ตอนที่แล้วตอนที่ 36 ปะทะโบอางูยักษ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 การพนัน ณ โบราณสถานบนยอดเขา 

ตอนที่ 37 การต่อสู้ที่ทางเชื่อมหน้าผา


ตอนที่ 37 การต่อสู้ที่ทางเชื่อมหน้าผา

        หลังจากวิ่งมาได้สักพัก ฝนตกหนักยิ่งกว่าเก่า น้ำไหลตามพื้นป่าทำให้การเดินทางนั้นยากยิ่งกว่าขึ้น ตอนนี้สิ่งเดี่ยวที่อยู่ในความคิดของพวกเขา นั่นก็คือไปถึงหน้าผาและข้ามไปฝั่งนึงจากนั้นก็ทำลายทางเชื่อมทิ้งซะ กว่าที่งูยักษ์จะหาทางข้ามได้ไหมพวกเขาก็คงหนีไปไกลแล้ว

“เร็วอีกแค่ไม่กี่กิโลเมตร ก็จะถึงแล้ว!” ดอนหันกลับไปมองทั้ง 3 คน

        ถึงแม้จะวิ่งนำหน้าอยู่ก็ตามแต่เขารู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก ขอเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัด ซึ่งพละกำลังและความอดทนของนั้นไม่สามารถสู้กับนักรบ ขั้น 2 อย่าง เชร่าและซิเรียได้ทั้งสองคนก็ยังดูอยู่เนื่องจากต้องแบกชูเรียลมาด้วยตลอดทั้งทาง

        หลังจากวิ่งมาประมาณ 30 นาทีก็ถึงบริเวณหน้าผา มันสูงเป็นอย่างมาก ด้านล่างมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว เนื่องจากฝนที่ตกอย่างยาวนาน

ห่างไปประมาณ  300 เมตร มีทางที่ดูเหมือนเป็นหินยื่นออกไป กว้างประมาณ 3 เมตร เชื่อมระหว่างสองฝากฝั่งไว้ด้วยกัน ทางเชื่อมหินดูเหมือนจะไม่มั่นคงเป็นอย่างมากเนื่องจากฝนที่ตกลงมาได้กัดเซาะมันจนดูเหมือนว่าจะพังทลายลงได้ตลอดเวลา 

“ถึงแล้วไป รีบไปข้ามทางเชื่อมหินไป”

ตูม!

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังตามหลักของพวกเขามา เสียงมันดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มันคือเสียงของงูยักษ์ตาบอดที่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะรู้ตำแหน่งของพวกเขาแล้ว

“บัดซบ! มันตามมาทันแล้ว วิ่ง!”

        แต่ก่อนที่เขาจะวิ่งไปถึงทางเชื่อมหิน ด้านหน้าของพวกเขาก็มีเกสเพนสท์กลุ่มนึงกระโดดออกมาขวางทางไว้มันมีอยู่ด้วยกัน 8 ตัว เคลื่อนไหวของมันนั้นแปลกมาก

“เกสเพนสท์!” ซิเรียร้องออกมาด้วยความตกใจ

“บัดซบ ! ทำไมต้องมาเจอพวกมันตอนนี้” ดอนด่าออกไปพร้อมกับสังเกตดูพวกมัน “ซวยแล้วดูเหมือนว่าพวกมันจะมีหัวหน้าเป็นตัวคอยสั่งการ”

        เกสเพนสท์ที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนพวกมันจะมีผู้นำฝูง ตอนนี้พวกเขาโดนขนาดพังทั้งด้านหน้าและด้านหลังไม่สามารถไปไหนได้เลย

“เอาไงต่อ?” เชร่าถาม ขณะที่หันไปมองดอนที่กำลังยืนคิดอยู่

ด้านหลังมีงูยักษ์ตาบอดไล่ตามมา ส่วนหน้านั้นเกสเพนสท์ 8 ตัวที่ดูไม่ธรรมดาพวกเขาอยู่ ถ้าเขายังไม่สามารถข้ามไปฝั่งภายในอีกกี่นาทีข้างหน้า ชีวิตนี้ของเขาคงจะจบสิ้นอยู่ตรงนี้มันแน่นอน

“พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากจะวิ่งฝ่าไป ให้ซิเรียเตรียมพาชูเรียลข้ามไปเมื่อมีโอกาศ ส่วนเชร่าเจ้ามาช่วยข้าเปิดทางไปที่ทางเชื่อมหิน” ดอนหันไปสั่ง

เชร่าดูเหมือนจะลังเลใจ เธอกลัวว่าซิเรียจะทิ้งชูเรียล ถ้าเกิดเหตุการวิกฤตขึ้นจริง ๆ ถนนก็ได้ยินเสียงของชูเรียล “ไปเถอะท่านพี่ข้าไหว ท่านอย่าทำเหมือนข้าเป็นตัวถ่วง”

เธอหันไปมองดอนและกล่าว “หัวหน้าดอน ท่านรับปากได้หรือไม่ว่าจะไม่ทิ้งน้องชายของข้า”

ดูเหมือนว่าถ้าดอนไม่ให้คำสัญญาเธอก็จะไม่ยอมทิ้งน้องชายและออกสู้ช่วยดอนเปิดทางไปแน่นอน สำหรับจอมอาคมแล้วคำสัญญาและศักดิ์ศรีนั้นถือว่ามีความหมายเป็นอย่างมากแต่มันก็ไม่ได้ใช้ได้ครับจอมอาคมทุกคน

“ตกลง พวกเราจะไม่ทิ้งชูเรียล” ดอนกล่าวตกลงทันที

        เชร่าได้ยินอย่างนั้นก็ตกลงที่จะช่วยดอนทันที 

        หลังจากนั้น เชร่า และดอน ก็วิ่งไปหาพวกเกสเพนสท์ ดูเหมือนพวกมันจะมีเกสเพนสท์อยู่ข้างหน้า 3 ตัวและขนาบข้างซ้ายและขวาอย่างละตัว ส่วนด้านหลังสุดจะมีอยู่ 2 ตัวที่ยืนคุ้มกันเกสเพนสท์ที่เป็นหัวหน้า หนึ่งในสองตัวนั้นมีพวกตาแดงอยู่ด้วย

“มันนั้นเอง!” เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ทั้งเชร่าและดอนจำมันได้ทันที มันคือเกสเพนสท์ที่พูดได้ตัวนั้น ที่หนีออกไปจากถ้ำ ‘บ้าเอ้ยท่ารู้อย่างนี้ ตอนนั้นก็ตามไปฆ่ามันซะก็ดี’ เขาได้แต่บ่นอยู่ในใจไม่สามารถทำอะไรได้เพราะโลกนี้ไม่มียาสำหรับความเสียใจ

เกสเพนสท์ตัวหัวหน้าพูดขึ้นมา “ข้า...คือ...ไดมอส เจ้า...ชดใช้...กองทัพ…..ชีวิต  ฆ่า!”

        ดอนได้ยินก็แปลกใจมันมีชื่อด้วย แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องนั้น เชร่าวิ่งตรงไปฟันด้วยทักษะดาบผ่าสายธารใส่เกสเพนสท์ตาขาวตัวใหญ่ทันที

        มันรีบใช้กรงเล็บรับดาบทันที และอีกสองตัวรีบเข้าไปร่วมต่อสู้ทันที ส่วนดอนไม่รอช้ารีบยิงหอกออกไปทันที 3 เล่มใส่ไดมอส ดูเหมือนว่าไดมอสก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าดอนจะไม่สนใจช่วยมนุษย์เพศหญิงคนนั้นแต่กับเลือกโจมตีมันโดยตรง

        ตูม ! ตูม ! ตูม ! 

        หอกที่ยิงไปยิงทะลุร่างของพวกมันไป 1 ตัว ส่วนไดมอสและอีกตัวกะโดดหลบออกไปด้านข้างได้ทัน แต่นั้นก็ถือว่าเขาทำสำเร็จ ตอนนี้ไม่มีใครขวางทางที่จะไปทางเชื่อมหินแล้ว

“ไป ! รีบข้ามไป” ซิเรียรีบพาชูเรียลไปที่ทางเชื่อมหินทันที

        ดอนรีบหันกลับมาช่วยเชร่าทันที ตอนนี้เชร่ามีรอยแผลจากกรงเล็บหลายแห่งเป็นอย่างมากแต่เธอก็ยังสู้ไม่ถอย จนกระทั้งเธอหันไปเห็นน้องชายของเธอวิ่งไปถึงทางเชื่อมหินแล้ว ทำให้เธอผ่อนคลายลงได้บ้าง

แต่ในจังหวะนั้นเองเธอก็ถูกหนึ่งในเกสเพนสท์ 3 ตัวที่สู้อยู่ตบเข้าที่หน้า “อ้ากก ๆ”

เชร่ากระเด็นลอยไปหาดอน เขาที่เห็นแบบนั้นก็รีบรับเธอทันที่จากนั้นก็หันไปร่ายคำแพงผู้พิทักษ์ขังเกสเพนสท์ทั้ง 3 ตัวไว้

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ที่ใบหน้าของเชร่ามีรอยจากกรงเล็บ 3 แผลเวอะหวะ ยาวเกือบ 1 คืบ เขารีบเอามือสองเชร่าขึ้นมาจากนั้นก็สั่งให้กดที่ แผลไว้เพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมามากจนเกินไป ไม่งั้นเธอจะหมดสติได้

“อ้าาาาาา ฆ่าาาา” ไดมอสร้องตะโกนเพื่อให้เกสเพนสท์ที่เหลือโจมตีเข้าหาดอนทันที

“รีบลุกแล้วไปกัน !” 

        แต่ดูเหมือนว่าเกสเพนสท์ที่เหลือจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป มันรีบวิ่งมาขวางทาง ส่วนตัวที่อยู่ในกำแพงผู้พิทักษ์ ก็ปีนออกมายืนอยู่ด้านบนกำเเพงผู้พิทักษ์ร้องคำรามและเลียเลือดที่ติดอยู่ตรงกรงเล็บ “อ้าา ๆ อ้าา ๆ”

        ถึงมันจะพูดไม่ได้เหมือนไดมอส แต่เขาก็สามารถเดาได้ว่าตอนนี้มันกำลังคุ้มคลั่งจากเลือดสด ๆ ของเชร่า

ตูม !

        แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้กระโดดลงจากกำแพงพิทักษ์ จู่ๆก็มีงูยักษ์พรุ่งออกมาบดขยี้ร่างของเกสเพนสท์ทั้งสามตัวจนแหลกเละ เป็นเนื้อบดไม่สามารถแยกได้เลยว่าร่างไหนเป็นร่างไหน

        มันรีบกวาดตามองไปรอบข้างทันที และแล้วก็เจอคนที่ทำให้มันตาบอด “ฟี้ทททททท ๆ” ดูเหมือนมันจะแค้นอย่างมากรีบพรุ่งตรงไปหาดอน แต่มันถูกขว้างโดยสิ่งมีชีวิตรูปร่างคลายกับมนุษย์ผู้ที่ทำให้มันตาบอด มันจึงคิดว่าคนพวกนี้น่าจะมาช่วยดอน เนื่องจากมันไม่สามารถแยกออกได้ระหว่างเกสเพนสท์และมนุษย์

        ส่วนไดมอสก็คิดว่างูยักษ์ตัวนี้ฆ่าพวกมันไป 3 ตัวเพื่อที่จะช่วยดอน มันจึงสั่งให้เกสเพนสท์ที่เหลือโจมตีใส่งูยักษ์ทันที

        งูยักษ์สูญเสียตา 1 ข้าง และเลือดไปมาก ทำให้พลังในการต่อสู้ของมันตกลงมาเหลื่อแค่ ประมาณสัตว์ร้าย ระดับ 2 เท่านั้น ทำให้เกสเพนสท์ตาขาว 3 ตัวและ เกสเพนสท์ตาแดง 1 ตัวต้องสู้กับมันได้อย่างสูสี ส่วนไดมอสนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยมันยืนสั่งการอยู่ด้านข้างเท่านั้น

        ดอนที่เห็นแบบนั้นก็สบโอกาศหนีทันที ตอนนี้ซิเรียและชูเรียล ข้ามไปที่อีกฝั่งสำเร็จแล้ว

        เขาประคองเชร่าแล้ววิ่งไปที่ทางเชื่อมหินทันที ดูเหมือนว่างูยักษ์ตาบอดจะสังเกตเห็นเขาที่กำลังจะหนี จึงสลัดเกสเพนสท์ทั้ง 4 ตัวทิ้ง โดยมันคิดว่าต้องฆ่าเจ้ามนุษย์ผู้นั้นที่ทำให้ตาคนบอดก่อนแล้วค่อยกลับมาฆ่าพวกที่เหลือก็ได้

        นั่นก็คือความคิดเดียวกันไดเมสเช่นกัน

“บัดซบ! พวกมันจะหันมาฆ่าข้าก่อนงั้นหรือฝันไปเถอะ!” เขาใช้พัดลมทั้งหมดพาเชร่าวิ่งข้ามทางเชื่อมหิน

ด้านหลังเขาตามมาด้วย โบอางูยักษ์ตาบอดและพวกเกสเพนสท์ พวกมันขึ้นมาที่ทางเชื่อมหินพร้อมกัน ทำให้ทางเชื่อมหินรับน้ำหนักตัวไม่ไหวอีกต่อไป โดยเฉพาะงูยักที่มีใหญ่กว่า 20 เมตร ทางเชื่อมหินสั่นซะเทือนจนแทบพังได้ทุกเวลาแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจ

ดอนที่ห่างจากอีกฝั่งไม่กี่ก้าว เมื่อเห็นว่าทางเชื่อมหินกำลังจะพัง เขาก็ถึงกับหน้าเสียทันที รีบพาเชร่าวิ่งไปสุดกำลัง

“กระโดด !!!” ดอนบอกเชร่าที่อยู่ด้านของของเขา ทั้งสองคนรีบกระโดด ทันใดนั้นทางเชื่อมหินก็พังลงทันที

แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะกระโดดไม่ถึงอีกฝั่งขาดไปอีกแค่นิดเดี่ยวเท่านั้น แต่ก่อนที่ทั้งสองจะร่วงลงไปก็มีมือยื่นมาจับมือของพวกเขาทั้งสองคนไว้ มันคือมือของซิเรียนั้นเอง

“รีบ...รีบปีนขึ้นมา...ข้า...ข้าจะไม่ไหวแล้ว” แขนของซิเรียทั้งซ้ายและขวาดึงทั้งสองคนอยู่ เธอจึงพูดเสียงสั่นเป็นอย่างมาก

        ดอนและเชร่ารีบปีนขึ้นไป

        เมื่อเขาปีนขึ้นมาพ้นก็ถึงกับนั่งหมดแรงทันที เขาใช้พลังจิตไปเกือบแทบจะทั้งหมดอีกทั้งยังต้องวิ่งมาตลอดทั้งวันทำให้เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

        ดอนบอกกับตัวเองว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาพัก เขาลุกขึ้นมาและเดินไปดูที่หน้าผาทันที

        โบอางูยักษ์ 1 ตัว และเกสเพนสท์อีก 5 ตัว กำลังไหลไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากอย่างรวดเร็ว เกสเพนสท์ทำ 5 ตัวพยายามจะปีนขึ้นไปบนตัวงูยักษ์เพื่อไม่ให้จมน้ำส่วนไดมอสตอนนี้มันใช้กรงเล็บโจมตีเข้าไปที่แผลที่ดวงตาของงูยักษ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้งูยักษ์ยิ่งดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด

        เขามองดูพวกมันสู้กัน กระทั่งพวกมันไหลไปตามน้ำจนคุณระยะสายตาของเขาที่จะเห็นได้

        “เฮ้อ! ในที่สุดก็หนีพ้น” ดอนถอนหายใจยืนไว้อาลัยให้กับฮอคอยู่สักพักพวกเขาก็ออกเดินทางเพื่อหาที่พักกันต่อ

คืนนี้ยังอีกยาวไกลพวกเขาต้องพักผ่อนและหาที่หลบฝนก่อนเพราะดูเหมือนว่าชูเรียลจะทนไม่ไหวถ้าเดินทางต่อ และทุกคนเองก็เหนื่อยล้าเป็นอย่างมากโดยเฉพาะตัวเขาที่ใช้พลังจิตไปเกือบทั้งหมด

ข้อเสียของโดรนที่พักกันอยู่นั้นก็เจอกับกลุ่มของเกสเพนสท์ 2-3 กลุ่ม ดูเหมือนว่ายิ่งเข้าใกล้ยอดเขาโบเมาท์เท่าไหร่ก็ยิ่งจะเจอพวกมันมากขึ้นเท่านั้น

ดูท่าแล้วความกังวลของสถาบันเอราธาเมียที่พวกมึงจะรวมกลุ่มขนาดใหญ่โจมตีเมืองอัสซาเมียจะมีเค้าลางขึ้นมาบ้างแล้ว

จะมาหาสักพักก็ยังไม่พบกับถ้ำที่ใช้หลบฝนได้ ดอนจึงได้ขอตัวแยกมาโดยอ้างว่าจะออกไปหาที่พักให้ทั้งสามคนรออยู่ตรงนี้ก่อน

ชูเรียลและเชร่าไม่ได้สงสัยอะไร แต่ซิเรียนั้นกลับสงสัยว่าทำไมดอนถึงไม่ให้เธอเป็นคนไปหาทั้งที่เธอมีความสามารถในด้านการสอดแนมและแกะรอย ตัวเธอน่าจะเหมาะสมกับหน้าที่นี้มาก

หลังจากแยกตัวออกมา เขาก็หาเนินภูเขาที่มิดชิดแห่งหนึ่งจากนั้นก็เรียกลูกบาศก์วิญญาณออกมา เขาต้องการใช้ความสามารถรูปแบบที่ 1 ของลูกบาศก์วิญญาณนั้นก็คือ การย่อยสลายสมบูรณ์ เพียงแค่คิดลูกบาศก์วิญญาณก็ปรากฏข้อความส่งเข้าไปยังจิตสำนึกของเขา 

[ท่านต้องการใช้การย่อยสลายสมบูรณ์]

[ใช่/ไม่]

“ใช่”

ลูกบาศก์วิญญาณลอยด้านหน้าของเขา แล้วแสดงโครงสร้างพื้นที่ ระยะ 25 เมตรรอบตัวเขาทันที

“นี่มันมีระยะเท่ากับจิตสัมผัสของข้า นั้นหมายความมันสามารถแสดงพื้นที่รอบตัวข้าโดยอาศัยจิตสัมผัสของข้า” ตอนนี้พลังจิตของเขาคือ 25 หน่วย เท่านั้นทั้งแต่ทะลวงผ่านระดับมาเขาก็ยังไม่ได้สร้างรูนขึ้นมาอีกเลยเนื่องจากไม่มีพลังงานพอที่จะให้ลูกบาศก์วิญญาณจำลองรูนพลังจิตศิลาทมิฬขึ้นมาได้

ภายในระยะ 25 เมตรเขาสามารถมองเห็นพวกมันเป็นภาพ 3 มิติได้ เขาสามารถเห็นพื้นดินและหินที่แยกออกจากกันได้อย่างน่าอัศจรรย์เห็นแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อยู่ตามพื้นดินต้นไม้ แต่เมื่อเขาจะดูคนเขากลับมองเห็นได้แค่รูปร่างและโครงสร้างเท่านั้น

ดอนกดไปที่ต้นไม้ดูมันกลับขึ้นข้อความที่อยู่ในจิตสำนึก

[พืช : ที่ไม่รู้จัก]

[วิเคราะห์เบื้องต้น : ผลกินได้ ยอดของมันมีสรรพคุณในการติดไฟที่ดี ]

[มีข้อมูลไม่เพียงพอ]

หลังจากที่เขากดดูไปหลายสิ่งมันก็บอกแต่เพียงแค่ว่ามีข้อมูลที่ไม่เพียงพอ ‘ดูเหมือนว่าข้าต้องหาหนังสือให้ลูกบาศก์วิญญาณอ่านซะแล้ว’ เขาคิดแบบขำ ๆ กับตัวเอง

หลังจากนั้นก็หันไปสนใจสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรก ก็คือขุดถ้ำใช้หลบภัยในคืนนี้ เขาเชื่อว่าลูกบาศก์ทำได้อย่างง่ายดาย เพราะขนาดห้องทดลองเก่ามันยังสามารถทำให้เป็นหลุมยักษ์ได้เลยแล้วทำไมกับแค่ถ้ำเล็ก ๆ มันจะทำไม่ได้

ดอนใช้มือว่าวาดไปที่ภาพสามมิติในหัวของเขา จากนั้นลูกบาศก์วิญญาณก็ลอยออกไปแล้วเริ่มย่อยสลายพื้นดินบริเวณที่เขาเลือกทันที ขอดูว่าถ้าเลือกบริเวณที่กว้างเกินไปลูกบาศก์วิญญาณก็จะเสียเวลาในการย่อยสลาย

เขาทำทางเข้าแค่พอเดินเข้าไปได้ 2 เมตร แล้วทำปล่องระบายอากาศไปด้านบนพอที่จะจุดกองไฟแก้หนาวได้สัก 1 กอง

และพื้นที่ภายในถ้ำกว้างประมาณ 10 ตารางเมตรซึ่งเพียงพอให้เขา 4 คนได้พัก

[การย่อยสลายสิ้น ใช้เวลาไป 19 นาที  40 วินาที ให้พลังงานวิญญาณ 1.93 หน่วย]

ดินและหินที่ขุดออกมานั้นให้พลังงานไม่ถึง 2 เหนื่อยด้วยซ้ำดูท่าแล้วถ้าแล้วถ้าเขาต้องการพลังงานวิญญาณสัก 1000 หรือ หมื่นหน่วยเขาคงต้องย่อยสลายภูเขาทั้งลูกเป็นแน่

หลังจากจัดการเสร็จแล้ว เขาก็ไปตามทั้ง 3 คน ทันทีที่ถึงถ้ำ 3 คนก็รู้สึกตกใจแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป พวกเขาเชื่อว่าจอมคนนั้นมีลักษณะแปลกๆและมีความลับมากมาย

อีกอย่างถ้ำที่เป็นลูกบาศก์ 4 เหลี่ยมแบบนี้แน่นอนว่าต้องถูกสร้างขึ้นมาเพราะมันคล้ายคลึงกับ ลูกบาศก์สี่เหลี่ยมขนาดยักษ์ที่พวกเขาเห็นตอนช่วยเดินออกมาจากห้องทดลอง

โดยที่ดอนเองก็ไม่ได้คิดถึงตรงนี้เช่นกัน

“เจ้าออกไปขูดเอายางของต้นไม้ข้างหน้าถ้ำมาสักหน่อย แล้วตัดกิ่งมันมาด้วย” ดอนหันไปสั่งซิเรีย

        เธอได้แต่คิดว่าหัวหน้าของเธอจะเอายางไม้และกิ่งไม้มาทำอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังออกไปเอามาตามที่เขาสั่ง

        เมื่อเธอได้ยางไม้และกิ่งไว้มา ดอนก็ลงมือจุดไฟทันที ตอนนั้นเองเธอถึงได้รู้ว่าต้นไม้พวกนี้ติดไฟง่ายแม้ว่าจะยังเปียกน้ำฝนอยู่ก็ตาม

-----------------------------------------------------------------

จากผู้แต่ง witterry : อ่านจบแล้วก็อย่าลืม comment มาคุยกันบ้างนะครับสงสัยตรงไหนสามารถถามได้นะ ขอบคุณสำหรับทุก ๆยอดวิวที่เข้ามาอ่าน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด