ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 10 : นักฆ่า
บทที่ 10 : นักฆ่า
ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ของบริษัทไห่เทียนกรุ๊ป ไม่ได้มีผู้ร่วมประชุมครบเหมือนดังเช่นปกติ เวลานี้มีเพียงคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่อยู่หัวโต๊ะ และกำลังจ้องมองผู้ร่วมประชุมสองสามคนด้านหน้าด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“พวกแกนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ! ผ่านมาตั้งสามวันแล้ว ยังไม่มีปัญญาหาตัวมันพบอีกเรอะ?”
ชายที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่นี้ก็คือโจวไห่หวง ประธานบริษัทไห่เทียนกรุ๊ปนั่นเอง และเหตุผลที่เขาโกรธจนแทบคลั่งอยู่นี้ก็เพราะว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้ก็ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาถึงสามวันแล้ว
“ท่านประธานครับ พวกออกค้นหาทั่วทั้งเจียงโจวแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นเลย!”
ชายร่างกำยำคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน และจ้องมองโจวไห่หวงด้วยแววตาหวาดกลัว
“เป็นได้ว่าเด็กนั่นน่าจะหนีออกไปจากเมืองนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นคนของเราที่ตามหาจนทั่วทุกซอกทุกมุมก็ต้องเจอตัวแล้ว”
ชายสูงอายุรูปร่างสง่างามคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างโจวไห่หวงเป็นฝ่ายพูดขึ้น เขาคือบอดี้การ็ดของโจวไห่หวงนั่นเอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความโกรธของโจวไห่หวงก็เริ่มสงบลง และดูเหมือนเขาจะเชื่อฟังคำพูดของชายสูงอายุผู้นี้มาก แม้จะเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา แต่คนผู้นี้ก็ได้ช่วยให้เขาพ้นอันตรายมาได้หลายต่อหลายครั้งแล้ว
สีหน้าของโจวไห่หวงยังคงไม่สู้ดีนัก เขาเอ่ยปากตำหนิคนของตนสองสามคนที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“ฉันจะให้เวลาพวกแกอีกสามวัน ถ้าสามวันนี้ยังหาตัวมันมาให้ฉันไม่ได้ พวกแกก็ออกไปจากที่นี่ได้เลย ฉันไม่เลี้ยงไว้ให้เสียข้าวสุกแน่! ออกไปได้แล้ว!”
ทั้งสามคนต่างก็พากันวิ่งออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกล้าเชื่องช้าแม้แต่ก้าวเดียว..
“อาวุโสเจียง ฝั่งโน้นมีการเคลื่อนไหวอะไรบ้างมั๊ย?”
เจียงชานกระซิบตอบเสียงเบาทันที “พบชายผู้นั้นแล้ว และเมื่อวานเขาก็เพิ่งแอบเข้ามาในเมืองเจียงโจว!”
...
ภายในภัตตาคาร พนักงานเสริฟทั้งชายและหญิงต่างก็กำลังโมโหซูอานมาก และต้องการที่จะใช้กำลังจัดการกับซูอาน แต่เพราะที่นี่เป็นภัตตาคารของคนชั้นสูง พวกเขาจึงไม่กล้าแสดงกิริยาที่ไร้มารยาทอะไรออกมาอีก จึงได้แต่อดกลั้นไว้ในใจ
พนักงานหนุ่มจ้องมองซูอานด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แล้วจึงหันไปสั่งพนักงานเสริฟสาว “ไปนำอาหารที่แขกสั่งมาเสริฟให้สิ แล้วรอดูว่าตอนคิดเงินเขาจะมีปัญญาจ่ายมั๊ย?”
พนักงานเสริฟสาวยิ้มเย็นออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น และเดินตรงเข้าไปในครัวด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารทั้งหมดที่สั่งก็ถูกนำมาเสริฟที่โต๊ะ ซูอานจึงลงมือกินอย่างหิวโหยทันที ทุกคนในร้านต่างก็จ้องมองซูอานที่แต่งตัวไม่ต่างจากหนุ่มบ้านนอกจนๆคนหนึ่ง..
“ดูสิ! หมอนั่นกินเหมือนกับหิวโหยไม่ได้กินอะไรมาเป็นชาติ!”
หญิงสาวแต่งตัวดีมากคนหนึ่งจ้องมองซูอานที่กำลังกินมูมมามด้วยแววตารังเกียจ พร้อมกับพูดจาดูถูก
ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตาที่นั่งข้างๆเธอ ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมากและตอบกลับไปว่า “แต่งตัวกระจอกแบบนั้น ยังกล้ามากินอาหารที่ภัตตาคารนี้ ทำตัวเสมอคนอย่างพวกเรา”
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะมีปัญญาจ่ายค่าอาหารหรือเปล่า? สั่งมาขนาดนั้นค่าอาหารคงหลายหมื่นแน่!”
ชายวัยกลางคนตอบกลับไปอย่างนึกดูถูก “ผมเองก็อยากเห็นเหมือนกัน ขืนกินแล้วไม่มีจ่าย มีหวังถูกซ้อมตายแน่!”
ซูอานได้ยินคำพูดดูถูกของผู้คนในร้าน แต่เขากลับไม่ใส่ใจใยดีแม้แต่น้อย เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้คือต้องกินให้อิ่มเท่านั้น หลังจากกินอิ่มมีกำลังวังชาเพียงพอแล้ว เขาก็จะได้ไปฝึกฝนต่อได้ และเมื่อใดที่เขาแข็งแกร่งพอ ก็จะสามารถต่อกรกับศัตรูได้
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ซูอานก็กินอาหารสามสิบกว่าจานนั้นจนหมด แต่นั่นทำให้เขาอิ่มได้เพียงแค่ 80% เท่านั้น
เมื่อเห็นซูอานกินจนอิ่มหนำแล้ว พนักงานเสริฟชายจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณลูกค้าทานอาหารไปเป็นเงินทั้งหมด 11,359 หยวน ไม่ทราบจะจ่ายเป็นเงินสด หรือบัตรเครดิตดีครับ?”
ซูอานใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปากที่มันแผล็บของตน แล้วหันไปมองหน้าพนักงานหนุ่มพร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน
“เจ้าเป็นพนักงานเสริฟไม่ใช่รึ? ควรต้องรู้จักยิ้มให้กับลูกค้า และไม่ควรใช้น้ำเสียงที่เย็นชาไม่ให้เกียรติลูกค้าเช่นนี้!”
คำพูดของซูอานทำให้พนักงานเสริฟหนุ่มถึงกับหน้าบึ้งขึ้นมาทันที และเวลานี้เขาก็กำลงโกรธจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นพนักงานหนุ่มยังคงนิ่งเฉย ซูอานจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรือเจ้าอยากให้ข้าเรียกผู้จัดการร้านออกมา?”
แม้น้ำเสียงของซูอานจะไม่ดังนัก แต่ก็ดังไปถึงชั้นสอง ชายวัยกลางคนเดินลงมาทันที และเข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ผู้จัดการคะ คุณผู้ชายท่านนี้สั่งอาหารไปสามสิบกว่าจาน แต่ดูเหมือนต้องการจะกินฟรี เพราะไม่มีเงินจ่ายค่ะ!”
พนักงานสาวรีบรายงานผู้จัดการทันที และหันไปมองซูอานด้วยแววตาเย้ยหยัน!
ผู้จัดการภัตตาคารแห่งนี้ทำงานที่นี่มานานหลายปี เพียงแค่เหลือบมองก็สามารถมองออกได้ว่าเป็นลูกค้าประเภทใด และเมื่อได้เห็นลักษณะท่าทางและการแต่งตัวของซูอาน ผู้จัดการก็ถึงกับหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาเดินไปพูดกับซูอานด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“คุณลูกค้า คุณทานอาหารทางร้านไปมากมาย จำนวนเงินค่อนข้างสูง ขอให้คุณลูกค้าชำระเงินค่าอาหารมื้อนี้ก่อนจะได้มั๊ยครับ? หลังจากชำระเงินแล้ว ค่อยจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น..”
ซูอานจ้องมองผู้จัดการนิ่งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเช่นกัน “อ่อ.. นี่คือวิธีต้อนรับลูกค้าของภัตตาคารชั้นสูงงั้นรึ? ในเมื่อพวกเจ้าเป็นฝ่ายดูถูกเหยียดหยามข้าเช่นนี้ ข้าก็จะให้พวกเจ้าได้เห็นสิ่งที่ต้องการ..”
ซูอานหยิบบัตรเครดิตสีดำออกมากระแทกลงบนโต๊ะเสียงดัง..
ทันทีที่ผู้จัดการร้านเห็นบัตรเครดิตสีดำของซูอาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที และมือก็เริ่มสั่นเล็กน้อย..
แต่พนักงานเสริฟหนุ่มกลับไม่เคยเห็นบัตรเครดิตสีดำเช่นนี้ จึงได้พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหนัน
“หึ.. นี่มันบัตรเครดิตอะไรกัน ไม่เคยพบเคยเห็น!”
ซูอานยกมือขึ้นชี้หน้าพนักงานหนุ่มพร้อมกับตอบไปว่า “เจ้าดูให้ดี นี่เป็นบัตรเครดิตสีดำระดับซูปรีม บัตรนี้ใช้ซื้อภัตตาคารทั้งร้านก็ย่อมได้!”
“แต่พนักงานเสริฟเช่นเจ้า คงจะไม่เคยพบเห็นบัตรเครดิตที่พิเศษเช่นนี้มาก่อนสินะ!”
พนักงานหนุ่มโกรธจนควันออกหู และกำลังจะตอบโต้ แต่ผู้จัดการร้านกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว! นี่เป็นบัตรเครดิตสีดำระดับซุปรีมที่มีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น ผมต้องขอโทษด้วย เป็นความผิดของพวกเราเอง!”
เมื่อเห็นผู้จัดการร้านรีบเอ่ยขอโทษเช่นนั้น พนักงานหนุ่มก็ถึงกับหน้าเสียทันที ใบหน้าของเขาซีดเผือด และไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลยแม้แต่คำเดียว
ส่วนหญิงสาวและชายวัยกลางคนที่พูดจาดูถูกซูอานเมื่อครู่ และต้องการเห็นซูอานอับอายที่ไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหาร ก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นเขาหยิบบัตรเครดิตสีดำออกมาแบบนั้น
“ไม่น่าเชื่อ! คนบ้านนอกแบบนั้นมีบัตรเครดิตระดับซุปรีมได้ยังไงกัน?”
“เท่าที่รู้มาบัตรเครดิตสีดำนี้ในเมืองเจียงโจวมีแค่สิบกว่าใบเท่านั้น!”
ทุกคนต่างก็พากันตกอกตกใจและประหลาดใจ ที่เด็กหนุ่มแต่งตัวมอมแมมแต่กลับถือบัตรเครดิตพิเศษเช่นนี้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้จัดการภัตตาคารจึงรีบหันไปไล่พนักงานเสริฟทั้งสองออกทันที “พวกคุณสองคนรีบไปขนของแล้วออกจากร้านไปได้เลย!”
การที่ผู้จัดการ้านโกรธมากมายถึงเพียงนี้ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก เพราะผู้ที่ถือบัตรเครดิตสีดำที่มีเพียงไม่กี่ใบในเมืองนี้ หากอีกฝ่ายจะเอาเรื่องขึ้นมาจริงๆ แม้แต่เจ้าของภัตตาคารก็คงยากที่จะรับไหว..
ซูอานพยักหน้าด้วยความพอใจ เขาเก็บบัตรเครดิตสีดำกลับไป แล้วจึงเดินออกจากภัตตาคารไปอย่างสบายอารมณ์ แต่อาหารมื้อนี้ก็ทำให้เขาเสียเวลาไปมากเกินความจำเป็น
และทันทีที่ซูอานก้าวเดินออกไปจากร้าน แขกที่อยู่ภายในภัตตาคารต่างก็เริ่มซุบซิบเรื่องของซูอานทันทีเช่นกัน
ซูอานเดินออกไปจากภัตตาภารได้เพียงแค่สองสามก้าว เขาก็พบกับชายคนหนึ่งที่จ้องมองมาทางเขาด้วยความสนอกสนใจ ซูอานสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอันตรายขึ้นมาทันที
ชายผู้นั้นเดินตรงเข้ามาหาซูอานช้าๆ แต่เข้าใกล้กับร่างของซูอาน ความเร็วของชายคนนั้นก็เพิ่มขึ้นทันที เพียงแค่พริบตาเดียวชายคนนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมร่างของซูอานอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นถือมีดไว้ในมือหมายแทงเข้าใส่ร่างของซูอาน แต่ในระหว่างนั้นซูอานได้เดินลมปราณทั้งหมดจากจุดตันเถียนมาไว้ที่นิ้วชี้และนิ้วกลางแล้ว เมื่อมีดพุ่งเข้ามาใกล้ร่าง เขาจึงได้ใช้นิ้วทั้งสองหักใบมีดนั้นอย่างรวดเร็ว
ซูอานคาดเดาว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นนักฆ่าที่ที่โจวไห่หวงส่งมาจัดการกับตน ซูอานหยุดนิ่งพร้อมกับจ้องมองชายที่สวมหมวกแก๊ป แล้วพึมพำเบาๆ
“น่าสนใจมากทีเดียว!”