ตอนที่ 223-224
ตอนที่ 223 : อาหารเช้าที่ผิดแผก
“อาจารย์ เป็นอาหารเช้าที่พี่ซื้อหยานทำ” เหว่ยอี้กล่าวอธิบายเสียงเบา
อาหารเช้า?
ผู้อาวุโสที่สามเผยสีหน้างงงัน
เหยาซือหยานคือเสมียนประจำร้านต้นตำรับ เรื่องนี้มีการกล่าวถึงครั้งสนทนากับผู้อาวุโสที่สามในตำหนักหมื่นโอสถ
สัตว์อสูรราชวงศ์ ยอดฝีมือที่เหนือกว่าขอบเขตทดสอบเต๋า นี่คือเท่าที่ผู้อาวุโสที่สามจดจำได้
ทว่าเหว่ยอี้ลืมเลือนบอกกล่าวไปเรื่องหนึ่ง นอกจากเป็นเสมียนประจำร้านแล้ว เหยาซือหยานยังรับหน้าที่ทำอาหารในร้านต้นตำรับด้วย
และที่สำคัญกว่านั้น คืออาหารที่นางทำมันมีกลิ่นเย้ายวนมากล้น!
เหว่ยอี้เพียงทราบเรื่องกลิ่น ส่วนรสชาตินั้นไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน...
เถ้าแก่และเหยาซือหยานมักจะนั่งกินกันสองคนโดยไม่สนใจความรู้สึกของลูกค้าในร้านที่เฝ้ามอง
ผ่านไปหลายครั้งเหว่ยอี้ก็คุ้นชินไปแล้ว
ดังนั้นทุกครั้งที่มาเยือนร้านต้นตำรับ เขาจึงต้องจัดการมื้อเช้าตนเองให้เสร็จก่อน...
ผู้อาวุโสที่สามเผยสีหน้างงงัน
อาหารเช้าอะไรจะมีกลิ่นที่เย้ายวนถึงเพียงนี้ได้กัน?
ที่สำคัญกว่านั้น คือไฉนกลิ่นนั้นจึงมีออร่าของสมุนไพรหายากคงอยู่?
ตัดสินโดยอาศัยประสบการณ์อันยาวนานในวิถีแห่งการสกัดยา ออร่านั้นอย่างน้อยต้องผสานสมุนไพรหลากหลายอย่าง!
และเป็นสมุนไพรระดับสวรรค์เสียด้วย!
กระทั่งว่าเป็นนักปรุงยาระดับผู้อาวุโสที่สาม คิดใช้งานพวกมันยังต้องกระทำอย่างถี่ถ้วนและระมัดระวัง
เพราะสมุนไพรสวรรค์ทั้งหลายคือสิ่งอันล้ำค่า!
และยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้ผู้อาวุโสที่สามต้องมึนงง
เพราะมัวแต่หมกมุ่นกับการสกัดเม็ดยา ผู้อาวุโสที่สามจึงไม่เคยได้ตระหนักถึงสิ่งที่เรียกว่าการเรียกน้ำย่อย
ในวันปกติ พวกเขาก็เพียงแต่ทานอาหารทั่วไป
อาหารเลิศรสนั้นมี ทว่ามักจะเป็นหลายเดือนรับประทานครั้งหนึ่งเพื่อเติมเต็มความสดใหม่ให้ชีวิต
ดังนั้นในสายตาของผู้อาวุโสที่สาม รับประทานของดีมากเกินไปถือเป็นการทำให้เสียของโดยเปล่า
กระนั้นขณะนี้หลังได้สูดดมกลิ่น น้ำลายในปากของเขาถึงกับสออย่างรุนแรง นี่มันนานเพียงใดกันแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกหิวโซขนาดนี้มาก่อน...
ตึก ตึก ตึก...
ไม่ช้าเสียงฝีเท้าเบาบางปรากฏพร้อมร่างที่เดินลงจากบันได
เป็นสตรีโฉมงามประหนึ่งภูติ ราวกับโลกหล้าใบนี้จะยอมโอนอ่อนเพียงนางปรากฏกาย
โดยเฉพาะกับเส้นผมและดวงตาสีม่วง มันยิ่งขับเน้นเสน่ห์ของนางยิ่งขึ้นไปอีก
กระทั่งหลิวลู่เหม่ยยังรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าอยู่ภายใน
ในมือของเหยาซือหยาน นางถือถาดอาหารมาอย่างระมัดระวัง
ที่บนถาดมีอาหารอยู่จำนวนหนึ่ง
เป็นมื้อเช้า
“แค่กแค่ก เถ้าแก่ มื้อเช้าพร้อมแล้ว” เหยาซือหยานกระแอมลำคอเป็นการเรียก
ลั่วฉวนจึงลืมตาอันง่วงงุนพร้อมลุกขึ้นยืนและก้าวเดินออกจากด้านหลังโต๊ะรับรอง
เมื่อไปถึงตรงหน้าบันได เขาจึงรับถาดไว้พร้อมวางบนโต๊ะ
พร้อมกันนี้เขายังต้องลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
ยิ่งเวลาผ่านไป อาหารของเหยาซือหยานก็มีแต่จะดีขึ้น
ระบบฝึกสอนทำอาหารถือว่าทำงานได้อย่างดีเยี่ยม!
ขณะนี้เองที่ลั่วฉวนตระหนักได้ว่าสายตาผู้อื่นแปลกประหลาดออกไป
สีหน้าของลั่วฉวนยังคงเรียบเฉยเหมือนดังเคย “หือ? ไฉนมองด้วยท่าทีเช่นนั้น?”
ผู้อาวุโสที่สามกลืนน้ำลายพร้อมยื่นนิ้วอันสั่นเทาชี้ไปยังอาหารบนถาด “ขอบังอาจสอบถามต่อเถ้าแก่ เหล่านี้คืออะไรหรือ?”
ลั่วฉวนจึงตอบคำ “มื้อเช้า”
ผู้อื่นได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบสนอง
บรรยากาศแรกนั้นดี ไฉนตอนนี้กลายเป็นแปลกไปแล้ว?
ทุกคนรู้สึกว่าร่างกายราวแข็งทื่อ
สำหรับเถ้าแก่ หากพิจารณาให้ดี จะพบว่าไม่น่าใช่ปัญหาอะไร...
ผู้อาวุโสที่สามต้องโขลกไอกับคำตอบของลั่วฉวน ขณะนี้เขาเร่งร้อนดึงสติกลับคืน “แค่กแค่ก เถ้าแก่ ข้าหมายถึงวัตถุดิบของอาหารเช้ามื้อนี้คงไม่ใช่ธรรมดากระมัง?”
ตอนที่ 224 : อัจฉริยะและอัจฉริยะ
สังเกตอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสที่สามจึงตัดสินเรื่รองหนึ่งจากอาหารเช้าตรงหน้าได้ ว่าอย่างน้อยมันต้องมีสมุนไพรสวรรค์สี่หรือห้าอย่างอยู่ในส่วนประกอบ!
หลังได้ทราบความจริงอันชวนตื่นตะลึง ผู้อาวุโสที่สามจึงรู้สึกปวดหัวใจ
มันเป็นเรื่องน่าวิตก
เป็นเรื่องร้ายแรง!
เป็นเรื่องผิดอย่างร้ายแรง!
สมุนไพรสวรรค์ถึงกับถูกนำมาทำเป็นอาหารเช้า!
หากอีกฝ่ายคือผู้ฝึกตนทั่วไป ก็เกรงว่าผู้อาวุโสที่สามจะไม่อาจอดใจสอนสั่งออกไปแล้ว
เพื่อที่จะได้ทำให้ผู้อื่นตาสว่าง!
สมุนไพรสวรรค์ใช้งานอย่างนี้ได้อย่างไร?
มันจำเป็นต้องนำไปสกัดตัวยาออกจึงเป็นวิธีการที่สะท้อนถึงมูลค่ามันออกมาได้!
ทว่าต่อหน้าเถ้าแก่ผู้ลึกลับแห่งร้านต้นตำรับ ผู้อาวุโสที่สามจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนกลับเข้าไป
“วัตถุดิบ? ก็วัตถุดิบธรรมดา!”
เหยาซือหยานสับสนเล็กน้อยยามได้ยินคำของผู้อาวุโสที่สาม
วัตถุดิบทำอาหารเหล่านี้มีอยู่ในครัว ทั้งยังมีเป็นกองมหึมา...
ก่อนจะทันทราบ กลายเป็นว่าสายตาเหยาซือหยานมองของระดับสูงเหล่านี้เป็นของมีทั่วไป
มุมปากผู้อาวุโสที่สามกลายเป็นกระตุก
ฉับพลันเขารู้สึก ว่าตนและคนอีกสองที่เพิ่งมาเยือนร้านคล้ายไม่เข้าใจต่อเรื่องราวทางโลก
ผู้อาวุโสที่สามสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะสงบใจลง “ตาเฒ่าผู้นี้คงไม่ได้ออกมาสูดอากาศภายนอกนานเกินไป”
ถัดจากนั้นเขาจึงเดินออกไปจากร้าน
สายตานั้นรับชมฟากฟ้าไกลห่าง ไม่ทราบว่าเขาคิดอันใดอยู่
กระนั้นหากมองจากแผ่นหลัง ไม่ว่ามองอย่างไรก็คล้ายคนเกิดปลงทางโลก...
“นั่นเป็นอะไรไปแล้ว?” เหยาซือหยานเกิดความสงสัย
เหว่ยอี้ที่ดึงสติกลับคืนมาได้จึงกระแอมไอเสียงเบา เป็นเขาเผยใบหน้าแดงก่ำก่อนจะกล่าวคำออก “ท่านอาจารย์ไม่ค่อยชื่นชอบสถานที่มีอากาศปิดเท่าใดนัก ดังนั้นจึงออกไปสูดอากาศที่ภายนอกเสียหน่อย”
“โอ้” เหยาซือหยานพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอันใดมาก
ผู้อื่นอดไม่ได้จนหัวเราะออก
ปรมาจารย์ปรุงยาผู้ซึ่งตลอดชีวิตศึกษาแต่เรื่องนี้อยู่ในห้อง มีหรือรู้สึกอึดอัดในสภาพห้องทั้งที่ปลอดโปร่งเพียงนี้?
โกหกทั้งเพ!
กระนั้นถ้อยคำเหล่านี้เพียงพูดกล่าวอยู่ภายในใจ อย่างไรแล้วผู้คนที่แตะเส้นข้ามขอบเขตสู่ราชัน อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง
อีกทั้งพวกเขายังคิด ว่าอาหารประจำวันของเถ้าแก่นี้หรูหราจนเกินไปแล้ว...
อากาศกลายเป็นฟุ้งด้วยกลิ่นหอมเย้ายวน ทุกชั่วลมหายใจที่ยืนอยู่ตรงนี้มันเปรียบดังความทรมาน
ท้ายที่สุดรออยู่ราวสิบนาทีลั่วฉวนจึงค่อยวางตะเกียบ
มื้อเช้าทานเรียบร้อย เหยาซือหยานก็เช่นกัน
ทุกคนค่อยถอนหายใจโล่งอกกันได้
ในที่สุดก็เสร็จเสียที
เหยาซือหยานยกโต๊ะเก็บเดินกลับขึ้นชั้นบน ลั่วฉวนขณะนี้จึงหันมองกลุ่มคนที่รอคอยมานานไม่น้อยแล้ว “เริ่มเปิดร้านแล้ว”
ทุกคนค่อยเผยสีหน้ายินดี แต่ละคนต่างเดินไปยังชั้นวางที่เป็นเป้าหมาย
นั่นก็คือชั้นที่มีไวน์หยกวางอยู่!
ขณะนี้เองที่ป้าย “สินค้าหมด” ได้ถูกเพิกถอนออก พริบตามันได้กลับกลายเป็นขวดหยกเย็นวางไว้
สายตาเฝ้าปรารถนาได้ปรากฏในดวงตาของเหล่าไป่และหยิงอู๋จี้
ทั้งสองต่างเคยดื่มไวน์หยกกันไปแล้ว รสชาติที่ได้รับรู้นั้นกล่าวได้ว่าชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางลืมเลือน
อย่างไรมันก็เป็นไวน์เลิศรส ในสายตาคนทั้งสอง มันดีเลิศล้ำยิ่งกว่าไวน์ใดในโลกนี้ที่เคยได้ลิ้มลอง!
ไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าเพียงแค่คิดยังน้ำลายไหล!
ผู้คนที่เหลือขณะนี้เองก็เผยอัคคีเพลิงลุกโชนในดวงตาอย่างร้อนแรง
มันเป็นความปรารถนาได้ครอบครอง!
“ไวน์หยก สิ่งที่สามารถเพิ่มพลังชีวิต ต้องซื้อมาให้ได้!”
ผู้อาวุโสที่สามเดินกลับเข้ามาในร้านราวรู้เวลา สายตาขณะนี้จับจ้องที่ไวน์หยกไม่วางตา
“ราคาของมันถูกเกินไปแล้ว!” ดวงตาหลิวลู่เหม่ยเผยประกาย
ผู้คนที่เหลือต่างก็เผยดวงตาเผาไหม้ด้วยความคิดอยากได้ต่อไวน์หยก
“คงไม่เปิดศึกต่อกันกระมัง?” เหว่ยอี้หันมองกลุ่มคนที่เผยสายตาจับจ้องอย่างไม่มีใครยอมใคร
กำลังของคนเหล่านี้อย่างน้อยก็ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า หากกลุ่มคนเปิดศึกแย่งชิงไวน์ขวดเดียวกันขึ้นมา...
ผลที่ตามมานั้นสมควรเป็นหายนะภัยอย่างแน่นอน!