทำอะไรก็รีบทำ อย่าได้มาร้องตะโกนหนวกหูต่อหน้าข้าเช่นนี้!”
เมื่อได้ฟังคำตอบของซูอาน ซูเหวินเจียนก็เดินกระแทกเท้าเสียงดังออกไปด้วยความโมโห
“พอไม่มีโจวเทียนห่าวคอยให้เงินใช้ ซือเหวินเจียนคงจะลำบากน่าดูสินะ!”
เจียงเหวินเหวินได้แต่พูดจาเย้ยหยันออกมา เพราะตลอดเวลาเธอเองก็มักจะอิจฉาในรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของซือเหวินเจียนอยู่ตลอด
ฐานะทางบ้านของซือเหวินเจียนนั้นไม่ได้ร่ำรวยอะไร และที่เธอเข้ามาเรียนในโรงเรียนยู่หลงได้นั้น ก็เพราะว่ามีผลการเรียนที่ดีเท่านั้นเอง
เหตุผลที่เธอยอมคบหากับโจวเทียนห่าวก็เพราะเงินของเขานั่นเอง ในโลกวัตถุนิยมเช่นนี้ เงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ!
ซูอานได้ยินคำพูดของเจียงเหวินเหวิน แต่เขาคร้านที่จะสนใจเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดคือการค้นหาแหล่งที่มีพลังชีวิต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
แต่เจียงเหวินเหวินที่นั่งข้างซูอานนั้น ก็สร้างความปวดหัวให้กับซูอานไม่น้อย เธอนำขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม แล้วก็ของกินอีกมากมายขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับชักชวนให้ซูอานกิน
“นี่ซูอาน.. หลายวันมานี้นายคงเจอเรื่องกดดันมาเยอะสินะ มากินนี่ดีกว่า ซุปสมองหมู กินบำรุงสมองของนายสิ!”
เจียงเหวินเหวินแสดงท่าทีและพูดจาเป็นห่วงเป็นใย แต่ซูอานกลับตอบไปด้วยน้ำเสียงเฉยชาเช่นเคย
เขายกมือขึ้นโบกปฏิเสธพร้อมกับตอบไปว่า “สมองของข้าไม่จำเป็นต้องได้รับการบำรุง เจ้าบำรุงสมองของเจ้าจะดีกว่า!”
“นี่นายกล้าพูดประชดฉันเหรอ?”
เจียงเหวินเหวินตอบกลับด้วยความโมโห พร้อมกับยกกำปั้นเล็กๆชูใส่หน้าซูอาน มีหรือที่ซูอานจะกลัวแต่เขาไม่ต้องการที่จะตอบโต้ต่างหาก เวลานี้ความวุ่นวายของเจียงเหวินเหวินทำให้เขานึกเสียใจที่ตัดสินใจมาโรงเรียน
….
และทันทีที่หมดคาบเรียนสุดท้าย ซูอานก็รีบคว้ากระเป๋านักเรียนวิ่งออกไปนอกห้องทันที เขาต้องการหนีไปให้ไกลจากเจียงเหวินเหวินมากที่สุด
“ซูอาน.. ตาบ้านี่! ฉันดีกับนายขนาดนี้ นายยังไม่เข้าใจอีกหรือไง?”
เจียงเหวินเหวินร้องออกมาด้วยความโมโห จากนั้นจึงคว้ากระเป๋านักเรียนเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย