ตอนที่แล้วตอนที่ 3 ปล้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 มันมาจากใต้ดิน

ตอนที่ 4 เส้นแสงที่แปลกประหลาด


ตอนที่ 4 เส้นแสงที่แปลกประหลาด

“เจ้า เจ้าทำอะไรกับข้า” แขนข้างขวาของจาฟาเริ่มที่จะเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็วเหมือนกับกิ่งไม้แห้ง

จาฟารีบเอามือปัดเส้นแสงสีขาวทันที แต่มันกับไม่เป็นผล เส้นแสงยังคงกลืนกินร่างของจาฟาอย่างรวดเร็ว

ลูกน้องที่อยู่อีกสองคนรีบวิ่งเขาไปช่วยจาฟาอย่างร้อนรน แต่ทันทีที่แตะโดนเส้นแสง ร่างกายของทั่งสองคน กับเริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว

ทั่งคู่ร้องมาด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สู้ตายดีกว่าอยู่

เส้นแสงไม่ได้กลืนกินแค่ร่างกาย แม้แต่วิญญาณก็ไม่มีเหลือ ถูกกลืนหายไปอยากรวดเร็ว เส้นแสงบางส่วนหลังจากที่กินคนสองคนแล้วก็เริ่มที่จะกลืนกิน ศพลูกน้องที่โดนปาดคอต่อทันที

“แค่กๆ” ดอนพยุงตัวเองนั่งพิงกำแพง มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ด้วยความเหนื่อยหอบ

แสงสีขาวนี้คล้ายกับที่เขาเห็นในฝัน แต่ตอนนี้มันดูคล้ายกับเส้นใย ที่เคลื่อนไปตามร่างกายของจาฟา ร่างของนักเลงสามคนสลายหายไปแล้ว

เหลือแต่จาฟาที่ตอนนี้ผอมแห้งเหมือนกับมัมมี่

หน้าของจาฟาไม่สามารถแสดงอารมณ์ได้แล้ว แต่ในดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความกลัว มันคือความกลัวที่ออกมาจากจิตวิญญาณ

ร่างของเขาค่อย ๆ สลายหายไปจนไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่เสื้อผ้า แม้แต่รอยเลือดก็ไม่มีให้เห็น ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ ที่บริเวณแห่งนี้ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน

กลุ่มใยแสงหลังจากที่ย่อยสลายร่างคนทั้ง 4 ไปแล้ว ก็ค่อย ๆ รวมตัวกัน และเริ่มแบ่งตัวออก เป็น 2 เส้น จนถึง 3 เส้นก็หยุดการแบ่งตัวและลอยหายเข้าไปในตัวเขา

“นี่มัน !”

ทันในนั้น อยู่ ๆแสงก็ลดลงเหลือแค่ 2 เส้น

แผลที่ฝ่ามือ และรอยแทงจากมีดที่บริเวณท้อง เนื้อค่อย ๆ สมานอย่างรวดเร็วด้วยตาที่มองเห็น จนเหลือแค่รอยแผลสีแดงจาง ๆ

ดอนรู้สึกได้ถึงแสงสีขาว 3 จุดที่อยู่ในร่างกายเขา เหมือนมันลอยอยู่เงียบ ๆ ในร่างของเขา

เขาลองใช้ความคิดสั่งให้กลุ่มแสงปรากฏออกมาบนฝ่ามือ เส้นแสงที่อยู่บนฝ่ามือ มันให้ความรู้เหมือนกับว่าไม่มีอยู่จริง แต่มันก็อยู่ตรงหน้าเขา

สักพักเขาก็เก็บเส้นแสง และรีบกลับไปที่ห้องพักทันที...

.............................

เมื่อมาถึงห้องแล้วเขารีบล็อกประตู และจัดการปิดม่านที่หน้าต่าง ทำให้ห้องตอนนี้มืดทันที

เขาทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

มันไม่ใช่ความเหนื่อยทางกายแน่เป็นความเหนื่อยล้าที่ออกมาจากจิตใจที่ถูกกดดันในการต่อสู้เป็นตาย

ดอนหลับไป 1 วันเต็ม ๆ หลังจากตื่นขึ้นมาเขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันเปลี่ยนมุมมองของเขาทันที คนธรรมไม่สามารถต่อสู้กับนักรบได้เลย

มันเหมือนกับเด็กทารกที่สู้กับผู้ใหญ่

เขารู้สึกกลัวอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ แต่ในขณะเดียวกันมันกลับเป็นแรงกระตุ้นให้เขายิ่งอย่างได้พลัง พลังที่จะทำให้เขาต่อสู้กลับไปได้

ถ้าเขาเป็นนักรบเหมือนกับจาฟา มั่นใจได้เลนว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้แน่นอน อย่างน้อยก็สามารถตอบโต้กลับไปได้บ้าง

ดอนเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของจาฟาที่ว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้อ่อนแอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องหาความยุติธรรม เพราะโลกใบนี้ผู้แข็งแกร่งคือความยุติธรรม

หลังจากนั่งคิดและสงบสติอารมณ์ตัวเองสักพัก...

เขาก็นึกถึงเส้นใยแสง เส้นแสงก็ปรากฏออกมาอยู่บนมือของเขา ดอนอยากรู้มากว่าเส้นแสงเหล่าทำอะไรได้บ้างนอกจากการสลายร่างคน

‘บางทีมันอาจจะ เป็นระเบิด’

ดอนลองขว้างมันออกไป แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เส้นแสงกลับมาอยู่ที่มือเหมือนเดิน

เขาลองให้มันสลายโซฟาแบบที่สลายร่างคน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น หลังจากทดลองไปเกือบสองชั่วโมงในที่สุด ดอนก็ทำให้มันมีการตอบสนองได้

โดยให้มันย่อยสลายต้นดอกป๊อปปี้ทะเลทรายในแจกันที่อยู่บนโต๊ะ มันเริ่มย่อยสลายทันทีแต่ที่ไม่มีการแบ่งตัวแบบที่เกิดขึ้น

หลังจากนั้นตลอดทั้งวันดอนก็เอาแต่ทดลองกลุ่มแสงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยหวังว่าจะค้นพบอะไรใหม่ ๆ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรอีก

นอกจากมันจะย่อยสลายต้นไม้ประดับในห้องไปจนหมด

.................

 ปี 4855 6 ธันวาคม

หลังจากวันที่โดนปล้น ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว...

ดอนไม่ได้ออกไปไหนเลยในช่วงที่ผ่านมา เขาอยู่แต่ในห้องทดลองกลุ่มแสง ถึงจะบอกว่าเป็นการทดลองแต่เขาก็ไม่ได้ใช้มันย่อยสลายต้นไม้อีก เพราะในห้องไม่มีต้นไม้อีกแล้ว

        ตอนนี้เขายังไม่ได้ตัดสินใจตั้งชื่อมัน ก็เลยเรียกกลุ่มเส้นใยแสงไปก่อน

ในวันนี้เขาตัดสินใจที่จะดำเนินตามแผนต่อ นั้นคือตามหาผู้ติดต่อ เขาเดินออกมาจากห้องพักและไปที่เส้นทางเดิม

แต่ครั้งนี้เขาระวังตัวมากกว่าปกติ เพราะเขารู้ว่าอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งที่แล้ว

หลังจากเดินมาถึงร้านเหล้าที่ชื่อว่า ดาบเหล็ก มันเป็นอาคารชั้นเดียว ตัวอาคารดูเก่าและทรุดโทรมมาก ข้างในร้านเสียงดังมากจนได้ยินมาถึงข้างนอกตัวร้านเป็นระยะ

ดอนเปิดประตู เดินเข้าไปนั่งลงที่โต๊ะ

“น้องชายเจ้าจะดื่มอะไรดี” พนักงานสาวเดินมาหา

“ข้าอยากพบเจ้าของร้าน” ดอนไม่ได้สั่งเหล้าดื่มแต่ตรงเข้าประเด็นทันที

หลังจากพูดออกไปแบบนั้น พนักงานสาวก็จ้องดอนแบบไม่เป็นมิตรทันที เขาพอจะเดาได้คนแปลกหน้ามาร้านเหล้าแต่ไม่ดื่ม กลับต้องการพบเจ้าของร้านก็คงไม่แปลกถ้าจะถูกสงสัยว่าอาจจะมาไม่

“คงจะไม่ได้นะ พอดีเจ้าของร้านไม่อยู่”

ดอนเห็นแบบนั้นก็หยิบเหรียญทองออกมาวางไว้ที่โต๊ะ

เมื่อเห็นแบบนั้น พนักงานสาวมองไปที่เหรียญทองและหันหลังเดินเข้าไปหลังร้านโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

สักพักก็มีชายร่างยักษ์มีรอยแผลเป็นจากกรงเล็บสามรอยรากจากแกล้มไปจนถึงใบหูเดินนำหน้าพนักงานสาวมา

‘อาร่าของชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าจาฟาอีก’ ชายคนนั้นเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับดอน

“เจ้าต้องการอะไร?”

“ข้าต้องการพบกับผู้ติดต่อ”

“เจ้าต้องการพบผู้ติดต่อไปทำไม?”

“ข้าไม่จำเป็นต้องบอก” ดอนตอบกลับไปด้วยสีหน้าปกติแต่แผ่นหลังของเขาถึงกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ชายร่างยักได้ยินดังนั้นก็คิ้วขมวดทันทีแต่ก็จริงที่ดอนไม่จำเป็นต้องบอกเขา

“ตามข้ามา” ชายเจ้าของร้าน หยิบเหรียญทองไปทันที

ดอนตามเขาเข้าไปหลังร้านและออกไปทางประตูหลัง

เขาเดินผ่านถนนที่มืดมาสักพัก ก็มาถึงบ้านสองชั้น ตัวบ้านดูเก่าแลผุพังเล็กน้อย ชายเจ้าของร้านเดินไปพูดอะไรสักพักและก็เดินออกไปทันที

“เดี๋ยวแล้วผู้ติดต่อ?”

“เจ้าตามข้ามา”

ดอนกำลังจะเดินตามไปถามเจ้าของร้าน แต่ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังเขา

ประตูค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ ดอนหันกลับไปมองดูมีเด็กชายอายุ 10 กว่าขวบยืนอยู่ที่ประตู ดวงตาของเขาบ่งบอกว่า เด็กชายน่าจะอายุมากกว่านั้น เพียงแต่แค่มีร่างกายที่ผิดปกติ

“เจ้ามองอะไร มัวแต่ชักช้าอยู่ได้ตามข้าเข้าไปข้างใน”

ดอนเดินตามเข้ามาในห้องรับแขก ตรงข้ามโซฟามีหญิงสาว แต่งกายด้วยเดรสสีแดงนั่งอยู่ เขานั่งลงที่โซฟาและมองไปที่หญิงสาวฝั่งตรงข้าม

หญิงสาวเดรสแดงเห็นแบบนั้นก็มองกลับ ทันทีที่สบตากัน เขารู้สึกเจ็บที่ดวงตาทันทีราวกับดวงตาของหญิงสาวชุดเดรสมือเข็มแหลมที่ทิ่มเข้ามาในด้วงตา

เขาเบือนหน้าหนี มองต่ำทันที

“ข้าต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์ชีวิตระดับต่ำสักเมล็ด อย่างน้อยก็นักรบขั้น 2” ดอนก็ถามออกมาไปทันที

เขาอยากจะลองเสี่ยงโชคดู ถ้าสามารถซื้อได้เลย เขาก็ไม่ต้องเข้าร่วมกับองค์กรมืดเหล่านี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสีหน้าที่ไม่แยแสสนใจ

“เจ้าไม่เคยพบกับผู้ติดต่อมาก่อน?” หญิงสาวพูดขึ้นทันที

“ไม่เคย” ดอนตอบไปด้วยใบหน้าปกติ

“1 เหรียญทอง ต่อหนึ่งคำถาม” หญิงสาวตอบด้วยใบหน้าที่ตายด้านทันทีพร้อมกับสายตาที่บอกดอนว่าเจ้าไม่มีเหรียญทองก็ออกไปเสียเวลาข้า

“แต่ข้าให้ไปแล้วกับเจ้าของบาร์” ดอนถามกลับไปด้วยสีหน้างงๆ แต่หญิงสาวก็ยังมองเขาและไม่พูดอะไร ดอนได้แต่ยอมหยิบเหรียญทองออกมา 1 เหรียญ

หญิงสาวเก็บเหรียญไปพร้อมกับตอบออกมา “เราไม่ขายให้กับคนนอก”

“เออ งั้น...”ก็ถูกหยุดไว้เสียงของฝั่งตรงข้าม

“1 เหรียญทอง”

ดอนกัดฟันมองไปตรงหน้าทันทีพร้อมกับหยิบเหรียญทองออกมาอีก 1 เหรียญ เขารีบถามอย่างรวดเร็ว

“ข้าต้องการเข้าร่วมองค์กรของเจ้าต้องทำยังไง”

“เจ้าต้องมีคนในองค์กรแนะนำและเข้ารับการทดสอบ ข้าสามารถเป็นผู้แนะนำให้เจ้าได้” เหรียญทองตรงหน้าดอนหายไปทันที พร้อมกับเสียงที่ตอบกลับมาแบบท่าทีสบาย ๆ

“เท่าไหร่” เขาถามกลับไปและจ้องมองไปที่ฝั่งตรงข้าม

“8 เหรียญทอง” หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มมุมปากและมองไปที่ดอนราวกับมีความหมายแฝง

ตาของดอนกระตุกทันที

มันอาจจะบังเอิญเกินไปก็ได้ เขาคิดในใจทันที เขามีเหรียญทองอยู่ 10 เหรียญ หักจากถามคำถามออกไป ก็เหลือ 8 เหรียญ ราคาที่เธอเสนอมานั้น ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขามีเหรียญทองเหลือเท่าไหร่

ดอนรีบลุกขึ้นทันที และตอบกลับไป

“ข้าขอกลับไปคิดดูก่อน” ดอนเดินออกไปที่ประตูแต่ก็ถูกขวางไว้ โดยเด็กชายที่พาดอนเข้ามาในบ้าน ดอนหันกลับไปมองที่หญิงสาวทันที

“นี่มันหมายความว่ายังไง”

“ข้าบอกแล้วว่าจะเป็นผู้แนะนำให้เจ้า เจ้าไม่สามารถปฏิเสธข้าได้”

“เจ้า...” ดอนกัดฟัดแน่นและตั้งสติทันที

เขาไม่น่าจะถูกจับได้ว่าเป็นใคร เขาใช้ผ้าและฮูดคุมมาอย่างมิดชิด อีกอย่างรูปร่างเขาก็เปลี่ยนไปแล้วจากวันแรกที่ฟื้นขึ้นมา แต่เขาไม่รู้ว่าพลาดตอนไหน หรือไปทำอะไรให้ผู้หญิงคนนี้สนใจ

ดอนสังเกตุไปรอบเขาพยายามหาช่องทางหนีออกไปเมื่อมีโอกาสแต่ในใจเขาก็รู้ว่าโอกาสนั้นช่างน้อยนิด

“เจ้าไม่ต้องคิดจะหาทางหนีหรอก”หญิงสาวชุดเดรสชี้นิ้วไปที่หน้าผากดอนทันที

ที่ปลายนิ้วของหญิงสาวชุดเดรส มีวงจรอาคมปรากฏขึ้น มันประทับไปที่หน้าผากของดอนทำให้เข้ารู้สึกเจ็บมาก และตัวเขาก็ล้มลงทันที

“รีก้าเจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นมัน ข้าไม่เห็นว่ามันจะดูคลายผีดิบตรงไหน”

“ท่านหญิงเรน่า คนของข้าที่โรงแรมยืนยันว่าเห็นมันเดินมาเปิดห้องพัก ด้วยร่างที่ผอมซูบเหมือนกับในรูปที่ประกาศ แต่ข้าไม่รู้ว่ามันทำได้อย่างไร เพียงแค่ไม่กี่วันมันกับกลายคล้ายมนุษย์ขนาดนี้”

“อืม มันดูเหมือนมนุษย์มากทีเดียวทั้งการกระทำและการพูด ปกติแล้วผีดิบจะไม่มีความอดทนและความคิดอื่นนอกจากฆ่าสิ่งมีชีวิต”

“ท่านจะให้ข้า ฆ่ามันทิ้งเลยไหม หรือจะผ่าศพมันทั้งแบบนี้” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยความนอบน้อม

แต่รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้านั้น กลับดูน่าสยดสยองมาก ไม่เข้ากลับใบหน้าของเด็กอายุสิบขวบเลย

ท่านหญิงเรน่าเมื่อเห็นหน้าแบบนั้นก็ขมวดคิ้วและตอบกลับ

“เจ้าโง่! มันมีค่ามากกว่านั้นถ้ามีชีวิตอยู่ บางทีมันอาจจะเป็นผีดิบที่ถูกปลุกให้ตื่นมาด้วยรูปแบบคาถาใหม่ก็ได้ และถ้ามันเป็นสายพันธุ์ใหม่มันจะมีค่าต่องานทดลองของข้ามหาศาล”

“จริงอย่างนายหญิงว่า ข้าช่างโง่เขลานัก” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับรีบคุกเข่าลงทันที “จะให้ข้าทำอย่างไรกับมันดี”

“อืม นั้นสิ ถ้าข้าพากลับไปที่สำนักงานใหญ่ก็คงมีคนเชื่อมโยงและรู้ถึงตัวตนมันแน่ ๆ และคงจะเป็นการย่างปลา ให้แมวกินมากกว่า ส่งมันไปที่คุกเหมืองนรกนอกเมืองแล้วก็แล้วกัน มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรข้าได้ใช้ คาถาผลึกระดับ 1 ผนึกภูติโลหิตกับมันไว้ รอให้เรื่องเงียบลงไปก่อนค่อยพามันไปที่ห้องวิจัยของข้า”

 

“ข้าฝากเจ้าจัดการตามนี้ก็แล้วกันเดียวข้าต้องไปพบ บาโร ก่อน”ระหว่างที่ทั้งสองคุยกันอยู่นั้น ไม่รู้เลยว่าดอนยังได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่

ในมุมมองของบุคคลที่สาม ดอนเห็นพลังงานสีเทาวิ่งไปปะทะกับเส้นไยแสง ทันทีที่พลังงานสีเทาเข้ามาใกล้มันก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเส้นไยทันที ตอนนี้เส้นไยสีขาวกำลังกินพลังงานสีเทาอย่างตะกละ

ถึงแม้เขาจะดูเหมือนกับสลบไป แต่กลับไม่ได้สลบไปจริง ๆ อันที่จริงเขาแทบจะมีสติอยู่ตลอดเวลาเพียงแต่ควบคุมร่างกายไม่ได้แค่นั้นเอง

-------------------------------------------------------------------

จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด