ตอนที่ 38 การพนัน ณ โบราณสถานบนยอดเขา
ตอนที่ 38 การพนัน ณ โบราณสถานบนยอดเขา
ตอนนี้ทั้ง 4 นั้งพักอยู่ภายในถ้ำ ดอนก็หลับตาลงและเข้าไปภายในโลกลูกบาศก์วิญญาณ
“ยินดีตอนรับนายท่าน” เคนทักทายเขาด้วยความเคารพ
ดอนพยักหน้ารับและเดินไปที่ต้นเมเปิ้ลจากนั้นก็ดึงน้ำหวานออกมาจากต้น ขณะที่เขากำลังจะดื่มก็มีข้อความปรากฏการณ์
[ไซรัปจากต้นเมเปิ้ล 1 เหยือก ฟื้นฟูพลังจิต 10 หน่วย มีผลยกระดับอาณาเขตวิญญาณเล็กน้อย]
“หืม! มันมีอธิบายแบบนี้ด้วยเหรอ ?” เขามองไปที่น้ำหวานที่รออยู่บนฝ่ามือ
ดอนดูข้อมูลของต้นเมเปิ้ลดู มันก็แสดงข้อมูล [ต้นเมเปิ้ล อายุ 6 ปี ให้น้ำหวานที่สามารถสกัดไซรัปได้ 1 เหยือกต่อวัน]
ดูเหมือนว่าเขาจะเดาถูกที่สามารถเร่งการเจริญเติบโตของมันได้โดยการเพิ่มพลังงานวิญญาณให้แก่มัน
หลังจากที่เขาฟื้นฟูพลังจิตเสร็จแล้วก็ออกจากโลกลูกบาศก์วิญญาณ
เขาก็ร่ายคาถา กำแพงผู้พิทักษ์ปิดปากถ้ำไว้อย่างน้อมก็ไม่ใช้พวกเกสเพนสท์หลง เข้ามาก็ยังดี
หลังกลับเข้ามา ดอนก็ถอดผ้าคุมออกจากจากนั้นก็นำมันไปตากข้างกองไฟ เสื้อผ้าของเขาเปียกพอสมควร ดอนหยิบเสื้อออกมาเปลี่ยนและหามุมงีบหลับทันที
วันนี้ทั้ง 4 คนเหนื่อยมาก แต่คนที่ยังไม่ได้นอนก็คงเป็น เชร่าที่ต้องเฝ้าไข้ชูเรียล
เช้าวันต่อมาพวกเขาตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อออกเดินทางต่อทันที ในระหว่างทางเขาเห็นร่องรอยของหน่วยอื่น ๆ บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณบอกว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงบริเวณจุดนัดพบ ที่ยอดเขาโบเมาท์แล้ว
“หยุด ! พวกเจ้ามาจากไหน? บอกมา!”
ด้านหน้าของเขามีหน่วยสอดแนมที่ออกมาลาดตระเวนยกดาบชี้มาที่พวกเขาและถาม
“พวกข้าคือ หน่วยเหล็ก 07” ดอนหยิบตราเหล็กออกมาและยื่นให้กับหน่วยสอดแนมดู
“ท่านคงเป็นหัวหน้าหน่วยนี้ ทำไมหน่วยของท่านถึงมาช้ากว่าปกติ” หน่วยสอดแนมถามขึ้นมาด้วยท่าทีสงสัย เพราะโดยส่วนใหญ่ได้มาถึงตั้งแต่เย็นของเมื่อวานนี้แล้ว
“พอดีพวกข้าเจอปัญหานิดหน่อย เจ้าช่วยบอกทางไปที่จุดนัดพบได้หรือไม่ พอดีหน่วยข้ามีคนเจ็บที่ต้องการรักษาด่วน” ดอนชี้ไปที่ชูเรียลที่ตอนนี้ ใบหน้าและปากซีดเซียวเนื่องจากบาดแผลที่แขนและอาการป่วยจากไข้
“โอ้ได้สิ ท่านเดินไปทิศทางนี้สัก 3 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว รีบไปเถอะดูท่าแล้วเดี๋ยวคนในหน่วยท่านจะไม่ไหวเอา”
“ขอบคุณเจ้ามาก ข้าขอตัวก่อน” เขากล่าวด้วยท่าทีขอบคุณ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเป็นผู้ใช้พลังฝึกหัดก็ตาม แต่ถ้าใครมีท่าทีสุภาพกับเขา เขาก็จะสุภาพกลับไปโดยเฉพาะกับคนที่ให้ความช่วยเหลือเขา
พวกเขาเดินมาตามทิศทางที่หน่วยลาดตระเวน ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงบริเวณตีนเขาจะขึ้นไปสู่ยอดเขาโบเมาท์
ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นป่ารกทึบแต่ไม่ใช่ มันกลับมีบันไดหินทอดผ่านตั้งแต่ตีนเขาจนถึงยอดเขา ตรงทางขึ้นมีทหารยามเฝ้าอยู่ เขาหยิบตราเหล็กเพื่อส่งให้ทหารยามดูเมื่อรับการตรวจสอบแล้วก็คือหน่วย 07 พวกเขาก็เดินขึ้นบันไดหินไป
มันกว้างและยาวพอสมควร ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีโบราณสถานเก่าแก่ที่อยู่บนยอดเขา ดอนเองก็เพิ่งรู้เพราะเขาไม่เคยมาที่นี่
ด้านบนยอดเขาเหมือนกับถูกตัดด้วยดาบขนาดยักษ์ มันเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ตรงกลางมี วิหารเก่าที่สร้างจากหินผุพังไปตามกาลเวลาเหนื่อยมาก มันดูใหญ่โตมากจนเขาคิดว่าวิหารแห่งนี้ถูกสร้างโดยคนยักษ์
รอบวิหารมีที่พักชั่วคราวถูกต้องสร้างไว้ ดูเหมือนว่ามันจะรองรับคนได้หลายพันคนเลยทีเดียว ด้านข้างมีเรือเหาะขนาด 500 เมตรอยู่ 2 ลำจอดอยู่ เรือเหาะพวกนี้เป็นเรือที่ขนส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์ที่ทางกองกำลังต้องใช้ พวกมันจะมาที่นี่ทุกๆวันอีกทั้งมันยังรับซื้อพวกสมุนไพร แร่และวัตถุดิบหายากจากคนที่ออกไปทำภารกิจ
เขาไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรและแร่ ดังนั้นต่อให้เขาเจอเขาก็คงไม่ได้เก็บมันมาเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“พวกเจ้าไปรักษาตัวกันก่อน แล้วค่อยมาหาข้า”
เชร่าและชูเรียลเดินออกไปทางเต็นท์พยาบาล แต่ซิเรียยังยืนอยู่ที่เดิม “เจ้าไม่ไปพักหรือ?”
“ข้าไม่ได้บังคับอะไรมากคะท่านดอน ข้าจึงอยากตามท่านไปด้วย” ซิเรียกล่าวด้วยรอยยิ้มและส่งสายตายั่วยวนมาทางเขา
“ตามใจเจ้า” ดอนไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่ขัดข้องที่จะมีสาวสวยมาคอยอยู่ข้างกาย
ดอนเดินมาได้สักพักก็มาถึงที่รายงานภารกิจ เขาส่งมอบหัวใจของเกสเพนสท์ที่ได้มาจากช่วงการล่า 2 วันหลังให้กลับทางกองกำลังทั้งหมด เขามีหัวใจเกสเพนสท์ตาแดงอยู่ 1 และตาขาวอยู่ 70 ชิ้นสามารถเเลกเป็นแต้มสงครามจำนวนได้ 150 เเต้ม
เขาดูที่เสาหินบันทึกแต้มสงคราม
อันดับ 1 หน่วยเงิน01 ออร์คัส คะแนน 1500 แต้มสงคราม
อันดับ 2 หน่วยเงิน 06 อลิซาเบธ เฮอมอน คะแนน 900 แต้ม
อันดับ 2 หน่วยเงิน 03 เวดาโก้ เอฟาคะแนน 900 แต้ม
อันดับที่ 5 ………………….
อันดับที่ 14 หน่วยตราทองแดง 02 ลิริธ โอเฟียเลีย คะแนน 700 แต้ม
อันดับที่ 15 หน่วยตราทองแดง 01 อิกรีออน เบนารอน คะแนน 695 แต้ม
……………….. อันดับที่ 421 หน่วยตราเหล็ก 07 ดอน คะแนน 150 แต้ม
โดยเฉพาะออร์คัสที่แต้มสงครามของเขาขึ้นเป็นอันดับที่ 1 มีทั้งหมด 1500 แต้มสงคราม
และ ลิริธกับอิกรีออน ที่ติด 1 ใน 20 มีคะแนน แต่เขาดูแล้เหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ คนของสถาบันจอมพลเอราธาเมียที่มีอยู่ในเสาหินบันทึกแต้มสงคราม อย่าง อลิซาเบธ เฮอมอน เธอเป็นศิษย์ของเจ้าเมืองอัสซาเมีย ที่มาเข้าร่วมกองกำลังของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียด้วย
ส่วนเวดาโก้ เอฟานั้นมีสถานะเป็นศิษย์ประจำตัวของผู้อาวุโส 3 และเป็นคู่แข่งของออร์คัสด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นเขาก็รับผลึกพลังงานที่เป็นค่าตอบแทนมา 20 ผลึก ‘ข้าควรที่จะไปเปลี่ยนตราหรือไม่เพื่อที่จะได้ผลึกพลังงานเพิ่ม’ แต่เขาก็ต้องสายหัวทันที ยิ่งหน่วยระดับสูงก็ยิ่งต้องรับภารกิจที่อันตรายมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เขายังไม่พร้อมถึงแม้ว่าเขาจะเลื่อนเป็นผู้ใช้พลังแล้วแต่คาถาที่เขาใช้ได้ยังมีน้อยเกินไป
ดอนวางแผนว่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ ต้องเรียนคาถาอีกสัก 2 คาถาก่อน แล้วก็มีพลังจิตสัก 50 หน่วยแล้วค่อยไปเลื่อนเป็นหน่วยตราทองแดง
ถ้าคนอื่นรู้ว่าดอนคิดจะสร้างรูนพลังจิตยกระดับพลังจิตของตัวเองเพิ่มอีก 25 หน่วยให้เป็น 50 หน่วย ภายในเวลาแค่ 2 สัปดาห์ละก็ จะต้องหัวเราะเขายางแน่นอน คนที่มีพรสวรรค์แค่ระดับ 3 อย่างมากจะสร้างรูนให้ได้สัก 2 ตัวก็ถือว่าดีมากแล้วแต่คนพวกนี้ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ดอนเองก็ไม่ได้สร้างรูนแต่เขาให้วิธีจำลองโครงสร้างรูนขึ้นมาซ้ำ ๆ กันก็เท่านั้น
‘สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คือผลึกพลังงานและเทคนิคการฝึกฝนพลังงานที่ดี’ เขาคิดกับตัวเองอยู่สักพักก็เดินไปที่คลังเก็บยุทโธปกรณ์ของกองกำลัง
คลังเก็บยุทโธปกรณ์อยู่ที่ตัววิหารเก่า ที่นี้มีจอมอาคมของกองกำลังประจำอยู่ถึงสองคน มันเป็นแค่คลังชั่วคราวเท่านั้นดังนั้นของที่อยู่ในนี้จึงมีระดับไม่สูงมากนัก แต่ถ้าต้องการของที่มีระดับสูงกว่าที่มีอยู่ ก็ต้องรอแจ้งไปทางค่ายหลักที่อยู่ในเมืองอัสซาเมีย ส่งมาให้พร้อมเรือเหาะที่มาส่งเสบียง
ของที่เขาต้องการนั้นก็ไม่ใช่ของระดับสูงอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงหาได้ง่าย
ดอนมี 150 แต้มสงครามน่าจะพอให้เขาเลือกของ เทคนิคฝึกฝนพลังงานและของที่ใช้อุปกรณ์ปรุงยาได้สักชุดและวัตถุดิบราคาถูกอีก 10 ชุด
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปดูคนที่รับหน้าที่ดูแลกองคลังก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพราะว่าเขาคือชายชราคนเดียวกันกับที่รับเรื่องรายงานตัวให้กับดอนที่ ค่ายหลัก ของเมืองอัสซาเมีย
“คารวะผู้อาวุโส ท่านสบายดีหรือไม่?” ดอนทักทายด้วยความเคารพ เขาพอจะเดาได้ว่าผู้อาวุโส ท่านนี้มีพลังที่ไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะมีนิสัยไม่สนใจใครก็ตาม
“ข้ารู้จักเจ้าหรือ? จะเอาอะไรก็รีบเลือกมา” ชายชราไม่ได้สนใจดอนมีแต่น้อย เขากับชี้ไปที่รายชื่อสิ่งของที่อยู่บนกำแพงด้านข้างแทน
ปากของดอนกระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนผู้อาวุโสท่านนี้จำเขาไม่ได้ มันผ่านมาแค่ไม่กี่วันเอง แต่ดอนก็ยังขอบคุณกลับไป
หลังจากเลือกอยู่สักพักเขาก็ตัดสินใจเลือกเทคนิคการฝึกฝนพลังงานกลั่นปฐพี ถือว่าเป็นเทคนิคฝึกฝนพลังงานที่นิยมพอสมควรเพราะมันสามารถ กลั่นอนุภาคดินที่อยู่พื้นดินได้โดยตรง แต่ข้อเสียก็มีคือดินที่ถูกกลั่นไปแล้วนั้นอนุภาคดินจะจางลงต้องใช้เวลาในการฟื้นคืนนาน และเข้าต้องอยู่ติดกับพื้นดินถ้าต้องใช้เทคนิคการฝึกฝนนี้
แต่ใครจะสนใจข้อเสียของมันเพราะอย่างไรก็มีพื้นดินที่ไม่จำกัดให้พวกเขาใช้งาน
หลังจากนั้นหาดูอุปกรณ์กลุ่มยา แต่มันกลับไม่มีในรายชื่อสิ่งของ เขาจึงถาม “ผู้อาวุโส ทำไมถึงไม่มีอุปกรณ์ปรุงยาอยู่ในรายชื่อสิ่งของ ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าข้าจะหามันได้จากที่ไหน”
ชายชราหันมามองดอนด้วยความแปลกใจ “เจ้าเคยเรียนปรุงยา?”
“ไม่เคย! ข้าเลยจะลองดู มันไม่น่าจะยากอะไร?” เขาตอบด้วยความมั่นใจ
“หืม! เจ้าหนู แค่พึ่งทะลวงผ่านเป็นผู้ใช้พลัง ก็นึกว่าศาสตร์แห่งการปรุงยาจะง่ายได้แบบนั้นเลยรึ! แค่เจ้าอยากลองก็ลองได้เลยรึ!” ชายชราตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนกับว่าดอนได้ดูหมิ่นศาสตร์แห่งการปรุงยา
ชายชราคนนี้ยังไม่ปล่อยออร่าแรงกดดันออกมาเพียงแค่คำพูดก็น่ากลัวกว่า ผู้อาวุโส ลำดับที่ 5 เสียอีก
ดอนที่ได้ยินแค่เสียงร่างกายของเขาก็รู้สึกหวาดกลัวและเกร็งขึ้นมาทันที แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แต่เขาไม่สามารถถอยหลัง หรือยอมแพ้ต่อความกลัวแล้วก็เขาลงเพราะเจตจำนงแห่งความโกรธไม่อนุญาตให้เขายอม
“หืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีดีอยู่บ้าง”
แต่ที่ยืนอยู่บริเวณนี้ไม่ได้มีแค่ดอนคนเดียวด้านหลังของเขายังมีซิเรียถอยหลังออกไปด้วยความกลัวใบหน้าของเธอซีดเซียวเป็นอย่างมากที่ปากมีเลือดซึมไหลออกมาเล็กน้อย
“ผู้อาวุโส ข้าเชื่อว่าข้าสามารถทำได้” ดอนพยายามกัดฟันพูด
“โอ้ เจ้าบอกว่าไม่เคยเรียนศาสตร์แห่งการปรุงยา งั้นก็แสดงว่าเจ้าไม่เคยเป็นเด็กคัดแยกวัตถุดิบ? เป็นผู้ช่วยนักปรุงยา? มาก่อนใช่หรือไม่ ?”
ดอนได้ยินที่ชายชราพูดก็รู้สึกงง เขาไม่เคยเรียนรู้ในเรื่องศาสตร์แห่งการปรุงยา จึงไม่รู้ว่ามีตำแหน่งเด็กคัดแยกวัตถุดิบและผู้ช่วยนักปรุงยาอยู่ด้วย แต่เขาก็ยังตอบ “ไม่เคย”
“แล้วเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
“ถึงยังไงข้าก็ยังอยากลองดู” ดอนตอบด้วยความมุ่งมั่น
“ดี ๆ ในเมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนั้นงั้นเรามาพนันกัน” ชายชราสะบัดมือก็มีอุปกรณ์ปรุงยาวางอยู่บนโต๊ะ 1 ชุด และวัตถุดิบ อีก 10 ชุด “เจ้าต้องปรุงยา ผงห้ามเลือด ให้ได้ภายใน 7 วันถ้าไม่ได้ก็ต้องสาบานต่อจิตวิญญาณว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์การปรุงยาอีก ข้าไม่ต้องการให้คนที่ไม่เคารพศาสตร์แห่งการปรุงยามาทำให้มัน แปดเปื้อน”
การขอพรต่อจิตวิญญาณนั้นถือว่าร้ายแรงอย่างมาก ถ้าติดต่อคำสาบานอย่างธรรมดาที่สุด รูนที่อยู่ภายในอาณาเขตวิญญาณจะแตกสลายระดับพลังถดถอย เกิดการบาดเจ็บทางวิญญาณ ระดับพลังไม่ก้าวหน้า ในบางคนอาจจะถึงกับอาณาเขตวิญญาณถูกทำลาย
อาณาเขตวิญญาณถูกทำลาย สำหรับจอมอาคมแล้วอยู่ไม่สู้ตกตายจะยังดีซะกว่าอีก
“แล้วถ้าข้าสามารถทำได้? จะได้อะไร?” ดอนถามออกไป
เขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้ถึงได้โกรธเขานัก เขาแค่อยากลองดูก็แค่นั้น
อันที่จริงแล้วสิ่งที่ดอนพูดมานั้น ถ้าให้นักปรุงยาคนอื่นได้ยินก็คงจะโกรธเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขากว่าจะเป็นนักปรุงยาได้นั้น จะต้องผ่านการฝึกฝน การจดจำตัวยาและวัตถุดิบ รวมทั้งอาศัยความแม่นยำในการกลั่น การสกัดและผสมตัวยา ทั้งหมดต้องใช้เวลาในการฝึกฝนที่ยาวนานนับ 10 ปี
แล้วจะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร? อยู่ ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้ ที่ไม่เคยแม้แต่เรียนศาสตร์แห่งการปรุงยามาบอกว่าสามารถปรุงยาได้เลย
“โอ้! นั้นสินะข้าลืมไปเลย เอาเป็นว่าข้าจะไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าพูดดูหมิ่นศาสตร์แห่งการปรุงยาก็แล้วกัน”
ต้องการให้เขารับพนันในสิ่งที่มีแต่เสีย ชนะก็ไม่ได้อะไร ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ยอมรับอย่างแน่นอน แต่เขาเชื่อว่าทุกอย่างสามารถต่อลองกันได้
“ผู้อาวุโส ท่านจะเอาเปรียบข้าเกินไปหรือไม่? ถ้าทำไม่ได้ข้าถึงกลับไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการปรุงยาได้อีกตลอดชีวิต แต่ถ้าข้าชนะท่านกลับบอกว่า ยกโทษให้ข้า ซึ่งก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับข้าอยู่ดี”
ชายชราถึงกับคิดหนัก ถ้าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าดันกลายเป็นอัจฉริยะสามารถปรุงยาผงห้ามเลือดขึ้นมาได้จริง ๆ แล้วจะทำอย่างไร เขาเองก็ลืมคิดถึงข้อนี้เช่นกัน
“แบบนี้ได้หรือไม่ ถ้าข้าสามารถทำได้ก็ถือว่าเป็นการทดสอบในการที่ท่านรับข้าเป็นศิษย์จำตัวท่าน ท่านมีความเห็นว่ายังไง?”
ดอนเฝ้ารอคำตอบด้วยความคาดหวัง อันที่จริงแล้วถ้าจะอาศัยแค่ตัวเขา มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็มีลูกบาศก์วิญญาณอยู่ซึ่งมันสามารถช่วยเขาได้แน่นอน
“ดี ๆ! ได้ ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าในการเป็นจอมอาคมจะถึงขั้นไร้ค่า แต่ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์ในเรื่องของศาสตร์แห่งการปรุงยา มันก็ยังพอเป็นศิษย์ประจำตัวของข้าได้” ชายชรายิ้มออกมาจากนั้นก็กล่าว “เจ้าไปได้แล้ว อีก 7 วันเจอกันข้าจะรออยู่ที่นี่”
-------------------------------------------------------------
witterry : อ่านจบแล้วก็อย่าลืม comment มาคุยกันบ้างนะครับ ถ้าชอบก็อย่าลืมกด Like และรีวิวนิยายให้ผมหน่อยนะครับ