ตอนที่แล้ว ตอนที่ 35 กำเนิดระบบโลกลูกบาศก์วิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37 การต่อสู้ที่ทางเชื่อมหน้าผา

ตอนที่ 36 ปะทะโบอางูยักษ์


ตอนที่ 36 ปะทะโบอางูยักษ์

        ทันทีที่เขาลืมตามา ก็รู้สึกจนสายตาของหลายคนรอบข้างเรามา

“หัวหน้า ฟื้นแล้ว!” ชูเรียลตะโกนออกมาทันที

“ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?” ซิเรียจับมือเขาอยู่ถามด้วยความกังวลเล็กน้อย

        ถ้าเกิดดอนเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขาจะต้องลำบากแน่นอน

“ข้าไม่เป็นอะไร ห้ามทุกคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด!” เขาสั่งด้วยเสียงเข้ม

        ถ้ามีคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้องทดลองเก่า เขาคงไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับคนที่มาตรวจสอบได้ว่าหลุมสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาดยักษ์เกิดขึ้นได้อย่างไรจากผู้ใช้พลังงานฝึกหัด ตอนแรกเขาคิดว่าจะฆ่าทั้ง 4 คนทิ้งดีไหมเพื่อปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้น ยิ่งคนรู้หน่อยได้ไหมยิ่งดีเท่านั้น

        แต่เขาก็เปลี่ยนใจเพราะถึงอย่างไรทั้ง 4 คน ก็ยังถือว่าเป็นคนในหน่วยของเขา

        เมื่อเห็นสายตาที่น่าขนลุกของดอน ทั้ง 4 คนก็ตอบรับด้วยเสียงเข้มทันที “ครับ / คะ หัวหน้า”

“เอาไปเตรียมตัวได้แล้วเราจะกวาดล้างพื้นที่นี้เสร็จภายใน 2 วันจากนั้นก็เดินทางไปที่ยอดเขาโบเมาท์ทันที” เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกไปเตรียมตัวทันที

        หลังจากนั้นสักพักทั้งกลุ่มก็ออกจากถ้ำและตามล่าเกสเพนสท์ภายในระยะ 30 กิโลจนหมด ถึงแม้จะมีบางตัวที่หลงเหลืออยู่บ้างแต่ก้ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกครามมากนัก ด้วยความที่เขาเอาหัวใจของเกสเพนสท์ทั้งหมดให้ลูกบาศก์วิญญาณกลืนกินจนหมด ทำให้เขาต้องมาเริ่มสะสมหัวใจของเกสเพนสท์ใหม่เพื่อใช้แลกกับแต้มสงคราม

        ตกกลางคืนพวกเขาก็กลับเข้าไปพักในถ้ำและเตรียมตัวที่จะเดินทางต่อทันทีในตอนกลางวันของอีกวัน

        ในคืนนี้ดอนให้ เคน ออกไปล่าเช่นเคยเพื่อเติมเต็มพลังงานวิญญาณให้แก่โลกลูกบาศก์วิญญาณ

เนื่องจากพลังงานทั้งหมดถูกระบบโลกลูกบาศก์วิญญาณใช้ไปจนหมดทำให้ตอนนี้ไม่มีพลังงานวิญญาณพอที่จะหล่อเลี้ยงพืชหลายชนิดจนทำให้พวกมันเริ่มที่จะตายลงบ้างแล้ว

เช้าวันนี้พวกเขาตื่นขึ้นมาแล้วจัดการธุระทั้งหมดเสร็จแล้ว เตรียมตัวที่จะออกเดินทางแต่ดูเหมือนว่าอากาศจะไม่เต็มใจมากนัก เมฆฝนขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วเทือกเขาโบเมาท์

ถึงเขาจะรู้ว่าฝนกำลังจะตก แต่ถึงยังไงก็ต้องออกเดินทางอยู่ดีเพราะมันใกล้ครบกำหนดเวลาในการรวมตัวกันแล้ว

เราจะผ่านไป 1 ชั่วโมงก็เดินมาถึงระยะ 30 กิโลเมตรที่หน่วยของเขาดูแล ใน 30 กิโลที่ผ่านมาเกสเพนสท์ทั้งหมดถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เขายังไม่รู้ว่าหน่วยอื่นจะกวาดล้างพวกมันไปหมดหรือยัง

โดยเฉพาะในตอนนี้ซึ่งสภาพอากาศที่เย็นมากจากกลุ่มเมฆขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเหนือผืนป่าทำให้แสงแดดไม่สามารถส่องลงมาได้

เมื่ออุณหภูมิหนาวเย็นพอสมควรพวกมันอาจจะตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา

พวกเขารีบเร่งเดินทางกันต่อก่อนที่ฝนจะตกลงมา แต่ผ่านไปได้สักพักสายฝนก็กระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้ารั่วไม่มีผิด

ระยะการมองเห็นที่ถูกบดบังด้วยสายฝน ทำให้ต้องระวังตัวเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรบ้าง

“หัวหน้าเราจะหลบฝนก่อนหรือไม่?”ชูเรียลถาม

“เดินทางในช่วงที่ฝนตกอันตรายพอสมควร ข้าว่าเราน่าจะหยุดพักกันก่อน” ฮอคกล่าวเสริม

“ไม่ เราช้ากว่าที่กำหนดมากแล้ว ใช้ผ้าคุมและเดินทางกันต่อ” ดอนสั่ง ทันทีอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้กลัวว่าจะเดินทางล่าช้า แต่สิ่งที่เขากลัวคือ พวกเกสเพสนท์ที่ตื่นขึ้นมา และที่สำคัญศัตรูเขาไม่ได้มีแค่พวกมัน แต่ยังมีสัตว์ร้ายที่อยู่ในป่านี้อีก

ทั้ง 4 คนใช้ผ้าคลุมเพื่อป้องกันสายฝนที่ตกลงมาและเพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกาย ส่วนตัวของนั้นมีผ้าคลุมสีเทาของผู้ใช้พลังงานฝึกหัดอยู่กับตัวอยู่แล้ว ซึ่งมันสามารถป้องกันสายฝน และรักษาอุณหภูมิของร่างกายได้เป็นอย่างดี

        บริเวณที่เขาอยู่ตอนนี้มันเป็นป่าต้นไม้ขนาดใหญ่ มันมีขนาดใหญ่ถึงขนาดที่ว่าใช้คนถึง 40-50 คนออกก็ยังไม่พ้นรอบวงของต้นไม้

        บางต้นมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าพวกมันเรียงซ้อนกัน จนดูเหมือนบางครั้งก็กลายเป็นพื้นดิน ตอนนี้เขากำลังวิ่งอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่มีความกว้างถึง 5 เมตร

 เขาคำนวณระยะทางตามแผนที่แล้ว พวกเขาน่าจะผ่านพื้นที่ของหน่วยอื่น ๆ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 กลุ่ม แต่กลับไม่พบหน่วยอื่น ๆ ไหนเลย ดูเหมือนว่ากลุ่มอื่นจะออกเดินทางไปก่อนแล้ว

ขณะที่เขาวิ่งอยู่นั้นจู่ ๆ ฮอคที่นำทาก็หยุดลงกระทันหัน ด้วยความที่เขาเคยเป็นนายพรานมาก่อนทำให้มีสัญชาตญาณระวังภัยในป่าสูงมาก

“พวกเราคงต้องอ้อมไป ข้างหน้ามีโบอาอยู่” ฮอคชี้ไปที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า

        ดอนมองไปตามที่ฮอคชี้ มันก็เป็นแค่ต้นไม้ธรรมดาแต่เมื่อมองดูดี ๆ จะเห็นว่ามีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ปกคลุมต้นไม้ บางเส้นมันเคลื่อนที่อย่างช้าๆ หลังจากที่สังเกตดี ๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ต้นเถาวัลย์แต่เป็นงูยักษ์

“มันคือโบอา งูยักษ์ สัตว์ร้ายระดับ 2  สมัยที่ข้าเป็นนายพราน เคยเห็นมันไกล ๆ เท่านั้น ข้างหน้าคงจะมีอีกหลายตัว ที่นี่อาจะเป็นรังของมันก็ได้ เราควรจะรีบออกไป” ฮอคอธิบาย

        แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ไปไหน ทันใดนั้นจิตสัมผัสของเขาก็สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่พุ่งเข้ามา

“ระวัง!!!”

         โบอา ขนาดยักษ์พุ่งงับเข้ามาใส่กลุ่มที่พวกเขาอยู่ ทุกคนกระโดดหลบทันทีด้วยสัญชาตญาณ แต่ดูเหมือนว่าคนที่จะตอบสนองช้าที่สุดจะเป็นชูเรียล

        ชูเรียลถูกกระแทกเข้าที่ไหล่ขวากระเด็นตกลงไปที่พื้นดินพร้อมกับกิ่งไม้ขนาดยักษ์ที่แตกกระจายหักลงไปด้วย แขนเขาหักทันที จนเห็นกระดูกเเขนที่โผล่ออกมาเลือดที่ไหลไปตามน้ำไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นหรือตาย

“ชูเรียล!!!” เชร่าที่เห็นก็รีบกระโดดลงไปช่วยทันที

“ระวังมันเป็นสัตว์ร้ายระดับ 3 !” ดอนรีบตะโกนบอกแต่เชร่าก็ไม่ได้สนใจ “บ้าเอ้ย! ฮอคดึงความสนใจมันไว้กับข้า ซิเรียรีบเข้าไปช่วยเชร่าพาชูเรียลออกมา!”

“คะ” ซิเรียตอบกลับแล้ววิ่งตามเชร่าไป

        ขณะที่ งูยักษ์กำลังจะโดนตีชูเรียลที่วิ่งเข้า มันก็ถูกโจมตีด้วยลูกศรเข้าไปที่หัว

        พลังโจมตีของลูกศรไม่สามารถทะลวงผ่านเกล็ดของมันได้ จึกไม่ได้สนใจมากนัก

“ตูม! ตูม! ตูม!” 

แต่ขณะที่มันเผลออยู่นั้น ก็ถูกหอกดิน 3 เล่มของดอนยิงเขาไปที่หัว

“ฟี้ทททททททททท !” มันร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับเสียงกาน้ำเดือด

เขาเรียกมือขึ้นมาปิดหูทันทีด้วยความปวด เมื่อเอาออกมาก็มีเลือดไหลออกมาจากหูติดอยู่ที่มือของเขา

        ที่หัวของมันมีรูแผลขนาดใหญ่ อยู่ 3 แห่ง ดูเหมือนงูยักษ์มันจะโกรธมาก ที่ได้รับบาดเจ็บจากเจ้าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ พวกนี้ที่มันมองว่าเป็นค่าอาหารเท่านั้น

มันพุ่งตรงมาหาดอนทันที

“ฟานามิล มิเลมิส(กำแพงผู้พิทักษ์ จงปกป้องข้าดังขุนเขา)

” ดอนรีบร่ายคาถากำแพงผู้พิทักษ์ถึง 3 ชั้นทันที ป้องกันการโจมตีของมัน

        กำแพงทั้ง 3 ชั้นถึงกับพังทลายลงทันที ถึงแบบนั้นเขาก็ยังสามารถหลบการโจมตีของมันได้อย่างฉิวเฉียด

ดอนที่หลบไปดานข้างก็ยิงยิงหอกดินออกไปอีกเล่มเข้าไปที่ตาข้างขวาของมัน ออกมาถึงกับระเบิดทันทีถึงแบบนั้นดูเหมือนว่าจะหอกดินจะยังไม่รุนแรงพอที่จะทะลุไปถึงสมองมัน 

โบอางูยักษ์ มันดิ้นอาละวาดไปรอบ ๆ ความเจ็บปวด เขาและฮอคอาศัยจังหวะนี้ รีบไปรวมตัวกับคนอื่น

ตอนนี้ชูเรียลถูกแบกออกมาโดยเชร่าและซิเรีย กำลังวิ่งหนีออกมาอย่างสุดชีวิต

ด้านหลังตามมาด้วยดอนและฮอค ทั้งกลุ่มดูโล่งอกเป็นอย่างมาก ที่นี่ลอดออกมาจากงูยักษ์ได้

“ไปรีบออกจากตรงนี้ก่อนเดี่ยวมันก็ตามมา!” เขาตะโกนบอกทุกคน แต่แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะไม่มีเสี่ยงตอบกลับมาจากฮอคที่วิ่งตามหลังมา

        เมื่อหันกลับไปมองข้างหลังเขาก็ถึงกับตกใจ เพราะตอนนี้ฮอคถูกโบอา งูยักษ์อีกตัวรัดตลอดทั้งร่างไว้อย่างแน่น

“อั๊ก ๆ อ๊าก ๆ” ฮอคร้องด้วยความเจ็บปวด

ด้วยแรงที่มันรัด กระดูกทั้งร่างถูกบด เลือดไหลทะลักออกมาจากทางปาก หู และตาที่หลุดออกมาของฮอคอย่างต่อเนื่อง มันกัดเข้าที่หัวของฮอคจากนั้นก็สะบัดร่างของเขาลอยขึ้น และปากกลืนร่างทั้งร่างไป ทั้งอย่างนั้นเลย

“งูบัดซบเอ้ย !”ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้นเขาก็สูญเสียคนไปหนึ่งแล้ว

“ไปรีบไปต่อ!” ตอนนี้เขาไม่สามารถช่วยอะไรฮอคได้แล้ว เขาหันหลังไปดูบริเวณที่ฮอคตายเป็นเป็นครั้งสุดท้ายแต่แล้วก็ต้องเห็นวิญญาณของชายวัยกลางคนยืนอยู่มันร้องด้วยความเจ็บปวด แบบเดียวกับสภาพก่อนที่ฮอคจะตาย

“วิญญาณของฮอค!!!” เขาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ

[ตรวจพบวิญญาณที่สามารถแย่งชิงได้ ดำเนินการหรือไม่]

[ใช่/ไม่]

“ใช่”เขารีบตอบตกลงทันที ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีการแย่งชิงวิญญาณจากพิภพแห่งนี้

        แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง

[ดำเนินการล้มเหลว….]

[ไม่สามารถแย่งชิงวิญญาณได้ เนื่องจากระยะห่างเกินไป ท่านต้องทำการสัมผัสกับวิญญาณโดยตรง...]

        ‘เจ้าจะบ้าหรือให้ไปนั้น’ ดอนได้แต่บ่นลูกบาศก์วิญญาณและตัดใจในวิญญาณของฮอควิ่งหนีออกไปทันที

        ดูเหมือนว่าพวกมันยังไม่อิ่มจึงได้ตามกลุ่มของพวกเขามาทันที โดยเฉพาะงูยกษ์ ตัวที่ตาบอดเพราะหอกของดอน มันตามกลุ่มของเขาอย่างไม่ลดละ และร้องออกมาเป็นระยะด้วยความโกรธแค้น

        ด้วยสายฝนที่ตกลงมาทำให้งูยักษ์ติตามความร้อนของพวกเขาอยากยากลำบาก งูตัวที่กินฮอคก็หยุดตามล่าเพราะมันออกมาจากอาณาเขตของตนเองแล้ว

        ส่วนงยักษ์ตาบอดดูเหมือนมันจะไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว มันตามพวกเขามาอย่างบ้าคลั่ง ทุกที่ที่มันเลื้อยผ่าน ต้นไม้จะถูกทำลายลงไปทันทีด้วยแรงกระแทกจากความเจ็บปวด

        ดวงตาของมันเลือดไหลไม่หยุด แต่ด้วยพลังชีวิตของสัตว์ร้ายที่มหาศาลทำให้มันยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเสียเลือดไปมากก็ตาม

“พวกเราจะทำอย่างไรดี?” เชร่าถามออกมาด้วยความกังวลพร้อมกับใช้เสื้อกดไปที่บาดแผลห้ามเลือด เมื่อเห็นงูยักษ์ตาบอดตาบอดตามมา

        ตอนนี้เธอเป็นห่วงน้องชายของเธอมาก ถ้าชูเรียลน้องชายของเธอยังไม่รีบหยุดพัก และทำแผลเขาอาจเสียเลือดตายได้

“วิ่งต่อไป!!! ไม่งั้นก็ตายอยู่ที่นี่!” ดอนพูดด้วยเสียงที่เย็นชา ตอนนี้เพียงแค่เอาตัวเองให้รอดก็เต็มกลืนมากพอแล้ว แล้วเขาจะยอมไปสนใจทำไมอีกว่าใครจะอยู่หรือตาย

        ด้วยสภาพตอนนี้เขาต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อนถึงจะไปช่วยคนอื่นได้ และไม่สามารถพึ่งพาแสงก่อเกิดที่ไม่มีการตอบสนองที่แน่นอนได้

ถ้าเขาตายทุกอย่างก็จบ ไม่มีการไปต่ออะไรทั้งนั้น

        เชร่าที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่กัดฟันและวิ่งตามดอนไป ส่วนซิเรียเองก็ที่ช่วยแบกชูเรียลก็หันกลับมากล่าว “ถ้าทุกอย่างถึงวิกฤตจริง ๆ ข้าคงต้องทิ้งชูเรียล ส่วนเจ้าก็เลือกเอาแล้วกัน”

        เชร่าไปได้นิ่งเงียบไป เธอเข้าใจดีว่าไม่สามารถโทษดอนและซเรียได้ ถ้าเป็นเธอเธอก็ทำแบบเดียวกัน ไม่มีใครยอมเอาชีวิตมาทิ้งผู้ช่วยคนแปลกหน้า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่หน่วยเดียวก็ตาม

        แต่ตอนนี้คนที่เธอต้องช่วยกับเป็นน้องชายซึ่งเป็นความหวังของพ่อเธอที่จะต้องเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์

………………………...

พวกเขาหนีมาจนกระทั้งเป็นเวลาเย็น ท้องฟ้าเริ่มมืดแต่สายฝนก็ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ตูม ! ตูม ! ตูม !

ตอนนี้ดูเหมือนว่างูยักษ์ตาบอดจะหาพวกเขาไม่ มันจึงอาละวาดทำลายพื้นป่าอย่างต่อเนื่อง แต่ก็คงจะอีกไม่นานที่มันจะเจอตัวพวกเขาเพราะตอนนี้เสียงของมันใกล้ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“รีบห้ามเลือดของชูเรียลซะเรามีเวลาอีกไม่มาก มันจะตามกลิ่นเลือดของชูเรียลมา” ดอนหันไปบอกเชร่าทันทีพร้อมกับโยนผงห้ามเลือดไปให้

        เชร่ามองไปที่ดอนด้วยความรู้สึกขอบคุณและรีบรับผงห้ามเลือดมา

เธอใส่ผงห้ามเลือดไปที่บาดแผลและดันกระดูกแขนที่โผลออกมากลับเข้าที่เดิมของมัน

“อ๊าก ๆ” ชูเรียลร้องขั้นมาด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของเขาขาวซีดมากจากการที่สูญเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก

“เอาผ้าให้เขากัดไว้ ก่อนที่งูยักษ์จะได้ยินเสียงร้อง” ดอนรีบสั่งให้

        หลังจากผ่านไปสักพักเลือดที่แขนของชูเรียลก็หยุดไหล

“รีบไปต่อ ข้างหน้าเป็นหน้าผา มีเป็นทางเชื่อมไปอีกฝั่งอยู่ น่าจะสลัดมันผ้น” ดอนสั่งพร้อมกลับเก็บแผนที่และลุกขึ้น เตรียมไปต่อทันที

-----------------------------------------------------------

จากผู้เขียน witterry : อ่านจบแล้วอย่าลืม comment มาคุยกันบ้างนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด