ตอนที่ 7 ผลึกพลังงาน
ตอนที่ 7 ผลึกพลังงาน
ปี 4855 วันที่ 12 ธันวาคม
เมื่อดอนรู้สึกตัว ความปวดตามร่างกายก็จู่โจมเข้ามาทันที ตอนนี้ มือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เขานอนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อให้เขาใช้เส้นไยแสงช่วยเขาก็คงตายก่อนที่มันจะย่อยสลายร่างหนอนยักษ์หมด
ขณะที่ดอนกำลังเหม่อลอย ตาแก่มาเซออสก็เดินเข้ามาตรวจร่างกายของเขา
“ข้านึกว่าเจ้าจะตายจริง ๆ ซะแล้ว สลบไปตั้ง 2 วันเต็ม ๆ”
เขาได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับงงไปเล็กน้อย ไหนตาแก่นี่บอกว่าไม่ตายไง ถ้ากินยานั้นไปแล้ว ‘ข้าต้องการหมอคนอื่น’ เขาไม่ได้พูดออกไป เขาคงได้แต่ต้องทำใจเท่านั้น เพราะถ้ามีหมอคนอื่นตาแก่นี่ก็คงไม่ได้เป็นหมอที่นี่แน่
“ร่างกายเจ้าฟื้นตัวได้ ดี คงจะอีกสักอาทิตย์ก็คงหาย” ตาแก่มาเซออสพูดแบบไม่สนใจและเดินออกไปตรวจคนอื่นต่อ
ดอนพักฟื้นอยู่แค่ 3 วัน ก็รู้สึกว่าร่างกายเขาฟื้นตัวได้เร็วมากกว่าที่ตาแก่บอก แต่สิ่งที่แลกมานั้นก็คือ เส้นไยแสงที่ค่อย ๆ จาง หายไป 1 เส้น ตอนนี้เขาเหลือเส้นไยแสงแค่หนึ่งเส้นเท่านั้น
หลังจากวันที่ 4 เขาก็หายดีเป็นปกติ ดอนเดินออกมาสำรวจข้างนอกเป็นครั้งแรก
ค่ายแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นของพวกผู้คุม และโกดังเก็บของและผลึกพลังงาน ที่ขุดขึ้นมา ส่วนหลังค่ายจะเป็น โรงนอนสำหรับนักโทษ นักโทษที่นี่ถูกกักบริเวณ แต่สามารถไปไหนมาไหนได้ปกติในด้านหลังค่าย
ถัดจากหลังค่ายก็จะเป็นหลุมลึกขนาดมหึมา ปากหลุมกว้างกว่า 1000 เมตร ทางเดินถูกขุดลงไปเป็นขั้นบันไดกว้างประมาน 5 เมตรเพื่อให้เดินลงไปได้
เขาไม่รู้ว่าทางเดินนี้ยาวลงไปจนถึงก้นหลุมเลยหรือไม่ เพราะมีหมอกหนาบดบังอยู่
หลังจากสังเกตดู ดอนก็พอจะประมานจำนวนนักโทษได้คราว ๆ จากที่พักและคนที่เดินเข้าออก ประมาน 5000 คน
หลังจากกลับมาที่บ้านดิน เขาก็เจอเข้ากับตาแก่มาเซออส เขาจึงได้ถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่สลบไป
“อ้อ เจ้าหมายถึงขบวนที่เจ้ามาด้วยนะเหรอว่ารอดกี่คน เท่าที่ข้าได้ยินผู้คุมพวกนั้นคุยกันก็นักโทษที่รอดมาได้ถ้ารวมเจ้าก็แค่ 8 คน ไม่สิ 9 คน” ตาแก่มาเซออสมองมาที่ดอน “ส่วนใหญ่ก็ลงไปที่เหมืองแล้ว ส่วนเจ้าก็คงจะต้องลงไปในอีก 2 วันเพราะข้าแจ้งผู้คุมไปแล้ว”
ดอนได้ยืนคิดสักพัก ก็พอจะเดาได้ว่าคนที่รอดมาน่าจะเป็นกลุ่มของยาบา ดอนมองไปที่ตาแก่มาเซออสแล้วขอคำแนะนำในการอยู่ที่นี่ อย่างน้อยเขาก็จะได้มีข้อมูลในการอ้างอิงได้บ้างว่าต้องทำอะไร
“คำแนะนำ? ข้ามีให้แค่อย่างเดียว ไม่ว่าจะยังไงก็ตามขุดแร่ให้ได้ตามโควตา และเวลาไปที่เหมือง ถ้าเจ้าไม่มีคนที่เชื่อใจได้ก็จงไปคนเดียวจะดีกว่า” ตาแก่มาเซออสตอบแบบยิ้ม ๆ
......................................
ปี 4855 วันที่ 17 ธันวาคม
ดอนไปที่โรงเก็บอุปกรณ์เพื่อขอรับเครื่องมือในการขุดอันที่จริง มันก็เป็นแค่อีเตอร์เหล็ก จอบ และ เสียม ตะเกียงไฟ เขาหยิบอีเตอร์เหล็ก ตะเกียงไฟ และหน้ากากและไปลงบันทึก
นั้นทำให้เขาได้รู้ว่าระหว่างที่เขาพักรักษาตัวนั้น ยอดที่ต้องทำในการหาผลึกพลังงานก็ถูกนับรวมไปด้วยทำให้เขายังไม่ทันได้เริ่มก็มียอดที่ต้องทำติดลบไปแล้ว
นักโทษทุกคนจะมี ยอดที่ต้องหาให้ถึง ภายใน 1 สัปดาห์จะต้องขุดผลึก 2 ผลึก นั้นหมายความว่า 1 เดือนต้องให้ได้อย่างน้อย 8 ผลึก
ถ้าไม่ได้ถึงตามยอดที่ต้องทำก็จะถูกลงโทษอย่างหนักและหักอาหารตามที่จำนวนที่ขาดไป โดยโควตาถ้าทำไม่ได้ตามเป้าหมายก็จะทบไปรวมกับของสัปดาห์ต่อ ๆ ไป
ดอนไม่รู้ว่าการลงโทษนั้นจะรุนแรงแค่ไหน แต่การไม่มีอาหารกินนั้น มันก็เท่ากับว่าไม่มีแรง เมื่อไม่มีแรงในคุกแบบนี้ก็เท่ากับคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีใครใจดีถึงขนาดเอาอาหารของตัวเองไปให้คนอื่นกินแน่นอน
เขาสอบถามเรื่องทั่วไปที่ควรจะรู้อีก และก็ได้รู้ว่าเหมืองผลึกพลังงานนั้น จะมีอากาศที่เป็นพิษ ผลึกพลังงานจะดูดกลืนพลังงานธรรมชาติรอบด้านไปจนหมดทำให้รอบข้างลงเหลือแต่สารพิษเมื่อรวมกันมาก ๆ ก็จะปล่อยหมอกพิษออกมา
พิษพวกนี้ฆ่าได้แม้กระทั้งระดับอัศวินถ้าสูดเข้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ยิ่งลึกลงไปก็ยิ่งมีหมอกพิษมากเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้จึงคนทั่วไปจึงไม่ยอมมาทำงานในเหมืองผลึกเพราะมันเท่ากับการฆ่าตัวตายดี ๆ นี่เอง ทำได้แต่ใช้แรงงานนักโทษเท่านั้น เพราะไม่มีใครสนใจการตายของพวกนี้มากนัก
คนที่ปกตินั้นจะอยู่ภายในหมอกพิษได้ประมาน 6 ชั่วโมงต่อวัน นั้นคือขีดจำกัดสูงสุด ที่จะไม่เป็นอันตรายต่อรางกายมากนัก
ด้วยนี่คือเหตุผลดอนจึงเห็นนักโทษหลายคนที่ ใช้ผ้าหรือหน้ากากช่วยในการกันหมอกพิษเหล่านี้ ถึงแม้จะกันไม่ได้ 100 % แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรกันเลย
ดอนเดินมาถึงที่บางหลุม เมื่อเข้ามาดูใกล้ ๆ มันก็น่ากลัวอย่างมากราวกับ อสูรขนาดยักษ์ที่อ้าปากรอกลืนเขาลงไปอยู่ มันมีหมอกลอยออกมาจาง ๆ ทางเดิน ที่กว้าง 5 เมตรนั้นอาจจะดูกว้าง แต่เมื่อเจอกับลมที่ปะทะเข้ามานั้นมันก็ดูราวกับว่าเขาเดินอยู่บนเส้นเชือกที่ผูกไว้กลางอากาศ
ลงมาลึก 50 เมตรก็มาถึงชั้น 1 ของเหมือง มันเป็นถ้ำที่ขุดยาวต่อไปเรื่อย จนกลายเป็นโถงขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นหลาย ๆ ห้อง ที่นี่มีคนอยู่ไม่มากนักส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษหน้าใหม่ที่พึ่งส่งมาถึง
ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นยาบาที่รวมกลุ่มกับพวกที่รอดมาได้อีก 7 คน ยาบากำลังยืนสั่งทั้ง 7 คนอย่างดุดัน
เขารีบเดินแอบออกไปทันที และเดินลงไปที่ชั้น 2 ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเอาคืน
เดินลึกลงมาเรื่อย ๆ แสงก็เริ่มน้อยลงและอากาศที่นี่ก็หนาวมากแต่ต้องขอบคุณเสื้อผ้าของเขาที่ซื้อมาในเมือง มันพอจะบรรเทาความหนาวได้บ้างถึงแม้มันจะขาดจากการเดินทางที่ผ่านมา
เขากดไปที่ปุ่มบนตะเกียงไฟ แสงสีส้มจากตะเกียงพอให้เห็นแต่ไม่ไกลมากนัก หลังจากลงมาได้ 50 เมตรเขาก็มาถึงชั้นสอง แต่ที่นี่กลับถูกขวางทางไว้โดยกลุ่มนักโทษเจ้าถิ่นที่ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม สวมหน้ากากสีดำหน้ากลัวขวางทางไว้ ทุกห้องโถงจะมีคนเฝ้าแบบนี้อยู่ทั้งหมด
บางครั้งการแข่งขันในกลุ่มนักโทษเองก็ดุเดือดเช่นกัน ที่ชั้นหนึ่งนั้น แทบจะไม่มีผลึกเหลืออยู่แล้ว ทำให้นักโทษหลายคนไม่มีทางเลือกต้องลงมาที่ชั้นสอง ถึงจะมีหมอกพิษบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร แต่ก็มีกลุ่มนักโทษที่หัวหมอเก็บส่วยครึ่งหนึ่งจากของที่ขุดได้ ถ้าไม่ให้ก็ต้องดูว่าใครจะกำปันใหญ่กว่ากัน นักโทษที่มาใหม่หรือไม่มีกลุ่มถ้าไม่จ่าย ก็มีแค่สองทางคือไปเสี่ยงดวงที่ชั้น 1 หรือไม่ก็ลงไปลึกกว่านี้
ดอนเดินลงไปที่ชั้นสาม ชั้นสามจะอยู่ลึกมากต้องลงไปอีก 80 เมตร ทำให้ตอนนี้ดอนลงมาถึง 180 เมตรแล้วจากปากหลุมที่นี่อากาศไม่มีการถ่ายเทมากนัก หมอกพิษก็เริ่มหนา
เขาเอาผ้ามาปิดจมูกและเดินเข้าไปที่โพลงถ้ำที่ชั้นสาม ที่ชั้นสามไม่ค่อยมีคนมามากนัก ทำให้ยังมีการขุดไม่มาก โพรงจึงเล็กและไม่ลึกมาก จากทางเข้าของโพรง แต่ว่ามันก็มีโพรงธรรมชาติอยู่เยอะเหมือนกัน ที่ พาไปยังโถงขนาดใหญ่ แต่ก็อันตรายเช่นกัน ไม่ใช่แค่หมอกพิษที่หนาแน่นมาก การมองเห็นที่ต่ำ แต่อาจจะเจอกับสัตว์ร้าย ที่อยู่ในนั้นได้
หลังจากเลือกโพรงที่ไม่มีใครแล้วดอนก็เริ่มขุดทันที ดินที่นี่แข็งมาก บางครั้งก็จะเจอกับก้อนหินเป็นบางครั้ง
เขาขุดมาจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่เจออะไรเลยนอกจากก้อนหินดินดาน เหงื่อที่ออกบวกกับความชื้นในโพลงถ้ำทำให้เขา รู้สึกเหนี่ยวตัวอย่างมาก
ดอนคอยสังเกตตัวเองอยู่บ่อย ๆ มีมีอาการเจ็บหน้าอก หรือเริ่มหายใจไม่ออกหรือไม่ ถ้ามีอาการเหล่านี้ ก็หมายความว่าร่างกายของเขารับหมอกพิษมากจนถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เขากับไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้เลยราวกลับว่า หมอกเหล่านี้ไม่ส่งผลอะไรต่อเขา น่าจะเพราะเส้นไยแสงในร่างของเขา
ดอนขุดเหมืองมาทั้งวันแล้วแต่ก็ยังหาผลึกไม่เจอสักก้อน นอกจากแร่ทอง ขนาดเท่านิ้วก้อย 2 ชิ้น เมื่อจนตะเกียงไฟเริ่มหรี่แสงลง
เขาก็กลับขึ้นไปข้างบน มันก็เป็นเวลาเกือบเย็นแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังตก แสงสีส้มที่สะท้อนกับหมอกที่ลอยขึ้นมาที่ปากหลุม ทำให้เกิดทะเลสาบหมอกที่สวยงามน่าหลงใหล ทะเลสาบหมอกนี้มันช่างสมกับคำที่ว่า ความสวยงามที่มาพร้อมกับยาพิษจริง ๆ
..............................
“ปึก!”(เสียงขุดดิน)
วันนี้คือวันที่ 5 แล้วใกล้จะได้ครบกำหนดแล้ว ส่งผลึกพลังงานแล้ว แต่ว่า เขายังไม่พบสักก้อนเลย ช่วงที่ผ่านมาดอนได้แต่ แร่ทองขนาดเท่านิ้วก้อยไม่กี่ก้อน พอจะให้เขาแลกข้าวต้ม ได้วันละถ้วยเท่านั้น
ดอนเลือกที่จะไปแลกและกินในตอนเย็นอย่างน้องก็จะได้ไม่ต้องนอนหลับทั้งที่หิว
จากที่สังเกตมานั้น ที่นี่ไม่มีแร่อย่างอื่นอยู่เลยนอกจากทองคำและผลึกพลังงาน ดอนก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกันจนเขาไปถาม ตาเฒ่ามาเซออสก็ได้รู้ว่า แร่ทองคำนั้น ทนทานต่อพลังงานธรรมชาติได้ดีกว่าแร่ทั่วไป ทำให้ทนทานต่อการกัดก่อนของผลึกพลังงานได้ดี
ตอนนี้ถึงดอนจะหิวแต่เขาก็ยังขุดต่อไป ทุกวันเขาจะขุดจนตะเกียงเริ่มดับลงเขาก็จะออกจากหลุม
“ตึง!!!”
ทันใดนั้น ดอนกรู้สึกว่าเขากระแทกไปโดนกับบางอย่างที่เข็งเอามาก ๆ จนอีเตอร์ที่เขาถืออยู่นั้นถึงกับหลุดมือทันทีจากแรงที่สะท้อนมา
ดอนค่อย ๆ ขุดไปรอมข้าง จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างคุ้ยดินดู เขาก็เจอกลับผลึกพลังงาน มันเป็นผลึกสีน้ำตาลเกาะกลุ่มกันอยู่ขนาดเท่ากำปั้น ดอนหยิบมันขึ้นมาดู มันมีน้ำหนักมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มา ดอนค่อย ๆ แกะตามลอยของมัน มันแบ่งออกมาได้อย่างง่ายได้ราวกับกรีบของผลส้มอย่างไรอย่างนั้น
“ดีมาก! มันมีถึง 7 ชิ้นเลย แต่ว่ามันน้อยไปหน่อย”ดอนถึงกับยิ้มออกมาด้วยสีหน้าโง่ ๆ
ถ้ามีนักโทษที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วมาได้ยินที่ดอนพูด ก็คงรีบวิ่งเขามาทุบตีเขาแน่นอน คนอื่น ๆเจอมากสุดก็แค่ ก้อนถึงสองก้อนต่อครั้งเท่านั้นในรอบ 1 อาทิตย์ ไม่มีทางที่จะโชคดี เจอที 7 ก้อนในครั้งเดียวแบบดอนแน่นอน
เขารีบมองหน้ามองหลังทันที เมื่อนึกถึงคำเตือนของตาแก่ รอบด้านเขานั้นไม่มีใครอยู่ดอนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดอนไม่ได้เก็บทั้งหมดไว้กับตัวเขาเอาไปแค่ 5 ก้อนเท่านั้น และเอาที่เหลืออีก 2 ก้อนซ่อนไว้ถึงการจะเก็บไว้กับตัวจะปลอดภัยกว่าการทิ้งไว้เพราะไม่รู้ว่าอาจจะมีคนมาเจอที่ซ่อนผลึกก็ได้
แต่นั้นหมายความว่าจะต้องมีปัญญาป้องกันตัวเองด้วย ในช่วงที่ผ่านมาร่างกายของเขาถึงจะผอมแต่มันกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ดอนอาจจะยังพอสู้แบบ 1 ต่อ 1 ได้บ้าง แต่ถ้าโดนลุมก็คงไม่ไหว
ดอนห่อผลึกด้วยผ้าและเก็บไว้ในอีกเสื้ออย่างดี ตอนเดินออกมาเขาพยายามไม่ทำตัวเป็นที่สังเกตมากนัก ดอนเดินไปที่โกดังเก็บของ ด้านหน้ามีผู้คุมที่คอยบันทึกของที่ได้มาทันที เขาเอาผลึก 4 ก้อนออกมาทันที ส่วนของสองอาทิตย์ตามยอดที่ต้องทำของเขาก็ถูกบันถึกว่าครบแล้วทันที
จากนั้นดอนก็แลกผลึกอีกก้อนกับเนื้อแห้งมาสองชิ้นใหญ่ ๆ และ เสื้อผ้าชุดใหม่ทันที ถ้าเป็นในเมืองปกติทั่วไป ด้วยผลึก 1 ก้อน เขาคงจะซื้อบ้านเดียวเก่า ๆ สักหลังได้เลย
ดอนรีบกินข้าวและเนื้อทั้งหมดทันที เขารู้สึกอิ่มมากแต่ก็ยังฝืนกินไปจนหมด ถ้าขืนเขาเอามันออกไปจาก ที่แลกเปลี่ยนละก็คงได้ถูกแย่งกินจนหมดแน่ ๆ เมื่อสองวันก่อนเขาเคยเห็นคนที่ถูกตีเกือบตายเพียงเพราะถือเนื้อแห้งแค่ชิ้นเดียวมาแล้ว
เขารีบซุกอีกชิ้นไว้ทันที แต่เขาหารู้ไม่ว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ไกล ๆ และเดินตามเขามาตั้งแต่ในเหมืองที่ชั้น 1 แล้ว
เขาเดินออกมาและไปที่โรงนอนเพื่อเปลี่ยนชุด ชุดใหม่นี้ทำมาจากหนังของหนูยักษ์ มันระบายอากาศและกักเก็บความร้อนได้ดีในระดับนึง ถึงมันจะไม่ได้ที่เท่าชุดเก่าเขาแต่ว่ามันก็ไม่ขาดจนใส่ไม่ได้แบบชุดที่เขาใส่อยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งชุดเก่า เขานำมันมาทำเป็นผ้าคุม ที่หน้าของเขาถูกคุมไว้มองเห็นแค่ดองตาสีดำเหมือนยามราตรีสองข้างเท่านั้น
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินไปที่ปากหลุมเตรียมจะลงไปอีกรอบทันที เพราะตอนนี้มันพึงจะเที่ยงเท่านั้น ดอนคิดว่าน่าจะลงไปขุดต่ออีกสักหน่อยเพื่อจะโชคดีเจอ ผลึกเพิ่มก็ได้ และเขาก็อยากที่จะทดลองอะไรดูสักหน่อยกับผลึกพลังงาน
ดอนใช้เวลาสักพักลงมาถึงชั้น 1 เขาก็ต้องหยุดลงกับเสียงที่ดังออกมาข้างหน้าทันที่
“ฮี่ๆๆๆ! ว่าไงหนุ่มผิวขาว ไม่ได้เจอกันสักพักดูท่าเจ้าจะอยู่ดีกินดีนี่”
กลุ่มชายร่างใหญ่หนวดเครารุงรัง 3 คนเดินออกมาจากโพรงถ้ำ มาดักหน้าดอนทันที
-------------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ