เล่ม1 : บทที่ 60 – อัสซี
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 60 – อัสซี
งูดินอันดับสามถอยออกไปเมื่อเกิดบาดแผลบนเรือนร่างของมันแต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ สหายเลือดของโนอาห์ใช้คมเขี้ยวของมันเข้าโจมตีงูดินจากทางด้านหลัง
โนอาห์ให้มันถอยจากภายในร่างกายและปล่อยให้มันพุ่งไปโจมตีงูดินตามความเร็วการโจมตีของมันเอง สหายเลือดจมเขี้ยวของมันเข้าไปยังร่างกายของสัตว์อันดับสามและโนอาห์ก็ตามมาฟาดฟันคลื่นลมอย่างต่อเนื่องนับสิบครั้ง
งูดินไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีได้เลย เนื่องจากงูของโนอาห์โจมตีมันอย่างต่อเนื่องและยังถูกโถมการฟาดฟันนับครั้งไม่ถ้วนของโนอาห์อีกระลอก
โนอาห์ดูดซับสหายเลือดอีกครั้งและปล่อยมันไปยังฝูงงูที่เหลือส่วนตัวเขากระโดดไปหาสัตว์อันดับสาม สหายเลือดของเขาฟาดร่างของมันใส่ยังฝูงงูอันดับสองและโจมตีใส่อย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ทุกครั้งที่ร่างกายของมันถูกได้รับบาดเจ็บ “ลมหายใจ” บางส่วนของโนอาห์ก็จะถูกแบ่งมาใช้เพื่อรักษา
ในไม่กี่นาทีนับตั้งแต่เริ่มการปะทะ ปริมาณ “ลมหายใจ” ของโนอาห์ก็ลดลงเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว ในขณะที่สหายเลือดยังคงโจมตีใส่ฝูงงูอย่างต่อเนื่อง โนอาห์เองก็ต่อสู้ลำพังกับงูอันดับสามอย่างไม่ลดละเช่นกัน
เขาสามารถสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้มันได้หลายต่อหลายจุดในช่วงการปะทะครั้งแรก ๆ และกดดันต่อด้วยการโจมตีของเขาเพื่อค่อย ๆ ทอดความแข็งแกร่งของงูลงไปเรื่อย ๆ
งูดินอันดับสามคือคือสัตว์อันดับสาม สติปัญญาของมันเหนือกว่าสัตว์เวทมนตร์ตัวอื่น ๆ ที่อ่อนแอกว่า มันเข้าใจดีถึงข้อได้เปรียบจากผู้รุกรานในตอนแรก แต่ตอนนี้สถานการณ์พลิกผันไปเป็นน่ากลัว ดังนั้นมันจึงยังคงปกป้องหัวของมันได้ดีที่สุดเพื่อรอให้ฝูงงูที่เหลือเข้ามาให้การช่วยเหลือ
แต่โนอาห์ไม่อาจปล่อยให้เวลาผ่านไปเนื่องจากปริมาณ “ลมหายใจ” ที่กักเก็บอยู่ภายในร่างกายของเขาลดลงอย่างรวดเร็วในทุก ๆ ครั้งที่เขาใช้ในการต่อสู้ และการดูดซับจากจุดฝังเข็มก็แทบจะไม่พอที่จะสนับสนุนการต่อสู้ของสหายเลือด
เขาแทงดาบเข้าที่ผิวหนังของงูอย่างรุนแรง บาดแผลฉกรรจ์เกิดขึ้นสะสมต่างจุดต่าง ๆ ของร่างกายงูอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุให้เลือดไหลออกจากร่างเหมือนน้ำตก เมื่อบาดแผลมากเกินกว่าสี่สิบจุดปรากฏบนร่างของงู ในที่สุดมันก็เคลื่อนไหวช้าลง และโนอาห์ก็สามารถพุ่งเข้าใส่ดวงตาข้างหนึ่งของมันได้อย่างแม่นยำขึ้น
งูดินดิ้นอย่างทุรนทุรายเมื่อดาบแทงเข้าที่หัวของมันแต่แล้วมันก็หยุดดิ้นเนื่องจากมีปากพร้อมเขี้ยวแหลมคมขนาดใหญ่กัดเข้าที่คอของมัน สหายเลือดปรากฏตัวขึ้นที่ด้านล่างและโจมตีใส่มันทันที
ฝูงงูอันดับสองไม่สามารถตามความเร็วงูของโนอาห์ที่ถอยกลับเข้ามาในร่างของเขาได้ และถูกทิ้งไว้อยู่ข้างหลังเพื่อเฝ้าดูช่วงเวลาสุดท้ายของจ่าฝูง
งูดินทรุดลงกับพื้นและโนอาห์ก็แทงดาบเข้าที่หัวของมันอีกครั้ง ส่วนสหายเลือดของเขาฉีกทึ้งเนื้อชิ้นใหญ่บริเวณคอออกมา เหลือไว้เพียงแค่หัวใกล้ขาดของศัตรูที่ห้อยอยู่ติดกับร่างไร้วิญญาณ
งูดินอันดับสามตายแล้ว!
งูในฝูงที่เหลือจ้องสองร่างที่อยู่ไม่ไกลจากพวกมันและจากนั้นก็หายตัวไปด้วยความกลัว โนอาห์มองฝูงงูที่กำลังถอยหนีไปและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาแทบหมดแรงและฝูงงูนั้นก็มีงูอันดับสองราวยี่สิบตัว ถ้าพวกเขาต่อสู้กัน เขาอาจจะต้องหลบซ่อนในร่างของสหายและถอยหนี
เขาถอนเขี้ยวงูจากซากศพงูดินทุกตัวที่พบอยู่บนพื้นและรีบถอยกลับไปยังถ้ำแรกที่พบหลังจากนำเขี้ยวทั้งหมดเก็บไว้ในแหวนปริภูมิเรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่กล้าถอนเขี้ยวจากศพของงูมีหงอนอันดับสามเนื่องด้วยพิษที่รุนแรงของมัน
เมื่อเขามาถึงยังจุดปลอดภัย เขาก็พักผ่อน และความเหนื่อยล้าที่มาจากการต่อสู้ก็เข้าโจมตีเขา
‘การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายมาก! ถ้า “ลมหายใจ” หมดระหว่างต่อสู้ฉันคงคราววาระ แต่การมีเจ้าหมอนี่มาช่วยต่อสู้ในหลาย ๆ ทิศทางที่ต้องการช่างเป็นอะไรที่มีประโยชน์มากทีเดียว อยากรู้จริง ๆ ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันถ้ามันได้มาเป็นธาตุของฉัน’
หัวของสหายโผล่ออกมาจากร่างของโนอาห์และจ้องมองเขา โนอาห์เพียงลูบหัวมันและคิดในใจต่อ
‘ความสามารถในการเข้าและออกจากร่างของฉันที่ความเร็วเท่านั้นเป็นหนึ่งในลักษณะของคาถาที่แข็งแกร่งขึ้น อีกอย่างคือความสามารถในการรักษาเจ้านี่ก็คือแทบทำได้อย่างไม่จำกัดเลยถ้าฉันมี “ลมหายใจ” เพียงพอที่จะสนับสนุน มีเพียงแค่ได้รับการโจมตีที่รุนแรงจริง ๆ เท่านั้นที่จะบังคับให้ตัวมันต้องจำศีลเพื่อฟื้นฟูร่างกาย’
โนอาห์นำเนื้อออกมาจากแหวนและกินจนอิ่ม จากนั้นก็เดินไปยังในสุดของถ้ำเพื่อเอนกายลงบนพื้นและหลับไป เจ้างูที่ไม่มีตัวตนชูหัวออกมาจากร่างของโนอาห์ขณะจ้องมองโดยรอบอย่างระมัดระวัง
‘การจ่าย “ลมหายใจ” เพื่อใช้กับสหายเลือดนั้นไม่ได้เยอะนักเนื่องจากแทบจะเป็นอิสระต่อกัน ออกคำสั่งไปเพียงแค่ครั้งเดียวก็ได้ผลลัพธ์นานร่วมชั่วโมง เดาว่าเป็นสมดุลตามข้อกำหนดสำหรับการเปิดใช้คาถาและแรงกดดันที่สม่ำเสมอจะบังคับมายังผู้ใช้งานเนื่องจากมีการแบ่งปันประสาทสัมผัสร่วมกัน’
เขาจำประโยคจากบันทึกของยูเรียได้บางส่วนและตอบรับอยู่ภายในใจ
‘ไม่แปลกที่ยูเรียเรียกมันว่า “สุดยอดแห่งศิลปะ” เพียงแค่ต่อสู้ร่วมแทนที่จะเป็นคนเดียว พลังของมันก็เทียบเท่ากับเวทมนตร์ที่ออร์สันใช้ นี่ยังไม่รวมถึงลักษณะอื่น ๆ ของสหายเลือดและความจริงที่ธาตุของเราสองคนต่างกันอีกด้วย’
โนอาห์รู้สึกพอใจกับพลังของคาถาอย่างมากและรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งเห็นไปในการต่อสู้ครั้งล่าสุดยังยังไม่เต็มศักยภาพที่แท้จริง
‘ถ้าตันเถียนปรากฎและเจอธาตุของตัวเองแล้ว ฉันคงต้องเปลี่ยนสหายเลือดไม่งั้นเราคงเสียความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคาถาไปโดยเปล่าประโยชน์’
เขาหันกลับมามองหัวของงูที่กำลังปกป้องเขาและยิ้มให้เล็ก ๆ
‘ตั้งชื่อให้สักหน่อยก็น่าจะดี เอาเป็น อัสซี เพื่อให้เป็นเกียรติแก่ผู้ที่สรรสร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมาก็แล้วกัน’
จากนั้นโนอาห์ก็หลับตาลงและหลับไป โดยมีสหายเลือดที่มีชื่อว่าอัสซีคอยเฝ้าดูแลเขาอย่างเข้มงวด