ตอนที่ 43 ความตายของชูเรียล
ตอนที่ 43 ความตายของชูเรียล
ท้องฟ้ามืดทะมึนในช่วงยามเย็น เหนือพื้นดินเป็นไปด้วยฝุ่นที่ลอยฟุ้งขึ้นมาจากกลุ่มคนอพยพ รถม้าจำนวนมากบรรทุกข้าวของและผู้ชาวเมืองมาจนเต็มส่วนใหญ่เป็นแค่คนชั้นกลางและคนธรรมดาที่ยากจนเดินตามมา ท้ายขบวนมีหลายคนถูกทิ้งไว้ เนื่องจากตามขบวนหลักไม่ทันเพราะความเหนื่อยล้า
ผู้ใช้พลังฝึกหัดและนักรบที่มาจากกองกำลังสถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย กำลังขี่ม้าประกบข้างคุ้มกันคนในขบวนผู้อบยพอยู่ ภารกิจนี้มีหน่วยตราเงินเป็นผู้นำ
“เจ้าไปจัดการคนที่ตามไม่ทันอย่าให้ใครเห็น ข้ายังไม่อยากให้พวกมันตื่นตระหนก พาคนจากหน่วยของอีเกลไปด้วยก็ได้”
“ขอรับ”
อิกรีออนสั่งนักรบขั้น 3 ในหน่วย เขาได้ภารกิจในการคุ้มกันขบวนผู้อพยบเล็ก ๆ จำนวน 10,000 คน ขบวนได้เดินทางมาเกือบถึงแนวป่าของเขาโบเมาท์แล้ว
นี่เป็นหนึ่งในขบวนที่ออกเดินทางช้าที่สุด หลาย ๆ ขบวนผู้พยบขนาดใหญ่ได้เดินทางข้ามผ่านเทือกเขาโบเมาท์จนไปถึงเมืองอัสซาเมียแล้ว
ขบวนถูกสั่งให้เดินทางต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน โดยจะมีเวลาพักแค่เช้าและเย็๋นเท่านั้นเพื่อกินข้าวเป็นเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
หน่วยของเขาและอีเกลถูกสั่งให้รั้งท้ายขบวน เพื่อค่อยจัดการคนที่ตามไม่ทันในขณะที่หน่วยอื่น ๆ เดินนำขบวนอยู่ข้างหน้าอย่างสบายใจ
นั้นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก ที่ต้องมาคอยจัดการเรื่องพวกนี้แทน
หลังจากที่เดินทางมาได้สักพักพระอาทิตย์ก็ตกดิน
หลายคนเริ่มหยุดพักและเตรียมทำอาหาร บางคนก็จัดการธุระส่วนตัว แต่ถึงกับมีบางคนที่หมดสติไป เพราะความเหนื่อยล้าเต็มที
คนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วแทบจะมีโอกาสในการรอดชีวิตเลย และจะถูกทิ้งไว้ให้เป็นหน ้าที่ของหน่วยอิกรีออนและอีเกลจัดการเพื่อฆ่าและทำรายซากศพ
แค๊ก ๆ
“หืม เสียงอะไร?” หนึ่งในนักรบมองไปทิศทางที่ได้ยินเสียงและหันไปถามเพื่อนในหน่วยที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”
“ข้าไม่เห็นได้ยินอะไร?”
“เสียงมันมาจากทางนู้นเจ้าไปไม่ได้ยินเหรอ” นักรบที่ได้ยินเสียงชี้เข้าไปที่ป่าข้างทาง
“ฮ้า หยุด !” ขณะนั้นกลุ่มที่ไปจัดการกับคนที่ตามไม่ทันก็ขี่ม้ากลับเข้ามาในขบวน
“พวกเจ้าจัดการเสร็จแล้วหรือไม่?”
“เรียบร้อยแล้วครับท่านอีกรีออน” นักรบ ขั้น 3 ตอบ
ทั้งกลุ่มลงจากม้าพร้อมกับเดินเข้าไปหาอะไรกิน ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากแนวชายป่า
“มันมาแล้ว เกสเพนสท์ตามมาแล้ว” นักรบคนนั้นวิ่งออกมาจากแนวชาวป่าด้วยท่าทีตกใจกลัวพร้อมกับเลือดที่ท่วมตัว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะวิ่งมาถึงขบวนก็มีเกสเพนสท์ตาแดง 2 สองตัวกระโดดออกมาและกระชากร่างของนักรบคนนั้นจนขาดครึ่งไปทันที
ในส่วนต่าง ๆ ของขบวนก็เริ่มถูกโจมตีตามมา แต่ดูเหมือนพวกมันจะฆ่าเฉพาะพวกที่ต่อสู้เท่านั้น
“นายท่านขบวนด้านหลังถูกโจมตีโดยเกสเพนสท์” หนึ่งในอัศวินกล่าวกับผู้ใช้พลังฝึกหัด ระดับ ผู้ควบคุม หัวหน้าตราเงินที่ เป็นผู้คุมขบวนในครั้งนี้ทันที
“พวกมันมากันเยอะหรือไม่” หัวหน้าหน่วยตราเงินถามแต่ก่อนที่เขาจะได้คำตอบบริเวณที่เขายืนอยู่ก็โดนบางสิ่งกระแทกใส่มันรุนแรงเป็นอย่างมากร่างกายของคนที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ แตกกระจายเป็นฝนเลือดทันที
ทุกคนกลายเป็นเงียบสนิททันที ร่างกายสีดำคลายกับมนุษย์สูงใหญ่เดินออกมาอย่างช้า ๆ ดวงตาของมันเป็นสีดำราวกับหลุมลึกไร้แสง
“อ๊าาคคคค” มันร้องคำรามออกมาจนอัศวินที่เหลืออยู่รอบข้างถึงกับเอามืออุดหูทันที
พวกเขาที่เป็นถึงอัศวิน ขั้น 1 ที่มีพลังใกล้เคียงกับผู้ควบคุมแต่แค่เสียงคำรามเพียงครั้งเดียวก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้
“มันเป็น...มันเป็นเกสเพนสท์ตาดำ!”
“หนี! รีบหนีเร็ว!!!”
ทั้งค่ายตกอยู่ในความโกลาหลทันที เกสเพนสท์ตาดำพวกเขาไม่มีทางสู้ได้อยู่แล้ว มีแต่จอมอาคมจะอยู่ในขบวนผู้อพยพที่มีคนมากกว่า 100,000 ถึงจะต่อสู้กับมันได้
“ธาธามาธี โรทิเนีย(ศรเพลิง จงทะลวงแผดเผาศัตรู)”
“บัดซบเอ้ย...พวกหน่วยโจมตีมันทำอะไรกันอยู่” อีกรีออนที่ตอนนี้กำลังร่ายคาถาศรเพลิงหลังชนกับอีเกลอยูกล่าวออกมา
ขณะที่พูดคนในหน่วยของเขาก็ถูกฆ่าตายไปอีก 2 คน
“ท่านอิกรีออนเอาไงต่อดี? ขืนเป็นแบบนี้มีหวังเราได้ตายอยู่ที่นี่แน่นอน” อีเกลกล่าวพร้อมกับร่ายคาถาบอลไฟ
“หนี ต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”
“แล้วพวกผู้อบยพต้องฆ่าพวกมันก่อนไหม”
“ใครจะไปสนมันตอนนี้ ไปรวบรวมคนของเจ้าแล้วมารวมกันฝ่าออกไป”
“ชูเรียลและเชร่าเจ้าเป็นหัวหอกฝ่าออกไปที่เหลือตามทั้งสองคน” อีเกลสั่ง ด้านหลังตามมมาด้วยอิกรีออน
“ไปกันเถอะ” เชร่าหันไปกล่าวกับน้องชายของเธอ
“อืม พี่ระวังตัวด้วย” ชูเรียลกล่าวแล้วก็ควบม้าวิ่งออกไปฟันทักษะดาบวารีทันที เชร่าก็ไม่รอช้า
ทั้งสองพี่น้องรู้ว่าอีเกลและอิกรีออนตั้งใจให้พวกเขาออกไปสู้เพื่อที่พวกมันจะได้ออมแรงไว้หนีในช่วงท้าย แต่ถึงแบบนั้นสองพี่น้องก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะการสู้กับเกสเพนสท์ก็คือความตั้งใจของทั้งสองอยู่แล้วเพื่อฝึกฝน
ที่ผ่านมาอีเกลจะใช้พวกเขาตลอด กลางคืนก็เฝ้ายามตอนกลางวันก็ออกไปจัดการกับผู้อพยบที่ตามไม่ทัน เชร่ามักจะแอบปล่อยผู้อพยบที่ตามไม่ทันขบวนไปเพื่อที่จะให้พวกนั้นเลือกทางเดินของตัวเอง เพราะเธอไม่อยากฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้
“ไป!” อิกรีออนกล่าว
ตอนนี้ทั้งค่ายเริ่มตกอยู่ในความโกลาหล เกสเพนสท์เริ่มฆ่าและกินพวกที่ไม่ยอมแพ ้อย่างเมามัน เเขนที่ถูกกระชากออก ขาที่ถูกกัดกินเยนื้ออย่างสด ๆ มีบางตัวที่ต่อยไปที่หัวของหัวหน้าหน่วยตราเหล็กซึ่งเป็นผู้ใช้พลังระดับผู้ควบคุมเท่านั้นจนสมองกระจายไปทั่ว
ขวัญกำลังใจของแต่ละหน่วยเริ่มต่ำลงทันที พวกเขาฆ่าเกสเพนสท์มามากมาย แต่ทั้งหมดคือตอนกลางวันตอนที่มันนอนหลับอยู่เท่านั้น แต่นี่คือกลางคืนความสามารถของมันนั้นเพิ่มขึ้นมหาศาล ทั้งความเร็วและพละกำลังที่สำคัญมันฉลาดเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นก็มีคนเห็นพวกของอิกรีออนที่กำลังฝ่าทะลวงหนีอกไป “ทางนั้นตามพวกนั้นไปเร็ว”
ด้วยความที่ทุกคนตามไปทางอิกรีออนมันจึงดึงดูดความสนใจของเกสเพนสท์หลาย ๆ ตัวให้มุ่งหน้าไปทางนั้นทันที
“บัดซบพวกเจ้าต้องการลากข้าไปตายด้วยงั้นเหรอ” อีเกลด่าออกมา
“ช่างมัน เราจะใช้พวกมันในการถ่วงเวลา” อิกรีออนกล่าวเสร็จก็หยิบยันต์ออกมาแผ่นหนึ่ง มันเป็นของที่ปู่ผู้เป็นจอมอาคมให้เขามา ด้านในมีคาถาควบคุมอยู่ อิกรีออนใส่พลังจิตและกระตุ่นให้มันทำงานจากนั้นก็โยนไปทางกลุ่มที่ตามมาด้าน
“อิกรีออนเจ้าจะทำอะไร?” หัวหน้าหน่วยตราทองแดงที่ตามมาตะโกนออกมาด้วยความโกรธเมื่ออิกรีออนโยนบางอยางออกมาแล้วความเร็วของพวกเขาก็ช้าลงมันราวกับพวกเขาเคลื่อนที่แบบสโลโมชั่นอยู่
“ฮ่า ๆ ฝากพวกเจ้าถ่วงเวลาพวกมันให้หน่อยนะ บุญคุณครั้งนี้ข้าจะไม่ลืม” อิกรีออนกล่าวด้วยความเย้ยหยัน ทั้งกลุ่มยังคงวิ่งต่อไป
ตอนนี้ชูเรียลและเชร่าเริ่มที่จะหมดเเรงแล้ว
แต่ทั้งหน่วยของอิกรีออนและอีกเกลก็ออกมาได้อย่างราบรื่นเพราะเกสเพนสท์ส่วนใหญ่นั้นได้ไปรุมหน่วยที่โดนคาถาควบคุมของอิกรีออนไป
“ไปรีบออกไปจากที่นี่อีกไม่ไกลก็เข้าแนวป่าเทือกเขาโบเมาท์แล้วที่นั้นน่าจะมีขบวนอื่น ๆอีกเราสารมารถไปรวกับพวกนั้นได้” อิกรีออนรีบขี่ม้าออกไปทันที ตามมาด้วยคน อีก 10 คนที่เหลืออยู่รวมทั้ง เชร่าและชูเรียลด้วย
แต่ตอนนั้นเองที่มีเกสเพนสท์ตัวดำวิ่งตามมาดูเหมือนมันจะไม่ต้องการให้มีใคนหนีรอดออกไปได้แม้แต่น้อย มันกระโดดเข้ามากลางวงล้อม
เหยียบนักรบตายคาม้าที่ขี่อยู่ไปสองคนทันที
“เกสเพนสท์ตาดำ พวกเจ้ารีบถ่วงเวลาให้ข้าเร็ว” อิกรีออนตกใจกลัวเป็นอย่างมาก นี่คือเกสเพนสท์ตาดำที่มีพลังเท่าจอมอาคมเขาจะไปสู้มันได้อย่างไร
แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองก็เห็นอีเกลควบม้าหนีไปคนเดียวแล้ว
“บัตซบ อีเกล” อิกรีออนด่าออกมาจากนั้นก็หันไปยิงศรเพลิงใส่ม้าของคนในหน่วยอีเกล
ฮี่! ๆ ม้าของคนในหน่อยอีเกลโดนยิงด้วยศรเพลิงใส่ที่จนแหลกพวกมันจึงล้มลงทันที
“ท่านจะทำอะไร?” หนึ่งในคนในหน่วยของอีเกลกล่าวออกมา
“หัวหน้าเจ้าหนีไปเพราะฉะนั้นพวกเจ้าต้องถ่วงเวลาแทนมันให้กับข้า! ไปพวกเรา” อิกรีออนไม่รอช้ารีบควบม้าออกไปทันที
เชร่าและชูเรียลกับนักรบอก 3 คนรีบวิ่งตามหลังไปทันทีถึงแม้จะไม่มีม้าแล้วก็ตามแต่มันก็ยังไม่เร็วพอ
นักรบที่ช้าที่สุดถูกตบไปที่ศีรษะกระเด็นแหลกกระจายทันที
“บ้าเอ้ย หันไปสู้กับมัน ถ้าหนีแบบนี้ตายแน่”ชูเรียลกล่าว
ทั้ง 4 คนหันไปเตรียมตั้งท่าสู้ด้วยความสิ้นหวัง
ชูเรียลเองก็ยกดาบขึ้นมาและวิ่งไปหามันทันที แต่ด้วยความห่างของพลังที่มากเกินไปทำให้ทุกดาบที่เขาฟันไปไม่โดนมันแม้แต่น้อย
“อั๊ก” ทันใดนั้นมือของเกสเพนสท์ตัวนั้นก็แทงทะลุหน้าอกของชูเรียลในมือของมันนั้นมีหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ติดออกมาด้วย
“ตุบ ๆ ๆ” เชร่าที่ตอนนี้กำลังวิ่งเข้าไปช่วยชูเรียลก็ดูเหมือนเวลาจะหยุดลง เธอมองไปที่หัวใจที่กำลังเต้นและแผ่นหลังของน้องชายเธอ มันราวกับนั้นคืออีกครึ่งชีวิตที่ได้ตายลงไป เธอรู้สึกว่าหัวใจดวงนั้นที่อยู่ในมือของเกสเพนสท์คือหัวใจเธอเอง
“อ๊ากกกก” เชร่ากรีดร้องจนเธอเหมือนจะเสียสติไปแล้ว ราวกับว่าคนที่ตายไปคือเธอเอง
เธอเริ่มเผาผลานพลังงานภายในเมล็ดพันธุ์จนเกินขีดจำกัดของมันเพื่อที่จะได้พลังที่สามารถฆ่าเกสเพนสท์ตันนั้นให้ได้ ภายในหัวของเธอมีแต่คำว่า ‘แก้แค้น ต้องแก้แค้นให้น้องชาย’ เท่านั้น
เกสเพนสท์ตาดำที่เห็นว่ามนุษย์เพศหญิงที่อยู่ ๆ ก็มีพลังเพิ่มขึ้นมามันจึง ทิ้งนักรบอีก 2 คนแล้ววิ่งเข้ามาฆ่าเธอก่อน
มันจึงใช้กรงเล็บแทงไปที่ท้องของเธอแต่ดูเหมือนเธอจะไม่หลบ กรงเล็บแทงจนทะลุท้องเธอ แต่เธอกลับไม่ร้องแม้แต่น้อย
เชร่าใช้มือจับไปที่แขนของมันแน่นไม่ยอมปล่อย เธอรู้ว่าด้วยพลังของเธอไม่มีทางที่จะฟันผ่านผิวหนังมันได้แน่ แต่มันยังมีจุดอ่อนคือดวงตา
มันพยายามจะเหวี่ยงเธอให้หลุดจากแขนมัน เชร่าจึงอาศัยจังหวะนั้นถีบตัวลอยสูงขึ้นจากนั้นก็แทงดาบไปที่ตาของมัน
“อ๊าคคค” มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและจับไปที่ใบดาบและใช้มืออีกข้างตบไปที่ตัวเธอจนกระเด็น
เชร่าที่ตอนนี้มือไม่มีแม้แต่แรงจะขยับนอนมองไปที่ศพของน้องชาย เธอรู้สึกเครียดแค้น ทั้งเกสเพนสท์ที่ฆ่าน้องเธอแต่คนที่เธอโกรธมากว่าคืออิกรีออน
เกสเพนสท์ตาดำมันเดินเขามาหาเธอและพยายามที่จะกระทืบเธอด้วยความโกรธซ้ำ แต่ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง “หยุด เจ้าไปฆ่าพวกมันสองตัวและไปตามล่าพวกที่หนีไป”
เกสเพนสท์ตาดำคำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ มันจึงจะพรุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มคนนั้นทันที
“หืม เจ้ากล้างั้นรึเจ้าสัตว์ชั้นต่ำ!” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับมองไปที่มันอย่างเย็นชา
มันลังเลอยู่สักครู่จากนั้นก็หันมาและเตรียมที่จะฆ่านักรบทั้งสองคน
นักรบที่เห็นเหตุการสองคนตอนนี้กำลังสั่นด้วยความหวาดกลัวชายคนนี้เป็นใครกันทำไมสั่งเกสเพนสท์ตาดำได้ แต่ใครจะไปสนนี่คือทางรอดของพวกมัน
“ท่าน ไม่สิ นายท่านข้ายอม ยอมแล้วไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ”
“ข้าด้วยนายท่าน”
ทั้งสองคนคุกเข่าลงทันที
“อ๊ากกก”
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่สนใจหันไปมองดูเชร่าที่ตอนนี้ดูเหมือนจะสลบไปแล้วโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องที่ด้านหลังเลย
เอลมองไปที่เธอจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาและเดินกลับไปทางฝูงของเกสเพนสท์ตอนนี้พวกมันฆ่าคนที่พยายามสู้จนตายหมดแล้ว หลาย ๆ ตัวเริ่มกัดกินศพ
เอลดูเหมือนจะไม่กลัวพวกมันแม้แต่น้อยกลับเป็นพวกเกสเพนสท์ที่เดินหลบเอลเสียมากกว่า
“ต้อนคนที่ยังมีชีวิตทั้งหมดกลับไปให้นายท่านส่วนศพที่เหลือเอากลับไปด้วย” เอลหันไปสั่งเกสเพนสท์
………………………………………….
ที่หน่วยโจมตี เวลาเที่ยงคืน
“นายท่านเกิดเรื่องแล้ว มีพวกมันแยกไปโจมตีขบวนผู้อพยบด้านหลัง” อัศวิน ขั้น 2 เข้ามาลายงานทันที
“พวกมันข้ามไปได้ยังไงไม่ใช่ว่าเราปิดล้อมเส้นทางไว้หมดแล้วไม่ใช่เหรอ” ผู้บัญชาการกองกำลังที่ 6 ของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียกล่าว
บูม ! บูม ! บูม !
“ข้างนอกเกิดขอไรขึ้น?”
“รายงาน มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นพวกลัทธิบูชาปีศาจปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเกสเพนสท์จำนวนมากเริ่มโจมตีพวกเรา ตอนนี้คาดว่าจะต้านไว้ได้อีกไม่นาน” ยังไม่ทันที่นักรบคนนี้รายงานเสร็จก็มีนักรบวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ หน่วยสอดแนมพบเกสเพนสท์จำนวนหลายเเสนตัวโผลมาทางด้านหลังของกองกำลังอีก 1 ชั่วโมงก็จะเดินทางมาถึง”
“ให้พวกเขาจับตาดูมันต่อไป”
“ไม่ได้แล้วครับ เราขาดการติดต่อกับหน่วยสอดแนมไปแล้ว”
“ส่งหน่วยสอดแนมอื่นไป”
“เราส่งไปแล้วแต่ทั้งหมดไม่สามารถติดต่อได้”
จอมอาคมที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่ 7 ที่อยู่ด้านข้างกล่าว “นี่มันไม่ใช่กองกำลังเกสเพนสท์ระดับตำแล้ว มันมีพวกลัทธิบูชาปิศาจคอยบัญชาการอยู่ด้วยตอนนี้มันเกินกว่าที่เราจะสู้ได้แล้ว ข้าว่าเราควรจะถอยกลัยไปที่เทือกเขาโบเมาท์ก่อน”
“อืม เอาตามที่ท่านว่าก็แล้วกัน” จอมอาคมที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่ 6 หันไปสั่งกับอัศวิน “บอกให้พวกเข้าเตรียมถอนกำลังกลับไปบนเรือเหาะ และใช้ปืนใหญ่โลกันต์ยิงทำความเสียหายครั้งสุดท้าย อย่างน้อยก็ต้องให้พวกมันรู้ว่าจะต้องไปรับความสูญเสียบ้าง”
.........................................................................................................
Witterry : เอลจากตอนที่ 18 พี่ชายของอายูในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ช่วงนี้เดี่ยวร้อนเดี่ยวหนาวเป็นไข้ เลยหยุดไปสองวัน ไม่ได้หายไปไหน