ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 12 : ส่งมอบงาน
บทที่ 12 : ส่งมอบงาน
ซูอานเดินออกมาด้านนอกของหมู่บ้านร้าง และเมื่อพบถุงพลาสติกสีดำ เขาจึงใช้มันใส่ศรีษะของนักฆ่าผู้นี้ไว้อีกที เพื่อไม่ให้ผู้คนที่เดินไปมาสะดุดตาและหันมาสนอกสนใจ ส่วนตัวเขาก็สวมหมวกแก๊ปของนักฆ่าผู้นั้นเพื่อไม่ให้ผู้คนสามารถจดจำได้
จากนั้นซูอานก็เดินกลับไปยังโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ของเหล่าฮั๋วอีกครั้ง เหล่าฮั๋วเห็นซูอานเดินถือถุงพลาสติกสีดำกลับมาพร้อมกับสวมหมวกแก๊ปปิดหน้าปิดตาเช่นนั้น ก็ได้แต่นึกประหลาดใจ เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมกับถามขึ้นว่า
“มีปัญหาอะไรงั้นรึ?”
ซูอานพยักหน้าพร้อมกับถามออกไปเสียงเบา “เหล่าฮั๋ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าโจวไห่หวงอยู่ที่ใด?”
เหล่าฮั๋วหรี่ตาลงพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เธอถามทำไม? อย่าบอกนะว่าเธอไปมีเรื่องขัดแย้งกับโจวไห่หวง?”
ในสายตาของเหล่าฮั๋วนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนสองคนจะมีโอกาสกระทบกระทั่งกันได้ เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นถึงนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ส่วนอีกคนเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น และแทบไม่มีค่าอะไรในสายตาของเหล่าฮั๋วด้วยซ้ำ แล้วทั้งคู่จะมีโอกาสโคจรมาพบกันได้อย่างไร?
“ถูกต้อง! ข้ามีปัญหาที่ต้องสะสางกับเขาตัวต่อตัว!”
ซูอานตอบเหล่าฮั๋วไปตามตรงอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง เพราะต่อให้เขาไม่บอก เหล่าฮั๋วก็ต้องสืบรู้จนได้อยู่ดี
“พ่อหนุ่ม เรื่องนี้ฉันช่วยเธอแก้ปัญหาได้!”
แต่ซูอานกลับส่ายหน้าปฏิเสธ เขายืนกรานที่่จะแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง และในเมื่อซูอานยืนกรานเช่นนี้ เหล่าฮั๋วจึงต้องบอกที่อยู่ของโจวไห่หวงให้ซูอานรู้
แต่เมื่อซูอานก้าวออกจากโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ เหล่าฮั๋วก็ให้ลูกศิษย์ของเขาแอบสะกดรอยตามซูอานไป
แต่มีหรือที่ซูอานจะไม่รู้ว่ามีคนสะกดรอยตามตนเอง แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และยังคงเดินไปตามท้องถนนต่อไปเรื่อยๆ
ซูอานเดินตรงไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตตงเฉิง แต่เขาเลือกที่จะกระโดดข้ามกำแพงหมู่บ้านเข้าไปแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องพบเจอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิดตรงทางเข้าด้านหน้า จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปยังบ้านของโจวไห่หวงทันที
ซูอานแอบหลบอยู่ในสวนด้วยความอดทน เขารอจนกระทั่งตกดึก ดวงจันทร์เริ่มขึ้นมาแทนที่ดวงอาทิตย์ที่สว่างไสว
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโจวไห่หวงจะกลับเข้าบ้านหรือไม่ แม้การยืนนิ่งๆรอคอยอย่างอดทนเช่นนี้จะดูโง่เขลาเกินไป แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบุกเข้าไปที่บริษัทไห่เทียนกรุ๊ป มันเสี่ยงเกินไป!
ซูอานรอคอยอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งตกดึก รถ Porche Cayenne ก็วิ่งมาตามถนนและเข้ามาจอดอยู่ห่างจากร่างของซูอานไปราวหนึ่งเมตร
รถที่โจวไห่หวงใช้นั้นยังไม่แพงเท่ารถของโจวเทียนห่าว อีกอย่างรถที่เขาใช้นั้น เพียงไม่กี่ปีก็จะขายทิ้งแล้วซื้อคันใหม่
ระหว่างนั้นซูอานก็เห็นคนสองคนเดินลงมาจากรถ และทั้งคู่ก็ค่อยๆเดินตรงเข้าไปในบ้าน ซูอานถึงกับใจสั่นเพราะในที่สุดเหยื่อของเขาก็มาถึง
หลังจากที่ทั้งคู่ก้าวผ่านประตูรั้วบ้านเข้ามา บ้านทั้งหลังก็สว่างไสวขึ้นทันที ทั้งสองคนที่ก้าวเข้ามานั้นคนหนึ่งคือโจวไห่หวง ส่วนอีกคนคือบอดี้การ์ดประจำตัวเขาที่ชื่อว่าเจียงชานนั่นเอง ทั้งสองคนเพิ่งกลับจากบริษัท
ทันทีที่โจวไห่หวงเข้าไปในบ้าน เขาก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหนังหรูหราตัวหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“อาวุโสเจียง ทำไมคนที่เราส่งไปยังไม่ติดต่อกลับมาอีก?”
เจียงชานเองเมื่อได้ยินคำถามของโจวไห่หวง เขาเองก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเช่นกัน “คนคนนี้เป็นนักฆ่าที่มีชื่อ แล้วก็ไม่เคยทำงานพลาดเลยสักครั้ง อาจเป็นไปได้ว่าเด็กนั่นไปหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลึกแล้วก็หาได้ยาก...”
“อีกอย่าง ผมก็เคยเตือนคุณแล้วว่าถ้าเด็กนั่นไม่ได้อยู่ในเจียงโจวแล้ว ก็ยากที่จะหาตัวพบง่ายๆ”
“หึ! แต่สภาพของเทียนห่าวตอนนี้ ผมไม่มีทางปล่อยมันไว้แน่ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา ผมก็จะต้องสับร่างของมันเป็นชิ้นๆให้ได้”
ในเวลานั้นเอง หญิงสาวหน้าตางดงามอายุราวสี่สิบปีผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านใน เธอคือแม่ของโจวเทียนห่าวชื่อว่าโจวกุ้ยฟาง
“คุณคะ.. วันนี้ฉันไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาลมา หมอบอกว่าแผลของเขาติดเชื้อ แล้วอาการก็ไม่สู้ดีนัก!”
เจียงกุ้ยเฟิงบอกกับสามีด้วยน้ำตานองหน้า และภาพของภรรยาที่กำลังร้องไห้เสียใจก็ยิ่งทำให้โจวไห่หวงโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น เขายกมือขึ้นทุบลงบนโต๊ะตรงหน้าด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ท่านประธาน ผมจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!”
ในที่สุดเจียงชานก็เอ่ยขึ้น เขาตั้งใจที่จะออกตามล่าหาตัวซูอานด้วยตัวเอง เขาเป็นผู้ฝึกวรยุทธคนหนึ่ง และมีเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วไป
“ก็ดีเหมือนกัน พบตัวมันเมื่อไหร่ ให้จับกลับมาเป็นๆ ผมจะฆ่ามันด้วยมือของผมเอง!”
โจวไห่หวงเค้นคำพูดรอดไรฟันออกมาอย่างเคียดแค้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา และรังสีอำมหิตแผ่นซ่านออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
แต่ในระหว่างนั้นเอง จู่ๆเสียงกริ่งหน้าประตูบ้านก็ดังขึ้น!
“ดึกดื่นค่ำมืดขนาดนี้ ใครมากันนะ?”
เจียงกุ้ยฟางร้องถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่พอใจ เธอเดินไปที่หน้าจอของกล้องวงจรปิด แต่กลับพบว่าไม่มีผู้ใดยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านเลย เธอจึงเดินออกไปดู และเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบถุงพลาสติกสีดำวางอยู่หน้าบ้าน
จางกุ้ยฟางหยิบถุงพลาสติกสีดำขึ้นมา แล้วปิดประตูไป
“ใครมาล่ะ?”
โจวไห่หวงร้องตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก เพราะในใจนั้นคิดว่าน่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไห่เทียนกรุ๊ปที่มาด้วยเรื่องงานสำคัญเร่งด่วน
“ไม่มีใครเลยค่ะคุณ มีแต่ถุงพลาสติกสีดำนี่วางอยู่!”
โจวไห่หวงได้แต่จ้องมองถุงพลาสติกสีดำด้วยความสงสัย เขาเสมือนผู้มีอิทธิพลในเขตเจียงเฉิง จึงไม่มีผู้ใดกล้าจะเป็นปฏิปักษ์ด้วย และไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เพราะหากมีใครกล้าส่งอุจจาระ ส่งมีด หรือส่งระเบิดมาข่มขู่เขา พวกมันคงไม่ได้มีชีวิตสงบสุขแน่
“ใครกันนะที่เบื่อชีวิตขนาดนี้ หรือคุณไปทำให้บริษัทคู่แข่งต้องปิดกิจการอีกหรือเปล่า?”
เจียงกุ้ยฟางถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก พร้อมกับชายตามองไปทางถุงพลาสติกสีดำที่วางอยู่ไกลๆ
เจียงชานที่ยืนอยู่ข้างโจวไห่หวงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะได้กลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากถุงพลาสติกสีดำนั่น
โจวไห่หวงต้องการจะเดินออกไปเปิดถุงพลาสติกสีดำออกดู แต่เจียงชานตะโกนห้ามไว้ก่อน “ผมจะไปเปิดดูเอง!”
เจียงชานจัดการฉีกถุงพลาสติกออกทันที แล้วเสื้อที่เปื้อนเลือดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา
เจียงกุ้ยเฟิงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว เธอรีบวิ่งขึ้นไปหลบที่ชั้นสองทันที
“หัวของใครกัน?” โจวไห่หวงถามออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เพียงแค่เห็นเสื้อที่เปื้อนเลือดห่อบางสิ่งบางอย่างไว้ด้านใน โจวไห่หวงก็พอที่จะคาดเดาได้ว่าข้างในคือศรีษะของมนุษย์!
และในเวลานั้นเอง เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง เจียงชานรีบเดินออกไปเปิดประตูทันที แล้วเขาก็พบกับซูอานที่สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้ายืนอยู่ เจียงชานถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงที่ห้วน
“ที่แท้ก็เป็นแกเองหรอกรึ?!”
เจียงชานเคยเห็นรูปถ่ายของนักฆ่าคนนี้ที่สวมหมวกแก๊ปในแบบเดียวกัน อีกทั้งรูปร่างของซูอานยังใกล้เคียงกับนักฆ่าคนนี้มาก เจียงชานจึงไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตอะไร
ทางด้านโจวไห่หวงเองก็คิดว่าเป็นนักฆ่าที่เขาจ้างไปสังหารซูอาน และตอนนี้ก็ได้ปฏิบัติภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“แกบอกเองไม่ใช่รึว่าจะไม่มาพบผู้ว่าจ้าง?”
เจียงชานร้องถามออกไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ เพราะโดยปกติแล้วนักฆ่าจะส่งผลการปฏิบัติภารกิจของตนให้ผู้ว่าจ้างผ่านทางอีเมล์ จากนั้นผู้ว่าจ้างจึงจะทำการโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือกลับไปให้
ซูอานตอบกลับมาทันที “ข้ามีเรื่องที่ต้องการพูดกับผู้ว่าจ้างด้วยตัวเอง!”
“แต่ก่อนอื่น.. เปิดดูผลงานของข้าเสียก่อน!”
โจวไห่หวงเดินไปเปิดเสื้อที่ห่อหุ้มศรีษะมนุษย์ออกดูทันที และแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะศรีษะที่มีแผลเป็นอยู่บนใบหน้านี้ ไม่เหมือนกับซูอานที่เขาเห็นในรูปเลยแม้แต่น้อย
“นี่แกไปเอาหัวใครมา? คิดจะมาหลอกฉันงั้นรึ?”
โจวไห่หวงร้องตะโกนถามออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา รังสีสังหารปรากฏขึ้นทันที เขาไม่นึกหวาดกลัวมือสังหารที่อยู่ตรงหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่เจียงชานเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เพราะนักฆ่าที่เขาจ้างไปนั้นเป็นนักฆ่ามืออาชีพ อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันในวงการนักฆ่าว่ามีฝีมือมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดศรีษะคนอื่นมาหลอกหลวงผู้จ้างวานเช่นนี้แน่ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการทำลายชื่อเสียงของตัวเองโดยแท้!
“นี่แกเป็นใครกันแน่?”
เจียงชานจ้องมองซูอานเขม็งพร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา และดังราวกับฟ้าผ่า
ซูอานค่อยๆถอดหมวกแก๊ปออก พร้อมกับจ้องมองไปทางเจียงชานและโจวไห่หวง เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า
“ข้าคือซูอาน!”