ตอนที่ 225-226
ตอนที่ 225 : หนทางแก้ปัญหา
“มีเถ้าแก่อยู่ยังต้องกลัวอันใด?”
หลิวลู่อวี่หันมองทางเหว่ยอี้ ถัดจากนั้นจึงหันมองทางลั่วฉวนที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ
กำลังของเถ้าแก่เป็นอะไรที่ไม่อาจหยั่งได้ถึง ขณะนี้เผยเพียงสีหน้าเรียบเฉย เรื่องนี้เป็นผลให้กลุ่มคนวางใจ
“นั่นก็จริง” เหว่ยอี้คิดไปครู่ก่อนจะพยักหน้ารับ
ขณะนี้เองที่เหล่าไป่และคณะต่างได้ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ไวน์หยกมีเพียงหนึ่งขวด เห็นได้ชัดว่านี่ต้องเป็นการแย่งชิง ผู้ที่สามารถซื้อได้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
“ไวน์หยกมีเพียงหนึ่งขวด คิดเห็นเช่นไรกัน?” เซี่ยหยวนหันมองรอบด้านก่อนจะหรี่ดวงตาลงเล็ก
ครั้งล่าสุดเขาเลือกไม่แย่งไวน์หยก เป็นเพราะครั้งนั้นหยิงอู๋จี้เป็นฝ่ายมาก่อน
นอกจากนี้แล้วทั้งสองฝ่ายยังคุ้นหน้าค่าตากันดี อีกทั้งยังทราบเรื่องปัญหาที่หยิงอู๋จี้ขาดพลังชีวิต ดังนั้นเซี่ยหยวนจึงไม่คิดแข่งขัน
ขณะนี้มารยาทอันใดนั้นไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป
“ตามปกติแล้วต้องให้เกียรติสตรีก่อน” หลิวลู่เหม่ยเผยยิ้มบางก่อนจะขยิบตาให้ “มอบให้สุภาพสตรีท่านนี้ก่อนเป็นไร?”
หากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป ก็เกรงว่าจะเป็นการข่มขวัญต่อกันไปแล้ว
กระนั้นแต่ละคนที่นี่ต่างระดับการฝึกฝนทัดเทียมกัน หาได้มีผู้ใดยิ่งหย่อนไปกว่ากันไม่
“ให้เป็นไปตามโชคชะตางั้นหรือ? เป็นข้าคิดว่าผู้มีความสามารถจึงสมควรได้รับ!” ตี้อู่ปาเต๋าเผยจิตสังหารรุนแรง
สายตาของเขากวาดมองกลุ่มคน สัมผัสแห่งสงครามอันกระหายฉายชัดผ่านดวงตา
พบเห็นกลุ่มคนคิดเปิดศึกต่อกัน เสียงราบเรียบพลันดังขึ้น
“ร้านต้นตำรับมีกฎ ภายในร้านอย่าได้ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย หากฝ่าฝืนก็ต้องแบกรับถึงผลที่ตามมาด้วย”
เสียงนี้คล้ายมีมนต์สะกด ราวกับมันดังสะท้อนกังวานในหัวใจผู้คน!
ลั่วฉวนขณะนี้ลุกขึ้นยืนก็ใช่ ทว่าสีหน้ายังคงสงบ
หากรับชมให้ดี ดวงตาสีดำขลับนั้นจะเปรียบดังหลุมดำ ราวกับมันพร้อมกลืนกินทุกสรรพสิ่ง!
ทุกคนต่างต้องยักไหล่ให้กัน
เมื่อลั่วฉวนไม่เคลื่อนไหว เขาก็คล้ายกับคนหนุ่มที่ไร้พิษภัย
ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนจึงลืมเลือน
กระนั้นขณะนี้พวกเขาได้พบเห็นด้านอันชวนสะพรึงของลั่วฉวนเข้าให้แล้ว!
“เถ้าแก่ พวกเราจะกล้าสร้างปัญหาภายในร้านได้ยังไงกัน?” จี้อู๋ฮุยอธิบายออกพร้อมยิ้มแห้ง
“ถูกต้องแล้ว เถ้าแก่อย่าได้กังวลไป พวกเราอย่างไรก็ต้องทำตามกฎ” เซี่ยหยวนเร่งรีบรับคำ
แม้เถ้าแก่ยังคงอาการสงบเหมือนอย่างทุกที ทว่าครั้งนี้พวกเขารับรู้ได้ถึงความสงบอันแตกต่าง!
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
“แต่ก็ยังมีเรื่องจะแบ่งไวน์หยกยังไงดี?” ด้วยหันมองรอบด้าน ตี้อู๋ปาเต๋าจึงกล่าวคำถามที่เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา
“ไม่ใช่ว่ามีพื้นที่ให้ประมือหรอกหรือ? ใช้มันตัดสินกันเป็นไร?” เสียงหัวเราะดังจากปากของเหยาซือหยานที่ยืนไม่ไกล
นางขณะนี้เก็บโต๊ะเรียบร้อยพร้อมเดินลงมาจากชั้นบนแล้ว
“อารีน่างั้นหรือ?”
“สู้?”
ดวงตาทุกคนต่างเป็นประกาย
คล้ายว่านั่นจะเป็นหนทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมจริง
นั่นจึงเป็นการตัดสินกันด้วยกำลัง!
ดวงตาของตี้อู๋ปาเต๋านั้นเผยอัคคีเพลิงลุกโชน
ท่ามกลางกลุ่มคนที่นี้ ตัวเขามั่นใจว่าแข็งแกร่งที่สุดหากต้องเปิดศึกปะทะต่อกัน!
“เช่นนั้นก็ดี” เหล่าไป่พยักหน้ารับ “ในโหมดอารีน่า ทุกคนสามารถเลือกมีระดับพลังที่ทัดเทียมกันได้”
“อย่างนั้นแข่งขันกันอย่างไร? พวกเรามีกันถึงแปดคน!” หยิงอู๋จี้ขมวดคิ้วกล่าวถาม
ทุกคนเหม่อไปวูบ ขณะนี้กำลังคิดหาหนทาง
เป็นเรื่องยากจริงที่คนถึงแปดจะหาผู้ชนะในท้ายที่สุดอย่างเสมอภาคได้
ในทวีปเทียนหลันแห่งนี้ โอกาสที่จะเกิดสถานการณ์เช่นครั้งนี้มีน้อยนัก ดังนั้นผู้คนจึงแทบไม่เคยตระหนักได้ถึงหนทางแก้ไข
ตอนที่ 226 : ระบบนับแต้ม
พบเห็นเรื่องราว ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะยินดี
ทางแก้ปัญหาก็ง่ายดายไม่ใช่หรือไร?
ถึงคราวต้องออกหน้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ลั่วฉวนหรี่ดวงตาพร้อมตัดสินใจ
“ข้ามีทางแก้เสนอให้” เสียงราบเรียบดังขึ้น
ทุกคนต่างหันสายตามองทางลั่วฉวนราวพบแสงสว่าง
“เถ้าแก่ทำอย่างไร?” มู่หรงไห่เถิงกล่าวถามด้วยความสงสัย
ผู้อื่นต่างก็เผยสายตาใคร่สงสัย
“ระบบแต้ม” ลั่วฉวนตอบกลับ
ระบบแต้ม?
ทุกคนต่างหันหน้ามองกันเองราวไม่เข้าใจความหมาย
ลั่วฉวนจึงอธิบาย “เรียบง่าย ใช้แต้มเป็นตัววัด ในการต่อสู้แบบจับคู่ ผู้ชนะได้รับสองแต้ม ผู้แพ้ได้รับหนึ่งแต้ม หากเท่ากันก็ได้แต้มไปเท่ากัน”
“ทุกคนต่อสู้กันจนวนครบ จบรอบแล้วผู้ใดคะแนนเยอะสุดได้ซื้อไวน์หยก”
อันที่จริงที่ลั่วฉวนกล่าวออกนี้ไม่ต่างอะไรกับระบบกีฬานับแต้มที่ดาวเคราะห์ฟ้าคราม
ทุกคนพอรับฟัง ดวงตานั้นต้องเผยความกระจ่างกันขึ้น
แม้วิธีการที่เถ้าแก่กล่าวถึงดูซับซ้อนไปบ้าง แต่หากพิจารณาให้ดีจะพบว่ามันเป็นการแข่งขันกันอย่างเท่าเทียม!
และมีแต่ที่ร้านต้นตำรับแห่งนี้จึงสามารถใช้วิธีการนี้ได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและระดับการฝึกฝน
โหมดอารีน่าของหอคอยแห่งการทดสอบ ระดับการฝึกฝนและอาวุธสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ที่นั่นไม่ต้องกังวลเรื่องกำลังไม่เท่าเทียมต่อกัน
ที่ต้องจ่ายก็เพียงผลึกวิญญาณเท่านั้น!
“เถ้าแก่คิดวิธีการนี้ขึ้นมาได้ยังไง?” เหยาซือหยานหันมองทางลั่วฉวนด้วยสายตาประหลาดใจ
“ก็แค่คิด” ลั่วฉวนรับคำเรียบเฉย
เหยาซือหยานจึงยักไหล่ด้วยความรู้สึกนึกสนุก
อย่างแล้วแล้วปฏิกิริยาตอบของเถ้าแก่ก็ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาดคิด
“อย่างนั้นแล้วพวกเราต้องลงทะเบียนกันก่อนสินะ?” ผู้อาวุโสที่สามกล่าวถาม
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้ว มีแต่ต้องลงทะเบียนก่อนจึงสามารถใช้งานเครื่องเล่นเสมือนจริงได้”
ลงทะเบียนบัญชีใช้งานจ่ายหนึ่งร้อยผลึกวิญญาณ สำหรับผู้อาวุโสที่สามและคณะแทบไม่นับเป็นอะไร
“นอกจากนี้แล้ว...” เหยาซือหยานชี้นิ้วไปทางกระดานสีขาวบนผนัง “ร้านต้นตำรับมีกฎ ขอแนะนำให้ทุกคนอ่านให้ครบกันเสียก่อน”
กฎ?
ผู้อาวุโสที่สาม ตี้อู๋ปาเต๋า และหลิวลู่เหม่ยเผยสีหน้างงงัน ถัดจากนั้นทั้งสามจึงหันไปรับชมกระดานสีขาวที่มีตัวอักษรขนาดเล็กสีดำเขียนเอาไว้
แทบจะในทันที สีหน้าของแต่ละคนต่างต้องแปรเปลี่ยน
เมื่อดึงสติกลับคืนกันมาได้ มุมปากผู้อาวุโสที่สามจึงกระตุก “กฎของร้านนี้ไม่ใช่เล่นเลย”
สีหน้าที่เฉยชามาตลอดของตี้อู๋ปาเต๋าเองก็แปรเปลี่ยน
หางตาหลิวลู่เหม่ยกระตุก ไม่ทราบว่านางคิดอะไรอยู่
ขณะนี้เองที่เหล่าไป่ไปจัดการซื้อโคล่า แท่งเครื่องเทศ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพร้อมใส่น้ำร้อนรอรับประทาน
พบเห็นเช่นนี้คนทั้งสามจึงเร่งรีบมาซื้อสินค้าที่เหมือนกัน
สามรุ่นเยาว์เช่นเหว่ยอี้ ตี้อู๋อู่หยิง และหลิวลู่อวี่ครั้งนี้ออกมารับหน้าต่อแถวแทนผู้อาวุโสของตนเพื่อไม่ให้เสียเวลานาน
ลั่วฉวนไม่กล่าวคำแต่อย่างใด
ระหว่างรอกดน้ำร้อน ผู้อาวุโสที่สามพลันได้พบเห็นสิ่งผิดปกติเข้า
เหว่ยอี้ต้องหดคออย่างเกรงจะกล่าวออก
อ้างอิงตามความเป็นจริง น้ำร้อนของร้านต้นตำรับมันคือน้ำพุแห่งชีวิต เรื่องนี้เขาไม่กล้าบอกต่อผู้อาวุโสที่สาม
หากเขากล่าวออก เช่นนี้จะกลายเป็นทำความเข้าใจของอาจารย์ผิดเพี้ยนอาจถึงขั้นรับไม่ได้
ด้วยเป็นปรมาจารย์ปรุงยา ของหายากเช่นนี้มีมูลค่าสูงล้ำ