ตอนที่ 219-220
ตอนที่ 219 : ผู้อาวุโสที่สามตัดสินใจ
เหว่ยอี้พยายามปั้นรูปวิญญาณอัคคีเป็นก้อนหยก
เคล็ดการฝึกฝนและวิชาทั้งหลายของทวีปเทียนหลันนั้นมักอยู่ในรูปของป้ายหยกเพื่อที่จะได้แกะสลักเนื้อหาไว้ด้วยพลังวิญญาณ
แต่แล้วเมื่อเหว่ยอี้ก่อรูปป้ายหยกและพยายามจะแกะสลักลงไป มันทำเขาต้องนิ่งงัน
เพราะเขาใช้งานวิญญาณอัคคีได้ ทว่าไม่ทราบหลักการทำงาน
มันราวกับมนุษย์ที่ทราบว่ามือสามารถขยับ
ด้วยไม่ทราบหลักการของวิญญาณอัคคี ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างมันขึ้นเป็นป้ายหยก
พร้อมกันนี้ภาพร้านต้นกำเนิดที่ปรากฏในใจของเหว่ยอี้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
สมแล้วที่เป็นเถ้าแก่ ของที่ได้รับถึงกับไม่อาจเกิดช่องว่างให้สืบทอดได้...
ผู้อาวุโสที่สามถอนหายใจ คำกล่าวนั้นเผยความเสียดาย “วิญญาณอัคคี... ถึงกับมีเคล็ดวิชาวิเศษเช่นนี้ในโลกด้วย...”
รับชมผู้อาวุโสที่สามคล้ายตกอยู่ในห้วงภวังค์ เหว่ยอี้จึงไม่พูดกล่าว ทว่ารอคอยอย่างเงียบงัน
ด้วยฐานะศิษย์ของผู้อาวุโสที่สาม เขาย่อมทราบนิสัยของอาจารย์เป็นอย่างดี
“เหว่ยนี้ นำข้าไปเยือนร้านต้นตำรับที่เจ้ากล่าวถึง!”
เมื่อดึงสติกลับคืนมาได้ ผู้อาวุโสที่สามจึงลุกขึ้นยืนพร้อมเผยประกายในดวงตา
เขาไม่ทราบว่านานเพียงใดกันแล้วที่ตนเกิดความสนใจเรื่องราวในโลกหล้า
ร้านที่นามว่าต้นตำรับแห่งนั้นกลายเป็นกระตุ้นความสนใจของเขาขึ้นมา!
บอกกล่าวตามตรง ครั้งเหยาฮุยเฉินซึ่งเป็นจ้าวหุบเขาโอสถได้บอกกล่าวให้เขามาเยือนนครจิ่วเหยา ผู้อาวุโสที่สามเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจที่ภายใน
แต่ขณะนี้ ไม่ใช่คล้ายจะเป็นโอกาสที่ดีงั้นหรือ?
ตัวเขาถูกส่งออกมาก็เพราะเพียงข่าวคราว
แม้ว่าจะเป็นข่าวคราวที่ศิษย์ของเขาส่งมาก็ตาม...
ครั้งนั้นผู้อาวุโสที่สามไม่อาจปฏิเสธ ดังนั้นจึงต้องนำคณะคนมา
แต่แล้วขณะนี้คล้ายว่าร้านต้นตำรับนั้นจะไม่ใช่อะไรอย่างที่เขาคิดแต่แรกเริ่ม!
ปฏิกิริยาของผู้อาวุโสที่สามเกินความคาดหมาย เหว่ยอี้ต้องเผยท่าทีนิ่งงันไปครู่
ผู้อาวุโสที่สามเผยสีหน้างงงัน “เป็นอะไรไปแล้ว?”
เหว่ยอี้เผยยิ้มขื่นขมกล่าวอธิบาย “อาจารย์ ท่านไม่ทราบว่าร้านต้นตำรับนั้นระยะเวลาเปิดและปิดตามกำหนด และขณะนี้ร้านปิดแล้ว”
ผู้อาวุโสที่สามชะงักงันไป จากนั้นจึงขมวดคิ้ว ภายในรู้สึกไม่ยินดี
ทว่าคิดถึงเรื่องที่เหว่ยอี้กล่าวก่อนหน้านี้ ห้ายอดฝีมือของตำหนักจันทราสีเงินได้ถูกกำจัดโดยเถ้าแก่ร้าน ที่เขาทำได้ขณะนี้จึงมีเพียงกล้ำกลืนความไม่พอใจเอาไว้
“ได้! อย่างนั้นค่อยไปพรุ่งนี้”
“ขอรับท่านอาจารย์” เหว่ยอี้พยักหน้ารับ ขณะนี้เขาพลันคิดอะไรขึ้นได้จนเผยดวงตาเป็นประกาย “มีเรื่องหนึ่งขอรับท่านอาจารย์ พรุ่งนี้ไวน์หยกของร้านต้นตำรับจะเข้ามาเติมขายอีกครั้ง!”
“ไวน์หยก?”
ผู้อาวุโสที่สามเผยสีหน้างุนงง แต่ไม่ช้าก็ต้องเผยดวงตาเป็นประกาย!
ไวน์หยก นั่นไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ของเขารายงานกลับมาว่าสามารถเพิ่มพลังชีวิตได้อย่างนั้นหรือ?
แม้ว่าขณะนี้ผู้อาวุโสที่สามจะไม่ได้ห่วงหาเรื่องอายุขัยก็ตาม
กระนั้นของวิเศษที่สามารถเติมพลังชีวิตให้ได้ มีไว้อย่างไรก็ดีกว่า
อย่างไรแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้รับมันไม่ใช่หรือ?
“อาจารย์ ไวน์หยกของร้านเถ้าแก่นั้นจะมีมาขายใหม่ทุกเจ็ดวันขอรับ” เหว่ยอี้กล่าวเสริม
ผู้อาวุโสที่สามต้องสูดลมหายใจเข้าลึก “ข้าคิดอยากได้เห็นนักว่าร้านต้นตำรับนั้นวิเศษดังเจ้ากล่าวถึงหรือไม่”
เหว่ยอี้เผยยิ้มเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนขอรับ”
ขณะนี้เขาแทบคาดเดาได้ ว่าอาจารย์ของตนต้องตื่นตะลึงยามเมื่อได้เข้าไปยังร้านต้นตำรับ
หลังพูดคุยกันถึงช่วงเวลาที่ร้านเปิดทำการ เหว่ยอี้จึงค่อยกลับห้องตนเองไป
ผู้อาวุโสที่สามสงบใจลง ขณะนี้กำลังพักฟื้นพลังที่สูญเสียไประหว่างการเดินทางไกลมายังที่นี่...
ตอนที่ 220 : ผู้แข็งแกร่งมาเยือน
วันถัดมาช่วงเช้าตรู่
เหว่ยอี้และผู้อาวุโสที่สามได้มาเยือนตรอกที่ร้านต้นตำรับตั้งอยู่
คณะศิษย์ของหุบเขาโอสถไม่ได้ติดตามมา
อย่างไรแล้วผู้อาวุโสที่สามมาเยือนร้านวันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้นคิดให้กลุ่มคนมาเยือนอีกหลายวันให้หลังก็ไม่ใช่เสียหาย
กระนั้นเมื่อคนทั้งสองพบเห็นภาพฉากภายในตรอก พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งงันไป
ขณะนี้ที่หน้าประตูร้านต้นตำรับมีหลายคนมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
หากพิจารณาให้ดี จะพบว่าเป็นบุคคลหน้าตาคุ้นเคยกันทั้งสิ้น
เป็นจี้อู๋ฮุย เหล่าไป่ มู่หรงไห่เถิง หยิงอู๋จี้ เซี่ยหยวน ทั้งห้าคนนี้คือลูกค้ายอดฝีมือประจำร้านต้นตำรับ
เดิมเหว่ยอี้คิดว่าพวกตนมาเข้าแล้ว แต่เป็นเขาไม่คาดคิดว่าจะมีผู้อื่นมาถึงเร็วกว่า!
คล้ายว่าพวกเขามารอกันไม่นานแล้วด้วย
หลิวลู่อวี่และตี้อู๋อู่หยิงเองก็อยู่ในกลุ่มคน
เคียงข้างคนทั้งสองคือกลุ่มคนยอดฝีมือ
ตี้อู๋อู่หยิงยืนอย่างนบนอบอยู่ด้านหลังชายคนหนึ่ง
อีกฝ่ายมีหน้าตาธรรมดา สวมใส่ชุดเครื่องแบบสีดำแซมลวดลายสีทอง ทั้งยังมีกระบี่ยาวประดับแขวนที่แผ่นหลัง
ร่างนั้นเพียงยืนเฉย มันก็ราวกับกระบี่ได้ออกจากฝักเผยซึ่งความคมกริบ!
เลิศล้ำ ออร่าที่ไม่ธรรมดา!
นี่สมควรเป็นยอดฝีมือผู้ใช้กระบี่!
ที่ข้างกายหลิวลู่อวี่ คือสตรีที่มีตาข่ายสีน้ำเงินปิดบังใบหน้า
สตรีผู้นั้นมีคิ้วสวยได้รูป ร่างเพรียวบางและมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างมหาศาล
เพียงรับชม ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน!
เพราะโฉมงามผู้นี้ถึงกับเลิศล้ำกว่าหลิวลู่อวี่หลายต่อหลายเท่า!
เหว่ยอี้ที่มาถึงพร้อมผู้อาวุโสที่สามได้ดึงดูดความสนใจของกลุ่มคน
บอกกล่าวให้ถูกต้อง คือความสนใจมุ่งไปยังผู้อาวุโสที่สาม
แม้ออร่าถูกลดทอนลงไปมาก กระนั้นผู้อาวุโสที่สามคือผู้แตะขอบเขตราชัน ความรู้สึกคุกคามที่เผยออกนั้นไม่ใช่ของปลอม!
เสียงหัวเราะกังวานประหนึ่งระฆังเงินดังออกจากริมฝีปากสตรีผู้ทรงเสน่ห์ ดวงตาของนางหยาดเยิ้มพร้อมเผยยิ้มบาง “โฮ่โฮ่ นั่นไม่ใช่เต๋าหน้าโง่แห่งหุบเขาโอสถหรอกหรือ? ไฉนออกมาจากหุบเขาโอสถได้กัน?”
หน้าโง่นี้สมควรเป็นนามของผู้อาวุโสที่สามในโลกแห่งการฝึกตน
นามแท้จริงเหว่ยหลี่หยานนั้นมีผู้คนน้อยนิดที่ทราบ
ส่วนว่าสาเหตุที่ได้รับชื่อนี้ มันก็เป็นเรื่องราวครั้งเก่าก่อนสมัยเริ่มปรุงยา
“หลิวลู่เหม่ย เจ้าดูแลคนของตนเองให้ดีก่อนเถอะ!” ผู้อาวุโสที่สามแค่นเสียงรับคำ
หลิวลู่เหม่ยย่อมเป็นนามของสตรีทรงเสน่ห์ตรงหน้า
จากนอกจะเป็นผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยกแล้ว นางยังเป็นพี่สาวของหลิวลู่อวี่
แดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยก มันคือสำนักที่มีแต่สตรี
ขณะนี้เองที่เหล่าไป่และคณะต้องมองทางผู้อาวุโสที่สามด้วยความประหลาดใจ
นามเต๋าหน้าโง่นั้นเป็นนามที่โด่งดัง!
“เต๋าหน้าโง่ น้อยครั้งที่จะเผยตัวให้พบเห็น หรือสหายท่านนี้เองก็มาเยือนเพราะร้านต้นตำรับ?” เหล่าไป่เผยยิ้มกล่าวถามออก
ผู้อาวุโสที่สามพยักหน้ารับ “เป็นดังที่ว่า”
ผู้อาวุโสที่สามสัมผัสทราบได้ชัดเจนดี ว่าเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า
เหล่านี้คือตัวตนชั้นแนวหน้า!
จากออร่าของกลุ่มคนและตราสัญลักษณ์บนชุด เขาก็พอคาดเดาได้บ้างแล้ว
ราชวงศ์ สถาบันจันทราลึกล้ำ สถาบันวิญญาณเมฆา ตระกูลตี้อู๋ และแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยก
แม้ผู้อาวุโสที่สามคือผู้แตะถึงขอบเขตราชัน และเป็นผู้มีความมั่นใจในกำลังตนเองอย่างสูงล้ำ
แต่เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุดเป็นคณะเช่นนี้ ตัวเขาไม่กล้าผลีผลาม
ขณะเดียวกันนี้ภายในใจก็รู้สึกว่าเรื่องราวยากเกินเชื่อ
เพียงแค่ร้านเล็กแห่งหนึ่ง ถึงกับดึงดูดความสนใจของบุคคลทรงอำนาจมาได้มากมายเพียงนี้
เหมือนว่าที่เขาตัดสินใจมาเยือนร้านวันนี้นั้นถูกต้องแล้ว
เมื่อมาถึงแล้วผู้อาวุโสที่สามยังแทบไม่คิดเชื่อตนเองด้วยซ้ำ
อย่างไรเรื่องราวที่ได้ยินมันก็ยากจะเชื่อประหนึ่งเรื่องราวอุปโลกน์ หากไม่ได้พบเห็นกับตาตนเอง ผู้อาวุโสที่สามจะไม่มีทางเชื่อคำของเหว่ยอี้อย่างเต็มปาก
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศิษย์ของเขาเองก็ตาม!
แต่แล้วขณะนี้ ผู้อาวุโสที่สามพลันต้องคลายความสงสัยเหล่านั้นไปหมดสิ้น!
“ร้านต้นตำรับ เมื่อใดกันประตูจึงเปิด?”
ตี้อู๋ปาเต๋าซือหลังรอคอยอดทนมานานไม่น้อย ขณะนี้ได้กล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง