ตอนที่ 41 โจมตี หรือ คุ้มกัน
ตอนที่ 41 โจมตี หรือ คุ้มกัน
ขณะที่ทั้ง 4 คนคุยกันอยู่นั้น ตราหัวหน้าหน่วยของดอนก็สั่น เมื่อเขาเช็คดูมันคือก็มีข้อความแจ้งเข้ามาให้หัวหน้าหน่วยทุกคนไปรวมตัวกันที่โถงกลางของวิหารเก่าในอีก 2 ชั่วโมง
ทั้ง 4 คนจึงตรงไปที่วิหารเก่าทันที ถึงแม้จะบอกว่าให้มาใน 2 ชั่วโมงแต่ส่วนใหญ่เมื่อได้รับข้อความก็มาในทันที คนที่เข้าไปด้านในได้มีแค่ผู้ใช้พลังงาน จอมอาคม หรือหัวหน้าหน่วยเท่านั้น
ด้านในห้องโถงเต็มไปด้วยผู้ใช้พลังงาน ด้านหน้าสุดมีจอมอาคมอยู่ 5 คนที่ยืนอยู่เขา 4 คนเป็นคนของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย หนึ่งในนั้นมีไนเรลมาด้วย และอีกคนก็คืออาจารย์ของเขาอีวาน ริสโตนั้นเอง
ขณะที่ดอนกำลังจะไปยืนรวมกับหัวหน้าหน่วยคนอื่นแต่ อีวานกลับกวักมือเรียกเขาให้มายืนที่ด้านหลังของตน
เขาก็ไม่ปฏิเสธเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นศิษย์ประจำตัวของอีวาน ริสโต เขามีสิทธิ์ที่จะยืนกลับอยู่กับอาจารย์ของเขาเหมือนกับ ศิษย์ประจำตัวคนอื่น ๆ
ลิริธที่ยืนอยู่ที่ด้านหลังของไนเรล ดูเหมือนว่าพลังของเธอจะเพิ่มขึ้นมากเพราะไนเรลดูแลเอาใจใส่ศิษย์คนนี้เป็นอย่างมาก แต่ที่เขาแปลกใจคือไม่เห็นออร์คัสออยู่ด้วยปกติแล้วจะชอบเกาะลิริธเป็นปลิง
เขาหันไปมองข้าง ๆ ก็เห็นอิกรีออนยืนทำท่าไม่พอใจอยู่ด้านข้าง เขาจึงหันไปทักทายเพราะอย่างไรแล้วเขาและอิกรีออนก็เป็นคนคุ้นเลยกัน
“สวัสดี เจ้าเอาผลึกพลังงานมาพอหรือไม่?”
“หึ !” อิกรีออนไม่ตอบแต่กลับหันหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ยอมถูกดอนยั่วยุ พร้อมกับคิดในใจว่า ‘เจ้านี่ทำไมพลังมันถึงเลือนระดับเร็วนัก เจอกันครั้งก่อนยังเป็นแค่ผู้สัมผัสอยู่เลย’
“เจ้าคงไม่ได้เตรียมผลึกพลังงานมาสินะ เฮ้อ น่าเสียดาย” เขาหยอกเย้าอิกรีออนแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจเขา ดอนจึงหมดอารมณ์ที่จะยุแหย่อิกรีออน
เขาหันกลับไปสนใจด้านหน้าของเขาแทน
“เอาละพวกเจ้ามากันพร้อมก็เริ่มกันเลย จะได้ไม่เสียเวลา” จอมอาคมท่านนั้นพยักหน้าส่งสัญญาณให้จอมอาคมอีกคนเริ่มพูด
“เจ้าคงจะรู้ข่าวกันมาบ้างแล้ว ว่าตอนนี้ทางสหพันธ์ได้แพ้ในศึกที่เมืองเวอลาเวีย แต่ไม่ต้องตกใจไป เพราะนั้นยังไม่ถือว่าเป็นทัพหลักของทางสหพันธ์ สหพันธ์ทางก็เตรียมที่จะส่งทัพหลักออกไปฆ่าล้างพวกมัน แต่ที่พวกเจ้าต้องสนใจตอนนี้ก็คือบริเวณรอยต่อระหว่างวงแหวนที่ 3 และ 4 หรือเทือกเขาโบเมาท์ที่ติดกับเมืองระดับ 4 หลาย ๆ เมือง กำลังจะถูกโจมตีโดยกองทัพเกสเพนสท์”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเสียงของทุกคนก็ดังขึ้นเหมือนผึ้งแตกรังทันที ถึงแม้เทือกเขาโบเมาท์จะกินพื้นที่ไม่กี่พันกิโลเมตร แต่มึงกลับมีเมืองหลายเมืองล้อมรอบอยู่ เมืองพวกนี้รวมกันแล้วมีผู้คนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาซึ่งไม่สามารถสู้เกสเพนสท์ได้แม้แต่น้อย ถ้าพวกเขาทั้งหมดถูก จับ จะมีบางส่วนที่ถูกพวกมันกินและที่เหลือจะถูกเปลี่ยนให้เป็นเกสเพนสท์นั้นหมายความว่าจะมีเกสเพนสท์ขึ้นต่ำเป็นล้านตัวมุ่งหน้ามาที่เทือกเขาโบเมาท์ ‘นี่พวกเขาต้องสู้กลับเกสเพนสท์หลายล้านตัวเลยเหรอ’
“เงียบหน่อย ! ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังกลัวว่าพวกมันจะเปลี่ยนคนธรรมดาหลายล้านคนให้กลายเป็นเกสเพนสท์แต่พวกเราก็ไม่ได้นิ่งดูดาย พวกเราได้เตรียมตัวที่จะอพยบคนธรรมดา แล้วโดยอาศัยเรือเหาะจากหลายภาคส่วนช่วยกัน แต่บางครั้งมันก็ยังไม่เพียงพอดังนั้นจึงต้องใช้วิธีเดินทางบกผ่านมายังเทือกเขาโบเมาท์”
ดอนพยักหน้าแล้วคิดตาม ถ้ามันมีกันเป็นล้านเมืองระดับ 4 ไม่มีทางป้องกันได้ และมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขาจะขนคนทั้ง 10 ล้านคนผ่านเรือเหาะ
“ดังนั้นข้าในฐานะหนึ่งในผู้นำกองกำลัง ที่ 2 แห่งสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียจะขอออกภารกิจ 2 ประเภทคือ ภารกิจคุุ้มกันผู้อพยบและภารกิจโจมตีพวกเกสเพนสท์เพื่อถวงเวลาให้ได้นานที่สุด”
การที่มีภารกิจคุ้มกันนั้นก็ไม่แปลกเพราะในเทือกเขาโบเมาท์มีทั้งเกสเพนสท์และสัตว์ร้ายรวมถึงสัตว์อสูรอยู่หลายตัว ถ้าคนธรรมดามาอยู่ในป่านี้สักวันก็มีโอกาศที่จะตายได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว
“ภารกิจคุ้มกันนั้น ก็คือคุ้มกันพวกคนอพยบให้เดินทางข้ามเทือกเขาโบเมาท์ไปที่เมืองอัสซาเมีย ให้ไปรับภารกิจแล้วออกเดินทางได้เลย ส่วนภารกิจโจมตีกองทัพเกสเพนสท์นั้น จะออกเดินทางอีก 1 วันโดยเรือเหาะ ไปที่วงแหวนที่ 4 รางวัลภารกิจจะมีบอกตอนพวกเจ้าไปรับภารกิจใครมีคำถามไหม”
ทันใดนั้นก็มีคนถามขึ้นมา “แล้วถ้า...ผู้คนเดินทางอพยพมาไม่ทันหรือไม่ยอมอพยบมา จะทำอย่างไร?”
“เป็นคำถามที่ดี ถ้าไม่ทำตามคำสั่งก็ฆ่าทิ้ง ถ้าอพยบมาไม่ทันก็ให้ฆ่าคนพวกนั้นทิ้งทั้งหมดเช่นกัน ถ้าปล่อยไว้ให้พวกลัทธิบูชาปีศาจจับตัวไปก็มีแต่จะกลายเป็นเกสเพนสท์เท่านั้น อีกอย่างพวกนั้นมันอาจจะมีวิธีใช้ศพคนตายอย่างอื่นอีกเช่น ผีดิบ ดังนั้นเมื่อฆ่าแล้วก็ให้เผ่าทำลายร่างซะ !” จอมอาคมที่พูดอยู่นั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้ว่าต้องฆ่าคนบริสุทธิ์พวกนั้นก็ตาม
มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้สึกไม่ดีต่อวิธีการฆ่าผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น แต่ส่วนใหญากลับเห็นด้วยเพราะถึงอย่างไรถ้าหนีไม่ทัน คนธรรมดาพวกนั้นก็มีแต่ความตายรออยู่เท่านั้น การที่ข่วยฆ่าพวกเขาก็อาจจะเป็นการช่วยไม่ให้พวกเขาทรมาน
แล้วทำไม่พวกเขาไม่ชิงตัดหน้าไปก่อนที่พวกลัทธิบูชาปีศาจจะได้ใช้ประโยช์ละ
เมื่อดอนเห็นภาพนี้ เขาก็คิดกับตัวเองว่า ‘ข้าต้องเย็นชามากกว่านี้ไม่งั้น ความเห็นใจจะนำข้าไปสู่ความตายในสักวันหนึ่ง’ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกว่าชีวิตของตน
หลังนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปเตรียมรับภารกิจ แต่ขณะที่เขา กำลังจะไปทำภารกิจก็ถูกเรียกโดย อีวาน ริสโต อาจารย์ของเขาซะก่อน
“เจ้าไม่ต้องไป เพราะเจ้าเป็นนักปรุงยา สามารถรับภารกิจปรุงยาได้ ยาที่เจ้าปรุงจะใช้วัตถุดิบของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย และจะได้ค่าตอบเเทนครึ่งหนึ่งราคาตลาดและแต้มสงครามบางส่วนด้วย”
ดอนได้ยินตอนแรกก็แปลกใจ แต่หลังจากที่อีวานอธิบายเข้าก็เข้าใจ
ตอนนี้ทางสภากลางไม่มีการลงมติให้องค์กรต่าง ๆ ส่งการจัดส่งและสนับสนุนทรัพยากร กำลังคน อาวุธยุทโธปกรณ์ และที่สำคัญที่สุดคือยาไปที่สหพันธ์ เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ที่เมืองเวอลาเวีย และแนวหน้าอื่น ๆของสหพันธ์
แต่เหตุผลหลักที่แท้จริงนั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าทางสหพันธ์ไม่ต้องการสูญเสียทรัพยากรที่ใช้ในสงครามแนวหน้าหลักแต่เพียงฝ่ายเดียวเพื่อปกป้องผู้อื่น
หลายองค์กรไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ แม้แต่องค์กรมืดบางแห่งก็ยังต้องจัดส่งทรัพยากรเพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกเชือกทิ้งเป็นตัวอย่างให้กับองค์กรอื่น ๆ
บางองค์กรไม่มีทรัพยากรจึงต้องส่งกำลังทหารไปช่วยแทน และสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียซึ่งมี 12 อยู่ก็มี 11 องค์กรเลือกที่จะส่งกองกำลังทหารของตน
ส่วนองค์กรบุปผานิรันดร์ องค์กรด้านยาเพียงแห่งเดียวของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียเลือกที่จะส่งยาต่าง ๆ ให้แทน เพราะถึงอย่างไร จอมอาคมที่อยู่ภายในองค์กรก็เป็นนักปรุงยาส่วนใหญ่ พลังต่อสู้จึงไม่สูงมากนักถ้าส่งคนไปก็มีแต่ตายเปล่าเท่านั้น
แต่ถึงแบบนั้นยาต่างๆที่ส่งไปในแต่ละสัปดาห์นั้นก็มีจำนวนที่มหาศาลมากทำให้ทางองค์กรบุปผานิรันดร์ต้องส่งยาถึง 95 เปอร์เซ็นต์จากที่ผลิตได้ให้กับทางสหพันธ์ทั้งหมด
ดังนั้นตอนนี้ทางด้านสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียจึงขาดแคลนยาเป็นอย่างมาก และถึงจะพยายามดึงตัวนักปรุงยาอิสระเข้ามาช่วยผลิตยาแล้วก็ตามแต่มันก็ไม่เพียงพออยู่ดี
“ครับ ท่านอาจารย์” ดอนตอบรับด้วยความเคารพ เขารู้ว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คืออีวาน ไม่อยากให้ลูกศิษย์ของเขาออกไปทำภารกิจที่มีโอกาศตายได้สูงมากกว่าอยู่ ในครั้งนี้
อิกรีออนที่ได้ยินดังนั้น มันก็มีความคิดบางอย่างและก็หันไปกระซิบกับอีเกลแล้วทั้งสองคนก็เดินออกไป (อีเกลจากตอนที่ 29 ที่มีเรื่องกับดอนแล้วโดนผู้คุมแตะสลบ จนอิกรีออนโดนไถไป 500 ผลึก)
หลังจากที่ดอนรับภารกิจปรุงยามาแล้วเขาจะต้องยาผงห้ามเลือด ให้กับทางค่ายวันละ 30 ขวด 1 ขวดจะได้ 4 ผลึกพลังงานและ 1 แต้มสงคราม ส่วนวัตถุดิบก็มารับที่กองคลังของค่ายได้เลยซึ่งทางค่ายจะจัดหาไว้ให้
เขาก็กล่าวลาอีวาน ริสโตและจอมอาคม ท่านอื่น ๆ
หลังจากที่เดินออกไป ผู้นำกองกำลังที่ 2 ก็กล่าวกลับอีวาน “เจ้าเฒ่า เด็กนั้นมีอะไรดี? เจ้าถึงปกป้องมันนัก ก็มีแค่พรสวรรค์ระดับ 3”
“หึ เขามีพรสวรรค์ในการเป็นนักปรุงยา” อีวาน ตอบแบบไม่ไว้หน้าผู้นำกองกำลังที่ 2 เลยแม้แต่น้อย
“ก็แค่มีพรสวรรค์ในการเป็นนักปรุงยา ภายในองค์กรบุปผานิรันดร์ของเจ้าก็มีคนแบบนี้ราวกับดอกเห็ด และมีพรสวรรค์ในการเป็นจอมอาคมสูงกว่าก็ถมไป หรือเจ้าจะเอาศิษย์ของเจ้าหนูไนเรลนี่ไปเป็นลูกศิษย์เขาก็คงไม่ว่าอะไร ใช่ไหม” ผู้นำกองกำลังที่ 2 กล่าวพร้อมกับหันหน้าไปหาไนเรล
เมื่อไนเรลที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบกล่าวทันที “ลูกศิษย์ของข้าไม่มีพรสวรรค์พอที่จะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์อีวานได้หรอก ข้าลืมไปว่ามีธุระขอตัวก่อนก็แล้วกัน” ไนเรลรีบชิ่งทันที เขาไม่อยากไปร่วมวงสงครามน้ำลายกับ 2 จิ้งจกเฒ่า
“เจ้ารู้ตัวก็ดีแล้วศิษย์ของข้าคนนี้มีพรสวรรค์สูงกว่าแม่สาวน้อยคนนี้แน่นอน ถึงยังไงก็ยังคงตาแหลมเลือกศิษย์ได้ดี” อีวานกล่าวพร้อมกับหันไปสำรวจลิริธราวกลับมองทะลุเข้าไปในเสื้อผ้า โดยไม่สนใจว่าเธอจะเป็นผู้หญิง
“ข้าเชื่อท่าน” ไนเรลกล่าวพร้อมกับขอตัวเดินออกไปถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาดูหมิ่นลูกศิษย์ของเขา แต่เขาก็จะมาเสียมารยาทกลับอีวาน ริสโตนักปรุงยาระดับปรมาจารย์ไม่ได้ อีกอย่างพลังของอีวานก็เหนือกว่าเขามาก
เขาไม่เข้าใจว่าทั้งสองเฒ่าจิ้งจอกนึกอะไรอยู่ ถึงอาสามาที่นี่แทนที่จะเป็นให้จอมอาคมระดับผู้สร้างคนอื่นของสถาบันมาทำหน้าที่พวกนี้
ส่วนลิริธที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่ไม่ดีนัก
เมื่อปรมาจารย์นักปรุงยาบอกว่าความสามารถของเธอไม่สามารถสู้กับดอนได้ โดยเฉพาะเรื่องศาสตร์แห่งการปรุงยาที่เธอภูมิใจมาก
เธออุตส่าห์มาเข้าร่วมทดสอบที่สถาบันจอมอาคมเอราธาเมียก็เพื่อที่จะได้เป็นลูกศิษย์ของนักปรุงยาสักคน เพราะถึงแม้ว่าเธอจะมาจากตระกูลจอมอาคม แต่ที่ตระกูลของเธอไม่มีจอมอาคมที่เป็นนักปรุงยาอยู่เลย และเธอก็โชคดีได้เป็นลูกศิษย์ของไนเรล
ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมองดอนอยู่ในสายตาเลย แม้แต่บนเรือเหาะหรือที่ร้านอาหารก็ตาม ‘ค่อยดูเถอะว่าข้าจะพิสูจน์ให้ิาจารย์ไนเรลและปรมาจรย์นักปรุงยาอีวาน ริสโต รู้ว่าข้าเหนือกว่าเจ้า’ เธอกล่าวกับตัวเองอยู่ในใจจากนั้นก็เดินตามไนเรลออกไป
……………………………..
หลังจากที่ดอนเดินออกมาจากวิหารเก่าก็มารวมตัวกับทุกคนอยู่ที่หน้าวิหารและเขาก็บอกกับทุกคนเรื่องของภารกิจคุ้มกันผู้อพยบและ ภารกิจโจมตีกองกำลังของเกสเพนสท์ และกำลังจะบอกทั้ง 3 คนว่าเขาต้องไปรับภารกิจปรุงยา
แต่เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยอีเกลซะก่อน “พวกเจ้าคือคนในหน่วยตราเหล็ก 07 ใช่หรือไม่”
“เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไร ?” ดอนหันไปถามอีเกลเขารู้ว่าพวกมันน่าจะไม่ได้มาดีเพราะเขาเห็นอิกรีออนที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง
“เจ้า...เจ้าจำข้าไปได้เหรอข้าอีเกลยังไงละ” มันกล่าวชื่อตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
“อีเกล...อีเกล..เอ้อสุนัขรับใช้อิกรีออนนั้นเอง เจ้ามีธุระอะไรก็รีบบอกมา” ดอนมองมันด้วยสายตาดูถูก เขายังจำสภาพที่มันโดนเเตะจนเลือดกบปากและสลบไปได้ “หรือเจ้าจะเอาผลึกพลังงานมาชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ข้ารับแต่ผลึกธาตุน้ำนะ”
อีเกลได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมา ‘จะบ้าเหรอผลึกธาตุน้ำเขาจะหาจากไหน แม้แต่ผลึกธาตุดินก็โดนอิกรีออนยึดไป’
ผลึกธาตุน้ำหายากเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในภูมิภาคใต้ที่ไม่ติดทะเลหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีธาตุน้ำหนาแนน มันมีราคาแลกเปลี่ยน 1 ผลึกธาตุน้ำต่อ 3 ผลึกธาตุดิน
อีกอย่างทำไมเข้าต้องให้ผลึกพลังงานแก่ดอนด้วย
อีเกลรีบระงับความโกรธของตัวลงทันทีจากนั้นก็หยิบม้วนคำสั่งออกมา “ข้ามีม้วนคำสั่งของทางกองกำลังมา เจ้าเป็นหัวหน้าหน่วยที่รับภารกิจปรุงยาแล้ว ดังนั้นคนในหน่วยของเจ้าจึงว่างอยู่พอดีข้าพึ่งเลือนไปเป็นหัวหน้าหน่วยตราทองแดงพอดีจึงขาดคนและอยากจะรับพวกมันเขามาในหน่อย” อีเกลยิ้มถึงตอนนี้มันและอิกรีออนจะยังไม่มีโอกาศลงมือกับดอนแต่ถ้าเป็นแค่นักรบระดับไม่กี่คนถ้าพวกมันจะจัดการก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
มันหันไปมองซิเรียและเชร่าที่สาวสวยสองคนอย่างเจ้าเล่ห์
------------------------------------------------
Witterry : ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นมาบอกกัน หรือจะกดถูกใจ ก็ได้นะครับ
ฝากกดติดตามให้ด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ทุกวิวนะครับ