ตอนที่ 34 ห้องทดลองเก่า
ตอนที่ 34 ห้องทดลองเก่า
เกสเพนสท์ตัวนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก มันสามารถทนต่อแสงแดดยามกลางวันได้
ปกติแล้วเกสเพนสท์ปกติทั่วไปมันจะหลับไหลในตอนกลางวันและออกล่าในตอนกลางคืนแต่เจ้าตัวนี้กลับวิ่งหนี้ไปในตอนกลางวันอย่างขี้ขาดโดยไม่เกรงกลัวความร้อนของแสงแดด และนิสัยที่ไม่ดุร้ายผิดแปลกไปจากเกสเพนสท์ทั่วไปเป็นอย่างมาก
“มันมีสติปัญญาจนสามารถพูดได้”เชร่าพูดขณะที่ห้ามเลือดที่มือ
“ไปจัดการพวกที่อยู่ข้างในกันก่อนก็แล้วกัน ค่อยไปตามหามัน” ดอนส่งลูกศรคืนให้ครับฮอคจากนั้นก็เดินก็เข้าไปจัดการเกสเพนสท์ที่เหลืออยู่ในถ้ำ
หลังจากที่เข้ามาถึงที่รังของพวกเกสเพนสท์ ดูเหมือนว่าจะไม่มีเกสเพนสท์ตัวอื่นอีกที่ดูแปลกประหลาด
ทั้งกลุ่มค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ ๆ พวกมันจากนั้นก็ใช้ดาบและมีดสั้นแทงไปที่เบ้าดวงตา
ใบมีดและดาบทะลุผ่านเข้าดวงตาตรงเข้าสู่สมองโดยตรงทะลุอีกด้านหนึ่งของศีรษะ พวกมันตายคาที่ทันที
หลังจากที่จัดการตัวที่อยู่ด้านบนเสร็จแล้ว เขาก็เคลื่อนย้ายมันออกและฆ่าตัวที่นอนทับอยู่ด้านล่างต่อ
ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ฆ่าเกสเพนสท์ทั้ง 32 ตัวเสร็จ
“ไปสำรวจดูรอบ ๆ ให้ทั่ว ส่วนฮอคช่วยข้าผ่าเอาหัวใจออกมา” เขาสั่ง
ทั้ง 3 คนก็แยกย้ายกันไปสำรวจภายในถ้ำ ฮอคช่วยเขาหาหัวใจของเกสเพนสท์ออกมา หนังของเกสเพนสท์หน้าเป็นอย่างมากฮอคเคยเป็นนายพรานมาก่อนนั้น ดังนั้น จึงคุ้นเคยกับการชำแหละซากสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานฮอกก็ผ่าเอาหัวใจของเกสเพนสท์ออกมาได้ ถึง 6 ชิ้น ขณะที่เขาทำได้เพียง 3 ชิ้น ทั้งที่ใช้ดาบไฟที่เป็นอาวุธพลัง เขาจึงส่งดาบไฟให้ฮอคยืมเพื่อที่งานจะได้ไว
หลังจากที่ฮอคได้ดาบไฟไปก็ใช้เวลาไม่นานหัวใจทั้งหมดก็ถูกผ่าออกมาจนหมด
“การฆ่าพวกมันในตอนกลางวันง่ายจริง ๆ” ดอนนับหัวใจเกสเพนสท์ดู ตอนนี้เขามีหัวใจของเกสเพนสท์รวมเฉพาะที่ได้มาในวันนี้ ถึง 46 ชิ้นแล้ว
“หัวหน้า จะให้เข้าพบศพเหล่านี้ทิ้งเลยไหม” ฮอคถาม
“ไม่ต้องทิ้งไว้แบบนี้”
‘ซากศพพวกนี้จะทิ้งก็เสียดาย คืนนี้ให้เคนเอาลูกบาศก์วิญญาณ มาย่อยสลายเป็นพลังงานก็แล้ว’ เขาคิดค่าที่มองไปที่ซากศพทั้ง 32 ร่าง
“ท่านดอน ข้าเจอบางอย่าง” ทันใดนั้นเองเสียงของซิเรียก็ดังขึ้น
ดอนเดินไปดู สิ่งที่ซิเรียเจอมันคือประตูเหล็กเก่า ๆ ที่เปิดทิ้งไว้อยู่ มันคือห้องทดลองของเก่า ดูเหมือนว่าจะมีกองสมบัติที่พวกเกสเพนสท์ได้จากการฆ่าคนรวมทิ้งไว้อยู่
“พวกมันจะเก็บของพวกนี้ไปทำอะไร ในเมื่อพวกมันไม่ได้ใช้” ชูเรียลถามอย่างสงสัย
“พวกมันจะไม่ได้ใช้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกมันจะไม่ใช้” ดอนกล่าวขณะที่เดินเข้าไปภายในห้อง
“หัวหน้าหมายความว่าอย่างไร?” ชูเรียลถามด้วยความอยากรู้
แต่ดอนก็ไม่ได้ตอบ เขาสั่งทั้ง 4 คน “เราจะย้ายกันมาพักที่นี่ ทั้ง กลับไปรวบรวมน้ำและอาหาร และย้ายข้าวของมาที่นี่ ก่อนเย็น”
ทั้ง 4 คนดูแปลกใจเล็กน้อย ปกติแล้วควรที่จะต้องสร้างที่พักให้ห่างจากบริเวณที่อับชื้นแบบนี้ซึ่งบางทีอาจจะมีเกสเพนสท์เข้ามาก็ได้นอนอยู่ตอนกลางวันก็ได้ แต่คิดได้แบบนั้นมันก็ดีกว่าไม่ใช่รึ? พวกเขาแค่รอให้มันมานอนหลับตอนกลางวันจากนั้นก็ช่วยมันทิ้ง
ระหว่างที่ทุกคนออกไปย้ายของ เขาก็เอาลูกบาศก์วิญญาณออกมาแล้วย่อยสลายซากศพทั้งหมดที่อยู่ภายในถ้ำ หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ไม่ได้สงสัยอะไรแค่คิดว่าดอนน่าจะมีวิธีการพิเศษบางอย่างก็แค่นั้น
ดอนให้ทุกคนช่วยกันอำพรางปากทางเข้าถ้ำทอง 2 เส้นทาง โดยเขาใช้คาถากำแพงผู้พิทักษ์เพื่อลดขนาดพื้นที่ของปากถ้ำจากนั้นก็ใช้ต้นไม้บริเวณนั้นปิดปากถ้ำอีกที
หลังจากทุกอย่างก็เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาเย็นแล้ว
ที่พักของทั้ง 4 คนอยู่ฝั่งทางด้านซ้าย ด้านในสุดของถ้ำเป็นห้องทดลองเก่า ซึ่งตอนนี้ถูกดอนยึดไว้เป็นที่พักเรียบร้อยแล้ว
ภายในห้องมันมีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก ภายในมีสมุดบันทึกการทดลอง หลอดแก้วและอุปกรณ์การทดลอง ที่วางเรียงรายกันอยู่บนชั้น พูดมาทั้งหมดคือของคุณภาพสูง และกองสมบัติของเกสเพนสท์ที่วางอยู่บริเวณพื้นของเสาหินทดสอบพลังงานที่ดูเก่าแก่เป็นอย่างมาก
ขอเดินมาปัดฝุ่นบนเก้าอี้ จากนั้นก็นั่งลงและเปิดสมุดบันทึกที่มีฝุ่นจับอยู่หนาเตอะ
“ฟู่ด ๆ ๆ”เขาก้มลงไปเอาปากเป่าฝุ่นที่อยู่บนสมุด ก็เผยให้เห็นข้อความที่เขียนอยู่บนหน้าปก
“สมุดบันทึกการทดลองห้องปฏิบัติการลับโบเมาท์-3”
‘โบเมาท์-3 โบเมาท์น่าจะเป็นชื่อของเทือกเขาโบเมาท์ งั้นเลข 3 ก็คงจะเป็นห้องทดลองที่ 3 แสดงว่าภายในเทือกเขาแห่งนี้ยังมีห้องปฏิบัติการแบบนี้อยู่อีกอย่างน้อย 2 แห่ง’ เขาคิดขณะที่เปิดสมุดบันทึกเพื่ออ่าน
เมื่ออ่านมันก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่ออกมาจากตัวอักษรที่ถูกเขียนไว้ ‘น่าจะถูกเขียนโดยจอมอาคมที่อยู่ระดับสูงพอสมควร จะดูเหมือนเขาจะไม่ได้จงใจใช้พลังจิตเข้าไปในตัวอักษร ทำให้ข้ายังสามารถอ่านได้’
“ปี 4401 11 ตุลาคม
การทดลองพัฒนาศักยภาพระดับสายเลือดของร่างกายมนุษย์”
“ปี 4402 10 มกราคม
ตอนนี้การทดลองกำลังเป็นไปได้ดี ไม่มีกลุ่มทุนองค์กรมืดที่สนับสนุนเงินทุนจำนวนมหาศาล ทำให้มีตัวทดลองมนุษย์จำนวนมากถูกส่งเข้ามาใช้ในการทดลอง
และเราได้พัฒนายาที่ใช้เพิ่มความสามารถร่างกายของมนุษย์ได้สำเร็จแต่เราไม่ได้หยุดแค่นั้น”
“ปี 4410 28 เมษายน
ดูเหมือนเบื้องบนจะเร่งโครงการเป็นอย่างมาก เพราะดูเหมือนว่าองค์กรคู่แข่งก็จะทำการทดลองเกี่ยวกับศักยภาพสายเลือดเช่นกัน
ได้มีการใช้ชิ้นส่วนสัตว์อสูรมาสกัดสายเลือดเพื่อผสานเข้ากับมนุษย์”
“ปี 4415 16 ธันวาคม
นี่เป็นการฉีดสายเลือดของสัตว์อสูรให้กลับมนุษย์ ผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก แต่ก็ต้องมาดูตัวทดลองในระยะยาว…..”
“ปี 4430 19 กรกฏาคม
ตอนนี้โครงการเข้าใกล้ความจริงใจมากครับ ที่เกิดอาการคุ้มคลั่ง ตัวทดลอง 402 ค่าพลังกายและความอดทนนั้นเพิ่มสูงเป็นอย่างมาก เกือบ 70 หน่วย
“ปี 4431 8 ธันวาคม ตัวทดลอง 402 เกิดอาการคุ้มคลั้งและฆ่าจอมอาคมไป 1 คน เราไม่มีทางเลือกต้องฆ่ามันทิ้ง ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง พวกเราต้องทำให้สำเร็จถึงแม้ว่าทางสหพันธ์จะล่าสุดพวกเราอยู่ก็ตาม
”
“ปี 4432 20 มกราคม
ผ่านมาแค่เดือนกว่าพวกสหพันธ์ทำลายองค์กรและห้องทดลองเอาไปเกือบหมด ผลงานที่พวกเราค้นคว้ามากว่า 30 ปีจะไม่มีทางให้พวกมันได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน”
“ปี 4433 3 มกราคม
ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเหลือเพียงเราเท่านั้น แต่เราค้นพบความเป็นไปได้เป็นไปได้อย่างหนึ่ง นั้นคือสายเลือดของคนในลัทธิบูชาปีศาจและคงต้องออกเดินทางเพื่อที่จะหามันให้พบ
อวยพรให้พวกเราด้วย”
นี่คือบันทึกที่เหลือทิ้งไว้แต่คร่าว ๆ เท่านั้น บันทึกผลการทดลองดูเหมือนว่ามันจะถูกเก็บไปด้วย บางทีคนพวกนั้นอาจจะคิดว่าไม่ได้กลับมาถึงได้ทิ้งบันทึกเล่มนี้ไว้เผื่อจะมีคนมาเจอห้องทดลองอย่างน้อยก็จะได้รับรู้ว่าพวกเขาเคยมีตัวตนอยู่
สมุดบันทึกเล่มนี้ถือว่ามีค่าเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีสูตรยา หรือ วิธีการสกัดสายเลือด และผลการทดลองที่แน่ชัดเจน แต่มันกลับบอกถึงแนวคิดในการทดลอง
เขากำลังจะเก็บสมุดบันทึกนี้ลงไปในกระเป๋าอาคมแล้วก็ต้องหยุดกระทันหันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่มาเซออสเอาหนังสือไปทั้งหมดกจากกระเป๋าอาคม ‘ข้าจะทำอย่างไร? จริงสิ!’
เขาเรียกลูกบาศก์วิญญาณจากนั้นก็ย่อยสมุดบันทึกลงไปทันที ดอนเข้ามาภายในโลกของลูกบาศก์วิญญาณจากนั้นก็สร้าง สมุดบันทึกที่ถูกย่อยสลายขึ้นมาใหม่
เมื่อเขาเปิดทุกอย่างในสมุดบันทึกก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน “ฮ่าๆๆ คราวนี้แหละจะมีใครมาแย่งสมุดบันทึกไปจากข้าได้ข้าควรทำกับตัวหนังสือและสมุดบันทึกทุกเล่ม”
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มดูหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะอีก
“นี่มัน ศาสตร์แห่งการปรุงยาพื้นฐาน เล่ม 1-3 และนี่ก็ 12 สูตรยาพื้นฐาน ฮ่าๆๆ” เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากลำพังเพียงแค่ตอนจะได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงยาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว ตอนนี้เขายังได้ 12 สูตรยาพื้นฐานมาด้วย
“บ้าน่า สูตรยาระดับ 2 ยาคืนชีวิต ยาที่รักษาบาดแผลที่ไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหนก็ให้หายได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ต่อแขนขาที่ขาด ถ้าคนธรรมดากินเข้าไปสามารถยืดอายุ 10 ปี ที่นี่มันขุมทรัพย์ชัด ๆ” เขารีบส่งหนังสือทั้งหมดให้ลูกบาศก์วิญญาณย่อยสลายและสร้างขึ้นใหม่เพื่อเก็บไว้ทันที
แบบนี้เขาจะอ่านเมื่อไหร่ก็ได้และที่สำคัญไม่ต้องกลัวมีคนมาดักปล้นไป เพราะแค่ 12 สูตรยาพื้นฐาน 1 สูตรก็ขายได้เป็นหมื่น ๆ ผลึกพลังงานแล้ว
หนังสือภายในห้องที่เหลือทิ้งไว้ก็มีเพียงแค่นี้ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่มองว่าหนังสือเหล่านี้มีค่ามากนะ ส่วนอุปกรณ์ในห้องนั้นส่วนใหญ่เสียหายไปหมดแล้วซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้
เขาหันไปสนใจ กองสมบัติของเกสเพนสท์ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่เหรียญเครดิต เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ มันมีอาวุธและชุดเกราะอยู่บ้าง และของอื่นๆอีกเล็กน้อย
เขาเริ่มแยกประเภทและจัดเรียงกันที
มันมีเงินเครดิตประมาณ 1 แสนเหรียญ แหวนยืนยันตัวตนอีกประมาณร้อยกว่าวง ทองคำและเหรียญทองคำน้ำหนักรวมประมาณ 1 กิโล(65.6บาท) เขาถึงกับตาเป็นประกายถ้าอยู่ในโลกใบเดิมเขามีเงินกินเงินใช้ไปอีกนานไม่ต้องอยู่ในหอพักเก่า ๆ โทรม ๆ อีก
แต่ในโลกของจอมอาคม ทองคำแค่นี้ ไม่นับเป็นอะไรได้ นอกจากวัสดุที่ใช้ในการส่งผ่านพลังงานที่ดี เงินตราที่แท้จริงของจอมอาคมคือผลึกพลังงานเท่านั้น
ในกองยังมีอาวุธพลังงานอยู่ 3 ชิ้น
ชิ้นแรกคือ มีดสั้นเงาจันทร์ อาวุธพลังงาน ระดับ 3 เมื่อเขาลองหยิบมันขึ้นมาดูข้อมูลที่อยู่ภายในก็ถูกส่งเข้ามาให้เขาโดยตรง ๆ มันทำให้คุณไม่รู้ข้อมูลของมัน
เหตุที่มันถูกจัดเป็นกับ 3 ก็เพราะว่ามันสามารถรองรับพลังงานที่ส่งมาจากร่างกายได้ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกพลังงาน นั้นหมายความว่ามันรองรับพลังงานจากเมล็ดพันธุ์ชีวิตของนักรบเช่นเดียวกัน
โจมตีของมันน่าทึ่งมาก มันสามารถทำพลังโจมตีได้สูงสุดถึง 20 หน่วยในครั้งเดี่ยว แต่มันก็ใช้พลังงานเยอะเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
ชิ้นที่ 2 เองก็เป็น อาวุธพลังงานมันคือเกาะอ่อน มีชื่อว่า เกาะด้วงเหล็ก เพราะมันทำมาจากเกาะของสัตร้ายระดับ 3 ด้วงเหล็กที่กินแร่เหล็กเป็นอาหาร มันสามารถรับการโจมตีได้สูงสุดถึง 25 หน่วยเลยดีเดี่ยว
“เป็นเกาะที่ดีมาก” เขารีบสวมใส่มันไว้ด้านในเสื้อทันที
ส่วนชิ้นสุดท้ายเป็นแค่มีดสั้น มันมีชื่อว่าเงาปีศาจ เป็นแค่อาวุธพลังงาน ระดับ 1 เท่านั้น ที่ไปของด้ามมีดมันสามารถใส่ผลึกพลังงานได้ 1 ก้อน
เมื่อลองใช้งาน ทันใดนั้นตัวมีดก็หายไปจากมือของเขา มันคือมีดล่องหน
และแล้วเราก็เจอสิ่งเป็นประโยชน์กับเขาจริงๆ มันคือกระเป๋าอาคม ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของผู้ใช้พลังงานฝึกหัดของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียเช่นเดียวกันกับเขา
ก๊อกๆ
“ท่านดอน อาหารพร้อมแล้วคะ” ซิเรียเคาะประตูและเรียกเขาด้วยเสียงที่อ่อนหวานอยู่หน้าประตูห้องห้อง
“อืม เดี่ยวข้าตามไป” เขาเก็บของทั้งหมดลงกระเป๋าอาคมของตัวเอง
มาเปิดประตูห้องออกมา ก็เห็นซิเรียยืนอยู่ “เอานี่ของเจ้า”
เขาหยิบมีดสั้นเงาปีศาจแล้วยืนให้ครับซิเรีย เพราะเห็นว่าเธอนั้นไม่มีอาวุธพลังงานเลยแม้แต่ชิ้นเดียว พร้อมกับให้พลึกพลังงานไป 2 ก้อน เพื่อไว้เตรียมพลังงานให้กับมัน
เขาไม่ได้คิดมาก ซิเรียนั้นใช้มีดสั้นเป็นอาวุธประจำตัวอยู่แล้วเธอก็ควรที่จะมีอาวุธพลังงานไว้ใช้บ้าง
อันที่จริงเขาวางแผ่นว่าถ้ามีผลึกพลังงานมากพอก็ควรหาอาวุธพลังงานให้ทุกคนได้ใช้ เพราะคนของเขาเข็งแกร่งขึ้น ทีมของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นช่วยให้เขาสามารถมีแต้มสงครามมากขึ้นเช่นเดี่ยวกัน
“อาวุธพลังงาน”ซิเรียรีบรับมีดสั้นเงาปีศาจด้วยความดีใจทันที
ช่วงที่ผ่านมาเธอรู้สึกอิจฉาเชร่าเป็นอย่างมากที่มีอาวุธพลังงานไว้ในครอบครอง ถึงแม้ว่ามีดสั้นเล่มนี้จะสู้ดาบของเชร่าไม่ได้ก็ตาม
เธอมองด้านหลังของดอนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า แล้วคิดว่าเธอจะตอบแทนเขาด้วยท่วงท่าไหนดี
-----------------------------------------------------------
จากผู้เขียน witterry : อ่านจบแล้วอย่าลืม comment มาคุยกันบ้างนะ