ตอนที่ 44 ระดับผู้ควบคุม
ตอนที่ 44 ระดับผู้ควบคุม
ดอนมองออกไปที่ขบวนผู้อพยพ จากบนยอดเขาด้านหลังวิหารเก่า จำนวนมากหลังไหลกันเข้ามาและก็ ผ่านไปของเทือกเขาโบเมาท์ ด้วยคนหลายล้านที่เยียบย้ำผืนป่าจึงเกิดเป็นเส้นทางเดินที่ยาวตัดผ่านเทือกเขา
สภาพผู้อพยพนั้นดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ซิเรียตอนนี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ดอนอย่างเงียบสงบแต่อุปกรณ์บนตัวเธอนั้นดูดีและใหม่พอสมควรเธอมีมีดเงาปีศาจอยู่ที่เอว เกาะหนังที่ทำมาจากสัตว์ร้ายระดับสามที่ดูใหม่เป็นอย่างมาก
ผิดกับดอนที่ตอนนี้ดูจะซูบผอมลง หน้าตาหมองคล้ำเนื่องจาก ช่วงที่ผ่านมาเขาเอาแต่ปรุงยาจนไม่ได้หลับได้นอน ตอนนี้เขาเก็บผลึกพลังงานได้ ถึง 12,000 ก้อน
มันคือจำนวนเงินที่มาก แม้แต่จอมอาคมก็ยังอิจฉาการทำเงินของเขามันใช้เวลาแค่ 6 วันเท่านั้น
ถ้าไม่เป็นเพราะยาที่ขาดแคลนในช่วงนี้ ทำให้ราคายาที่ใช้ในการรักษามีราคาแพงขึ้นเป็นอย่างมาก เขาคงต้องใช้เวลาอีกมากในการรวบรวมผลึกพลังงานก้อนนี้
ตอนนี้ราคาวัตถุดิบก็แพงขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงหยุดหลอมยาผงห้ามเลือดและยาผสานกระดูกและหันมาศึกษาเรื่อง สนามพลังงาน เพื่อที่จะใช้ในการเรียนคาถาหลุมศพ
เนื่องความรู้ในเรื่องของคาถาของเขายังน้อยเกินไป ตอนนี้เขามีแค่คาถา หอกดิน และ กำแพงผู้พิทักษ์ ซึ่งทั้งสองเป็นแบบปรับปรุง ที่มีพลังโจมตี 15 หน่วย และ พลังป้องกัน 12 หน่วย ตามลำดับเท่านั้น
“คาถาหลุมศพ ”
“ประเภทควบคุม”
“พลังจิตที่ใช้ 5 หน่วย”
“พลังงานที่ใช้ 20 หน่วย”
“ความสามารถ : จะเปลี่ยนพื้นที่ในระยะ 10 เมตรเป็นหลุมทรายดูดทุกอย่างที่อยู่ในระยะลงไป เป็นเวลา 3 นาที”
“ทักษะที่ต้องใช้ : ต้องมีความรู้ในเรื่องการควบแน่นวัตถุและสนามพลังงาน”
ดอนทบทวนตัวคาถาซึ่งเขาใช้แต้มสงครามในการแลกมา ตอนนี้เขามีแต้มสงครามอยู่ 2,000 แล้วที่ได้จากภารกิจปรุงยา
ขณะที่เขาทบทวนคาถาอยู่ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเรือเหาะขนาดใหญ่ที่ตอนนี้มีสภาพเละเทะยับเยินบินผ่านมาหยุดอยู่ที่ยอดเขา
‘นั้นมันเรือเหาะของหน่วยที่ทำภารกิจโจมตี มันควรที่จะกลับมาหลังจากนี้อีก 5 วัน หลังจากที่ผู้อพยพได้เดินทางข้ามผ่านไปหมด?’ ดอนกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ ‘หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?’
หลังจากนั้นเขาก็ได้รับแจ้งข่าวที่น่าตกใจทางตราหัวหน้าหน่วย นั้นคือ ตอนนี้กองทัพเกสเพนสท์ที่บัญชาการโดยคนของลัทธิบูชาปีศาจกำลังเดินทางมุ่งหน้ามาที่นี่และจะปะทะกับแนวหน้าในเขตเทือกเขาโบเมาท์อีก 3 วัน
“3 วัน น่าจะทัน” ดอนพึมพำออกมาหลังจากนั้นเขาก็เดินกลับเขาไปในห้องใต้ดิน
และเฝ้ารอเวลาอย่างใจจดใจจอหละแล้วก็ครบ 7 วันแห่งการรอคอยในที่สุด
[รูนศิลาทมิฬระดับมนุษย์ ความสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็น]
[ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อย]
ดอนรีบนมผลึกพลังงานออกมา 10,000 ก้อนจากนั้นก็ย่อยสลายมันใช้เวลาอยู่เกือบ 1 วันเต็ม แล้วเข้าไปในโลกภายในลูกบาศก์วิญญาณและเริ่มสร้าง รูนศิลาทมิฬ ความสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็น 1 รูนใช้พลังงาน 1200 หน่วย เขาต้องการ 75 รูนพลังจิต เพื่อให้พลังจิตครบ 100 หน่วยทะลวงผ่านระดับเป็น ผู้ควบคุม
[สร้าง 75 รูนศิลาทมิฬระดับมนุษย์ ใช้พลังงานวิญญาณ 90,000 หน่วย ใช้เวลา 1 ชั่วโมง]
[ใช่/ไม่]
“ใช่! เอาละมาเริ่มกันเลย”
หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมงดอนก็เริ่มชักนำรูนศิลาทมิฬออกจากลูกบ่ศก์วิญญาณและเข้าไปในอาณาเขตวิญญาณ
เมื่อเข้าไปในอาณาเขตวิญญาณรวมทั้ง 75 ตัวก็เริ่มที่จะผสานรวมเขาไปในวงจรหลอมรวมรวมเข้ากับรูนอีก 25 ตัว
รูนทั้ง 100 ตัวเริ่มแสดงพลังของมันออกมา กลายเป็นหลุมชักนำอนุภาคดินที่อยู่รอบด้านเข้ามาอย่างต่อเนื่องรัศมีของมันกินบริเวณถึง 1,000 เมตร
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าดอนอยู่ใต้ดินลึก 10 เมตรละก็มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
ตอนนี้มีแค่ซิเรียที่ถูกสั่งให้รออยู่ด้านนอกห่างออกไป 2 กิโลเมตรอยู่ก่อนแล้ว เป็นคนเดี่ยวที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นดินในบริเวณที่ดอนอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
เธอรู้สึกอึดอัดพอสมควร แต่ก็ไม่แปลกถ้าเธอเข้าใครดอนในช่วงเวลาที่รูนพลังจิตทั้ง 100 ตัวกำลังดูดซัพอนุภาคพลังงานธาตุดินอยู่ละก็พลังงานในร่างกายเธอก็จะถูกดูดออกไปจนหมดและอาจจะตายได้เลย
และถ้าเป็นแค่คนธรรมดานั้นพวกเขาคงสติแตกดับร่างกายสลายตายทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
เหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่ 20 นาที หลุมน้ำวนก็เริ่มหดกลับเข้ามาพร้อมกับพลังงานที่เติมเต็มเข้ามาในวงจรอาคม
รูนแต่ละตัวเริ่มต่อกันเป็นวงจรอาคมผสานเข้ากับของเดิม พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว อาณาเขตวิญญาณเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
อาณาเขตวิญญาณของเขาเป็นแค่ระดับ 3 เท่านั้น ซึ่งขีดจำกัดของมันคือ 1,000 รูนพลังจิต ดังนั้นมันจึงหยุดสั่นไหวและเริ่มปรับสมดุลขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้นการรับรู้ของเขาก็ขยายออกไป 100 เมตรในพิบตา และยังคงขยายต่อออกไปอีกตามรูนพลังจิตที่สร้างขึ้นมาจากพลังงานที่เหลือ
101 เมตร
111 เมตร
121 เมตร
ในครั้งนี้เขาสามารถสร้างรูนเพิ่มมาได้ถึง 21 ตัว
เมื่อพลังจิตของเขาข้ามผ่าน 100 หน่วยมาเป็น 121 หน่วยได้ก็หมายความว่าเขากลายเป็นผู้ควบคุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากทุกอย่างสงบลงดอนก็ยังนั่งปรับสมดุลพลังอยู่อีกสักพักและเขาก็ทำความเข้าในการรับรู้ในช่วงที่ทะลวงผ่าน
เขาเกิดการรับรู้บางอย่างขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ ความเข้าใจเรื่อง สนามพลัง ที่เขาศึกษา อยู่ก็เข้าใจมันอย่างทะลุปรุโปร่ง เข้าเชื่อว่าตอนนี้เขาสามารถเริ่มใช้คาถาหลุมศพได้แล้วแต่คงต้องฝึกเพื่อให้เกิดความชำนาญอีกสักหน่อย
หลังจากผ่านไป 4 ชั่วโมง ดอนก็เก็บเกี่ยวทุกอย่างที่ได้ในครั้งนี้จนเสร็จสมบูรณ์จากนั้นเขา ก็ให้ระบบโลกลูกบาศก์วิญญาณตรวจสอบตัวเขา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ง่ายมากสำหรับระบบโลกลูกบาศก์วิญญาณ
“เผ่า : มนุษย์”
“อายุ : 20 ปี”
“ระดับ : ผู้ควบคุม”
“อาณาเขตวิญญาณ ขั้น 3 : 121 หน่วย”
(witterry : พอดีหลายตอนลืมแก้ มันคือหน่วยรูน รูน 1 ตัวเก็บพลังงานได้ 10 หน่วย อาณาเขตวิญญาณขั้น 3 เก็นรูนได้ 1,000 ตัวคือสูงสุด)
“พลังจิต : 121 หน่วย”
“พลังงาน : 0 หน่วย”
“พลังกาย : 11 หน่วย”
“ความอึด : 14 หน่วย”
“ความเร็ว : 4 เมตร/วินาที”
“สัมพันธ์ธาตุ : โลหะ 50 % ,ดิน 17 %”
ตอนนี้พลังจิตของเขาก้าวผ่านมาเป็นผู้ใช้พลัง เป็นระดับผู้ควบคุมแล้ว พลังจิตของเขาสามารถเพิ่มได้อีกจนถึง 1000 หน่วยแต่นั้นคือขีดจำกัดของอาณาเขตวิญญาณของเขาแล้ว
“ข้าต้องหาวิธียกระดับอาณาเขตวิญญาณแต่จะด้วยวิธีไหน?” ดอนไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไร ถึงอย่างไรพรสวรรค์ก็ยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถในการก้าวหน้าของพลังยิ่งระยะเวลานานเท่าไหร่ความห่างชั้นของอัจฉริยะและขยะก็ยิ่งชัดเจน
ถ้าเขาไม่มีลูกบาศก์วิญญาณช่วยในการสร้างรูนทั้ง 75 ตัว เขาคงต้องใช้เวลานับ 10 ปี ในการผ่านระดับเป็นผู้ควบคุมหรือนานกว่านั้นเพราะตอนนี้แม้แต่ริลิธ และอิกรีออนที่มีพรสวรรค์สูงกว่าเขาก็ยังไม่ทะลวงผ่านระดับ ผู้ใช้พลังงาน
แต่อีกไม่นานทั้งสองคนจะต้องตามเขาทันอย่างแน่นอน และต้องก้าวผ่านเขาไปด้วยเพราะดูท่าแล้ว เขาจะยังคงติดอยู่ในระดับนี้อีกนานถ้ายังไม่สามารถหาวิธียกระดับขั้นของอาณาเขตวิญญาณ
ดอนสายหัวและสลัดความคิดพวกนั้นทิ้งไปก่อนตอนนี้เขาหันมาสนใจค่าของ พลังกาย ความอึด และความเร็วมันเพิ่มขึ้นมาอย่างละ 2 ซึ่งถือว่าใช้ได้ จุดอ่อนของเขาก็ยังคงเป็นร่างกายอยู่เหมือนเดิม
‘ถ้าผู้ใช้พลังงานฝึกหัด พลังจิตถูกใช้จนเกลี้ยง ก็ไม่สามารถแม้แต่สู้นักรบขั้น 3 ได้ ถึงแม้ว่าเวลาปกติจะใช้แค่พลังจิตไม่กี่หน่วยก็จัดการนักรบธรรมดาได้แท้ ๆ’ ดอนคิดในใจพร้อมทั้งจำไว้ในใจว่าจะต้องสำรองพลังจิตไว้เสมอเพื่อ
หลังจากนั้นเขาก็ดื่มยาพลังงานฟื้นฟูพลังงาน 30 หน่วย แต่มันยังเติมเต็มพลังงานไม่ถึงครึ่งของเขาเลยที่มันมีถึง 1,210 หน่วย
ดอนเดินออกมาจากห้องใต้ดินก็เห็นซิเรียที่นั่งรอเขาอยู่ ดอนจึงชวนเธอออกไปล่าอะไรในป่า
ตอนนี้เขารู้สึกหิวและต้องการพลังงานเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะดื่มยาพลังงานไป 3 ขวดแล้วก็ตามแต่มันก็ยังไม่เพียงพอและไม่สามารถเติมเต็มรสชาติในการกินอาหารได้อย่างแน่นอน
ระหว่างทางที่ลงจากภูเขาตอนนี้มันก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว เขาไม่ได้ออกไปไกลมากนักเพราะกองทัพเกสเพนสท์ยังคงสู้ฝ่าเข้ามาในเทือกเขาโบเมาท์อย่างต่อเนื่อง
ถ้าเขาออกไปไกลและประมาทไปอยู่ในวงล้อมของมันละก็จบเห่แน่
ระหว่างทางเดินหาร่องรอยของสัตว์ป่านั้นเขาก็โคจรเทคนิคการฝึกฝนพลังงานกลั่นปฐพีไปด้วยแต่เมื่อรู้สึกว่ามันช้าเล็กน้อยที่จะกลั่นแต่พลังงานจากพื้นดินเขาจึงหยิบผลึกพลังงานออกมาและให้เทคนิคการฝึกฝนพลังงานกลั่นปฐพีดูดซับจากผลึกพลังงานไปพร้อมกัน
ทุกครั้งที่เขาเหยียบลงไปบนพื้นดินอนุภาคดินก็จะหายไป ถ้าเขาหยุดอยู่กับที่มันจะให้ผลที่ดีกว่านี้มากนัก หลังจากหมดพลักพลังงานไป 10 กว่าก้อน เขาก็เจอกับร่องรอยของหมูป่า เมื่อเดินตามลอยไปสักพักเขาก็เจอตัวมันมันคือหมูป่าเขี้ยวเหล็ก ดูเหมือนมันจะกินอะไรบางอย่างอยู่
ดอนถึงกับลังเลห์ หมูป่าตัวนี้คือสัตว์ร้ายระดับสอง ตัวมันใหญ่ประมานวัวโตเต็มไวเท่านั้น แต่หมูป่าเขี้ยวเหล็กนั้นมีหนังที่หนาราวกับเกาะเหล็กมีเขี้ยวเหล็กสองข้างเหมือนดาบยาว และความเร็วของมันนั้นก๋ไม่ใช่น้อย ๆ เลย
แต่เขาก็ยังตัดสินใจลงมือ หมูป่าเขี้ยวเล็กไม่ใช่คู่ซ้อมในการใช้คาถาหลุมศพ ที่ดีหรอกหรือทั้งพลังและความเร็วความทนทานก็สูงมันคือคู่ซ้อมที่สวรรค์ส่งมาชัด ๆ
“เจ้าออกไปล้อมันมาตรงนี้ จำไว้แค่ยั่วโมโหให้มันวิ่งมาที่นี่ก็พอ”เขาให้ซิเรียออกล้อมันมา
หลังจากนั้นสักพักซิเรียก็วิ่งมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านดอน ข้ามันตามมาแล้ว” ซิเรียวิ่งนำหน้ามันมาและตระโกนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนาน
อู๊ด ๆ ฮ๊าค โฮค ! หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องของหมูป่าโดยตรงตามมาข้างหลังของเธอ
เมื่อถึงจุดที่ดอนกำหนดไว้เธอก็หยุดวิ่งและหันไปมองหมูป่าที่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะโกรธเธอเป็นอย่างมาก ดอนไม่รู้ว่าเธอยั่วโมโหมันได้อย่างไรมันถึงได้บ้าคลั่งแบบนี้
แต่เขาก็ไม่สนมันกลับดีซะอีก
หมูป่าเขี้ยวเหล็กเห็นว่าซิเรียหยุดรอมันแบบนั้น มันก็คิดว่าโอกาศมาถึงแล้วใช้กำลังทั้งหมดพุ่งตรงเข้าใส่เธอด้วยดวงตาที่แดงกล่ำ
แต่แล้วอยู่ ๆ ก็มีกำแพงดินขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาอยู่ตรงหน้า มันจะหยุดก็ไม่ทันเสียแล้ว หัวของมันชนเข้าอย่างแรงจนเขี้ยวเหล็กติดฝังไปกับกำแพงผู้พิทักษ์ที่ตอนนี้ถึงกลับเกิดรอยร้าวหน่อย ๆ
อู๊ด ๆ ! มันถึงกับร้องเสียงหลงและพยายามจะดึงเขี้ยวเหล็กทั้งสองข้างของมันออกมา แต่ตื่นแล้วมันก็รู้สึกว่าเท้าของมันกำลังจมลงในดินอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความที่มันรู้สึกถึงวิกฤติที่กำลังเข้ามาจึงใช้แรงทั้งหมดดึงเขี้ยวเหล็กจนออก และพยายามวิ่งออกจากพื้นที่ของคาถาหลุมศพ
แน่นอนว่าดอนไม่ยอมปล่อยให้มันหนีไปได้ง่ายๆเขารีบสร้างกำแพงผู้พิทักษ์ ล้อมปิดเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมันไว้อยู่ตรงกลาง
จากนั้นก็ยิงหอกดินซ้ำออกไปอีก 1 เล่ม การทำลายของหอกดินนั้นสูงมากถึง 15 หน่วย แต่เมื่อยังได้พลังเสริมจากรูนศิลาทมิฬอีกทำให้กำลังทำลายของมันขึ้นไปสูงถึงเกือบ 27 หน่วย
ซึ่งแน่นอนว่าตัวหมูป่าเชื่อมเหล็กที่เป็นแค่สัตว์ร้าย ระดับ 2 ไม่สามารถทนได้ถูกยิงจนทะลุ แต่พลังชีวิตของมันนั้นน่าเหล ือเชื่อเป็นอย่างมากมันยังไม่ตาย มันชนกำแพงจนพังและมองไปที่ดอนและซิเรียอย่างแค้น ตอนนี้มันไม่สามารถขยับตัวได้เนื่องจากขาทั้ง 4 ข้างของมันติดอยู่ในคาถาหลุมศพ
หลังจากผ่านไป 3 นาทีคาถาก็คลายออกพื้นทรายเริ่มเปลี่ยนกลับเป็นดิน
ดอนไม่ได้เขาไปซ้ำ เขารอให้มันหมดแรงและเลือดออกตายไปเอง เพราะเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปเสียงว่ากันว่าสุนัขเมื่อใกล้ตายมันจะสู้ด้วยทุกอย่างที่มีจนตาย แล้วนับประสาอะไรกับหมูป่าเขี้ยวเหล็กที่ใช้พลังชีวิตครั้งสุดท้ายพลังมันต้องน่ากลัวอย่างแน่นอน
หลังจากรอยู่ครึ่งชั่วโมงมันก็ล้มลง ดอนค่อย ๆ เอาเดินเข้าไปให้มันแล้วเอาไม้เขี่ยดู ทันใดนั้นสัญชาตญาณของเขาก็รู้สึกถึงอันตราย ดอนรีบกระโดดให้เรามาทันที
หมูป่าที่ดูเหมือนจะตายไปแล้วลุกขึ้นมาและใช้แรงทั้งหมดกระแทกลงไปบริเวณที่ดอนเคยยืนอยู่
แต่เมื่อรู้ว่ามันทำไม่สำเร็จก็มองไปที่ดอนอย่างอาฆาตและตายลง
“ครั้งนี้มันคงตายจริง ๆ แล้วสินะ” ดอนเขี่ยมันดู ซิเรียที่หลบไปอยู่ด้านข้างตั้งนนานแล้วก็เดินมาดูเช่นกัน
………………………………………………………………………..
witterry : ช้าหน่อยแต่ลงนะครับ ลงเรื่อย ๆ เท่าที่ไหว ตอนนี้ผมมีนิยายอีกเรื่องแนะนำ แต่งเองครับ ใครสนใจก็ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ เรื่อง re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง