ตอนที่ 29 ข้าคิดแค่ 1,000 ผลึกก็พอ
ตอนที่ 29 ข้าคิดแค่ 1,000 ผลึกก็พอ
เรือเหาะใช้เวลาเดินทาง 3 วัน ก็มาถึงเมืองอัสซาเมีย
เมืองอัสซาเมียตั้งอยู่ทางภูมิภาคตอนใต้ของสหพันธ์ มันมีสภาพอากาศที่ร้อนชื้นเป็นอย่างมาก ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้น หรือเปล่าฝนเขตร้อน ที่นี่เป็นแหล่งส่งออกไม้ เนื้อสัตว์ สมุนไพร และวัตถุดิบทางยาที่สำคัญขององค์กรบุปผานิรันดร์ 1 ใน 12 องค์กรผู้สนับสนุนของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย
หลังจากที่เรือเหาะลงจอดเทียบท่า ศิษย์ทุกคนลงจากเรือเหาะแล้วมารวมกันอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นค่ายทหารขนาดใหญ่
เนื่องจากที่นี่อยู่ห่างจากแนวหน้าทำให้ทางสถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย ส่งแค่จอมอาคมระดับผู้สร้างมาดูแลแค่ 10 คนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือไนเรล ด้านหลังของเขาลูกศิษย์ประจำตัว 3 คน ลิริธ โอเฟียเลีย ด้านข้างของเธอมีออร์คัสยืนประกบอยู่ด้านข้าง ดูเหมือนว่าออร์คัสจะขอแยกตัวออกมาทำภารกิจที่เมืองนี้ ผู้อาวุโสลำดับที่ 5 มอร์บิค จึงไม่ได้มาด้วย
อิกรีออน กำลังยืนมองทั้งสองคนด้วยความอิจฉา
เขาจะมีสถานะเป็นลูกศิษย์ประจำตัวเช่นเดียวกัน แล้วก็มาจากตระกูลจอมอาคม แต่ถึงแบบนั้นตระกูลของเขาก็ไม่มีจอมอาคมอยู่อีก ปู่ของเขาซึ่งเป็นจอมคนสุดท้ายของตระกูล ได้ถูกสัตว์อสูรฆ่าตายไปเมื่อหลายปีก่อนนั้น
มันทำให้ถึงแม้เขาจะมีสถานะเป็นลูกศิษย์ประจำตัวแต่ก็ไม่ได้สำคัญมากนัก เขาถูกส่งมาทำภารกิจที่เมืองแห่งนี้ และไม่ได้ติดตามอาจารย์ของไป ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยินดีเพราะว่าเขาจะได้ใกล้ชิดกับลิริธ แต่แล้วใครจะไปคิดว่า ออร์คัสจะขอมาทำภารกิจที่นี่ด้วย
ถึงแบบนั้นเขาก็ยังหันไปยิ้มให้กับออร์คัสด้วยความถ่อมตน
ดอนสำรวจรอบข้าง ผู้ใช้พลังงานฝึกหัด จากสถาบันถูกส่งมาแค่ 500 คน ที่นี่ไม่ได้มีแค่ผู้ใช้พลังงานฝึกหัดของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียเท่านั้น แต่ยังมีจอมอาคมและผู้ใช้พลังงานฝึกหัดพเนจรที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับองค์กรหรือสถาบันใดเข้ามาร่วมด้วยเช่นกัน
เนื่องด้วยรางวัลที่ทางสถาบันสมาคมมอบให้นั้น เป็นสิ่งที่เย้ายวนใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปรายงานตัวตามหน่อยของเขาที่ได้รับมอบหมาย
“ข้ามารายงานตัว” เขาส่งม้วนภารกิจให้กับชายชราที่นั้งพิงหลังอยู่ที่โต๊ะ
ชายชราไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่รับม้วนภารกิจมา หลังจากนั้นก็หยิบตราประจำตัวและโยนให้เขาแบบส่ง ๆ “ผนึกพลังงานและตราประจำตัวของเจ้า เข้าไปด้านในและเลือกผู้ติดตาม คนต่อไป”
“ผลึกพลังงานได้แค่นี้เองหรือ?” เขาถามชายชราที่ตอนนี้เอาแต่นั้งหาว
“20 ผลึกสำหรับตราเหล็ก 50 ผลึกสำหรับตราทองแดง และ 100 ผลึกพลังงานสำหรับตราเงิน เจ้าได้ตราอะไร”
“ตราเหล็ก?”
“ถ้าเช่นนั้นก็ได้แค่นั้น เจ้าไปได้แล้วไป ข้ายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ เอาละคนต่อไป”
“เออ...เช่นนั้น..ข้าขอบคุณผู้อาวุโส” เขาได้แต่ขอบคุณชายชราพร้อมกับเดินเข้าไปข้างในค่าย ขณะที่คิดวิธีที่จะหาผลึกพลังงานเพิ่มให้เพิ่ม
ที่ค่ายแห่งนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 10 กองกำลัง มีผู้บังคับบัญชาเป็นจอมอาคมระดับผู้สร้าง ถือตราทองคำ 1 ดาว และใน 1 กองกำลังจะมีหัวหน้าหน่วยแบ่งเป็น ตราเหล็ก ตราทองแดง และ ตราเงิน
หัวหน้าหน่วยตราเหล็ก มีผู้ติดตาม นักรบขั้น 2 ได้ 6 คน
หัวหน้าหน่วยตราทองแดง นักรบขั้น 3 ได้ 6 คน
หัวหน้าหน่วยตราเงิน คือผู้ใช้พลังงานฝึกหัดระดับผู้ควบคุม มีผู้ติดตาม อัศวิน ขั้น 3 ได้ 12 คน
ทองคำ 1 ดาว คือผู้ที่เป็นผู้บัญขาการ 1 กองกำลัง
เหตุผลที่ต้องกำหนด ขอบเขตของผู้ติดตาม ก็เป็นเพราะว่า เพื่อให้หัวหน้าหน่วยที่เป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดสามารถควบคุมและป้องกันการทรยศจากผู้ติดตาม
เนื่องจากเคยมีกรณีที่ผู้ใช้พลังงานระดับผู้สัมผัสถูกฆ่าโดยอัศวินข้ารับใช้
ดอนถือตราเหล็กเข้าไปข้างในค่าย ที่ด้านหน้าของตราทองแดงมีชื่อของเขาอยู่ ด้านหลังของตราเป็นจำนวนแต้มสงคราม ตอนนี้มันยังคงเป็น 0 อยู่
หลังจากที่เข้ามาในค่าย สิ่งแรกที่เขาเห็นคือนักรบไม่ว่าจะเป็นทั้งชายและหญิงกำลังฝึกฝนกันอย่างหนัก
มีผู้ใช้พลังงานฝึกหัดหลายคนกำลังยืนเลือกผู้ติดตามของตนเองอยู่
หนึ่งในนั้นมีอิกรีออนอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าอิกรีออนก็จะสังเกตเห็นเขาเช่นกัน มันยิ้มแล้วมองมาที่เขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
เขารู้สึกขยะแขยงสุดสายตาที่เหมือนกับงูพิษของอิกรีออนเป็นอย่างมาก
‘เห้อ...ยิ่งเกลียดใครมากๆ ก็จะเจอหน้าคนนั้นบ่อย ๆ มันคงเป็นแบบนี้นี่เอง เดี่ยวสิข้าใช้วิธินั้นได้ เรียกค่าเสียหาย ฮ่าๆๆ ข้าต้องใจเย็น ๆ เดี่ยวปลาไม่กินเบ็ด’ เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจกลุ่มของอิกรีออน และเดินผ่านไปทั้งแบบนั้น
“หึ หยุดเดี่ยวนี้ เจอกับหัวหน้าหน่วยตราเงินแล้วไม่ทำความเคารพอีกหรือ” ผู้ใช้พลังงานฝึกหัดวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านข้างอิกรีออนกล่าวด้วยเสียงที่หยิ่งผยอง
หัวหน้าหน่วยที่มีระดับตราสูงกว่าสามารถออกคำสั่งกับหัวหน้าหน่วยที่มีระดับตราต่ำกว่าได้ และหัวหน้าหน่วยที่มีระดับต่ำกว่าต้องทำความเคารพหัวหน้าหน่วยที่มีระดับสูงกว่า แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในกฎข้อบังคับของกองทัพ ถ้าจะพูดให้ถูกมันเป็นแค่เพียงธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้น
เขายังทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของอีเกล แล้วเดินต่อไปโดยไม่สนใจ เขาเดินชนไหล่ของอีเกลทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้! ข้าบอกให้หยุดก็ไม่ได้ยินหรือไง เจ้าเดินชนข้าแล้วยังไม่ขอโทษอีก คุกเข่าขอโทษซะเเล้วข้าจะให้อภัย” อีเกลกล่าวพร้อมกับเดินไปขวางทางดอน
อีเกล เป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดพเนจร วัยกลางคนที่มีนิสัยโพงผลางและชอบใช้กำลัง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์โจมตีขึ้นเขาได้เข้ามาในเมืองนี้ เมื่อรู้ว่าสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียต้องการรับผู้ใช้พลังงานฝึกหัดจำนวนมาก เขาจึงได้เข้ามาสมัครทันทีและได้มารวมกลุ่มกับอิกรีออน
เมื่อเขารู้ว่า อิกรีออนและดอนมีความบาดหมางกันมาก่อนเขาจึงรับอาสาที่จะจัดการดอนเอง เขาต้องการที่จะสร้างความประทับใจให้กับอิกรีออนที่มีสถานะเป็นศิษย์ประจำตัว
“ข้าบอกให้เจ้าคุกเข้าขอโทษไม่ได้ยินหรือ?”
“ถ้าไม่ทำแล้วจะทำไม? เจ้า...หมา...รับใช้” เขามองไปที่อีเกลด้วยสายตายั่วยุ
“บัดซบเอ้ย...” อีเกลที่ได้ยินแบบนั้นก็ของขึ้นทันที สำหรับเขาแล้วคำว่าหมารับใช้ เหมือนกับการจี้ใจดำ
เมื่อก่อนเขาเคยเป็นคนรับใช้ให้กับได้คุณชายของตระกูลเศรษฐีแห่งหนึ่ง ต้องคอยเลียแข้งเลียขาแล้วพูดประจบประแจงอยู่ตลอดเวลา จะถึงแบบนั้นคุณชายคนนั้นกลับมองเขาเป็นแค่หมารับใช้เท่านั้น เวลาที่ไม่ได้ดังใจก็จะถูกทุบตีเขาและถูกเรียกว่าหมารับใช้
ภายหลังเขาได้มีวาสนาเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดเขาได้กลับไปเจอกับคุณชายคนนั้นและทุบตีมันจนเกือบตาย
อิกรีออนกำลังมองดูอยู่ด้านข้างอย่างสนุกสนาน เข้าอยากรู้ว่าดอนจะทำอย่างไร เขาตั้งใจให้อีเกลไปยั่วยุดอน เพื่อที่ดอนจะได้ลงมือโจมตีก่อน เขาเชื่อว่าอีเกลจะต้องต้านการโจมตีจากดอนได้อย่างแน่นอนเพราะดอนนั้นพึงเขามาสถาบันจอมอาคมมาไม่ถึงครึ่งปี คงจะเรียนรู้คาถาได้ ไม่เกิน 1 คาถาแน่นอน จากนั้นพวกเขาจะได้มีข้ออ้างให้ผู้คุมกฏจับดอนขังได้
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปตามแผน
“เจ้า...เรียกข้าว่า...ยังไงนะ ลองพูดอีกครั้งซิ” อีเกลดัดฟันพูด
“หมาแบบเจ้าก็ทำได้เพียงแค่เห่า แล้วยังจะหูหนวกอีก ช่างหน้าสงสารจริง ๆ” ดอนทำหน้าเศร้าหลัง จากนั้นก็ยิ้มด้วยสีหน้ากวนๆ
“สาระเลวเอ๊ย...” อีเกลกระโจนเข้าใส่และต่อยไปที่ดอนทันที
ดอนยิ้มออกมาทันทีที่เห็นแบบนั้น เพราะเขาต้องการให้อีเกลเป็นคนเริ่มโจมตีใส่เขาก่อน
ดอนได้ตั้งท่ารอเบี่ยงตัวหลบหมัดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาตอนที่เขาฝึกคาถาหอกเขาก็หลบหอกที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงมาหลายร้อยครั้งแล้ว จนมันกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหมัดธรรมดาที่ต่อยเข้ามาอารมณ์ชั่ววูบของอีเกลเลยแม้แต่น้อย
เขาหันไปพูดกับอีกเกล “เห็นไหมข้าบอกแล้ว หมาเห่ามักไม่กัด”
“เวรเอ้ย…เจ้าว่าข้ากัดไม่ได้อย่างนั้นหรือ ค่อยดูเถอะข้าจะกัดให้ดู!” แต่แล้วหลังจากที่เขาพูดไป ก็ถึงกับโกรธยิ่งกว่าเก่า เมื่อนึกขึ้นได้ถ้าเขากัดมันได้ ก็ไม่เท่ากับเขายอมรับว่าเป็นหมา?“บัดซบ...ตายซะ!”
ด้วยความโมโห อีเกลร่ายคาถาลูกบอลไฟทันที อนุภาคธาตุไฟที่อยู่รอบด้านเริ่มรวมตัวสร้างเป็นวงจรอาคมทันที
“หยุด!” อิกรีออนเห็นอีเกลร่ายคาถาลูกบอลไฟก็พยายามหยุดอีเกลทันที
ถึงมันอยากจะให้ดอนตายก็ตามแต่ถ้าเกิดฆ่าดอนตายที่นี่ภายในค่ายตอนนี้จริง ๆ มันจะนำปัญหามามากมายถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนลงเองก็ตาม แต่ด้วยระยะห่างระหว่างมันกลับห้ามอีเกลไม่ทันแล้ว
“ตูม!” ทำไมนั้นก็มีร่างของชายคนหนึ่งถูกเตะกระเด็นออกไปชนกับกำแพงของค่ายทันที คนที่ถูกเตะกระเด็นไปนั้นกลับเป็นอีเกล
“ภายในค่ายห้ามมีการต่อสู้กันเด็ดขาด!” ด้านของเขาตรงที่อีเกลยืนอยู่ก่อนหน้านั้น มีชายในชุดเกราะเต็มตัวยืนอยู่ ร่างกายของเขาสูงใหญ่เป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับเคลื่อนไหวเร็วมาก
เขาคือคนที่เตะอีเกลจนกระเด็นไปติดกำแพงนั่นเอง
“คารวะผู้คุมกฎ ข้าก็ต้องขออภัยแทนคนของข้าด้วย ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองด้วย” อิกรีออนรีบทำความเคารพและขอโทษชายคนนั้นทันที
“คารวะผู้คุมกฎ” ดอนรีบทำความเคารพทันที เขาจะไม่ชอบก้มหัวให้ใคร แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังเคารพผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ดี
ภายในค่ายมีผู้คุมกฎ จะคอยดูแล จับกุมและจัดการกับคนที่ทำผิดกฎ ผู้คุมกฎนั้นมีพลังครึ่งขั้นจอมอาคม นั้นทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะทำผิดกฏและแทบจะไม่มีการต่อสูเกิดขึ้นในค่ายเลย
ดอนที่รู้แบบนั้นอยู่แล้วจึงพยายามที่จะยั่วยุอีเกล และสามารถยืมมีดฆ่าคนได้สำเร็จ
ผู้คุมกฏหันไปมองอิกรีออนและกล่าว “ครั้งหน้าอย่าให้มีอีก แยกย้ายกันไปได้แล้ว”
อิกรีออนถึงกลับขนลุกทันที เมื่อได้ยินเสียงของผู้คุมกฏที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“เดี่ยวก่อน ข้าคือคนที่ถูกทำร้ายก่อน ท่านว่าพวกมันควรที่จะชดเฉยผลึกพลังงานเพื่อเป็นค่าทำขวัญให้แก่ข้าหรือไม่” ดอนมองไปที่อิกกรีออนจากนั้นก็หันไปกล่าวกับผู้คุมกฏ
“บัดซบ เจ้าโดนทำร้ายตอนไหนกัน” อิกรีออนที่ได้ยินแบบนั้นก็ด่าออกมาทันที
“อั๊ก ๆ” ทันใดนั้นดอนก็กระอักเลือดออกมาทันที
“เจ้า...!” อิกรีออนไม่คิดว่ามันจะเป็นคนน่าด้านขนาดนี้ เพียงแค่ถามหาอาการบาดเจ็บมันกับถึงแกล้งกระอักเลือดออกมาทันที
“เจ้าต้องการเท่าไหร่” ผู้คุมกฏหรี่ตามองดอน
“อะแฮ่ม!” เขาแกล้งว่าหลบสายตาของผู้คุม “ถ้าต้องการไม่มาก เออ...ข้าคิดแค่ 1,000 ผลึกก็พอ”
“ไม่ได้นั้นมากเกินไป...” อิกรีออนรีบท้วงทันที
“มากไปเจ้าบอกมาใหม่” ผู้คุมกฏกล่าว
“ถ้างั้นแล้วแต่ผู้คุมกฏจะตัดสินเลยขอรับ” ดอนเป็นคนฉลาด ตอนแรกเอาแค่ต้องการจะหยั่งเชิงเท่านั้นแต่ถ้าได้จริงๆก็ถือว่าโชคดีไป
ตอนนี้เขาให้ผู้คุมกฎเป็นผู้บอกจำนวนผลึกพลังงานที่อิกรีออนต้องชดเชย เขาเชื่อว่าอิกรีออนจะต้องยอมจ่ายอย่างแน่นอน
“ดี! เจ้าชื่ออะไร?” ผู้คุมกฏถามเขา
“ข้าชื่อ ดอน ขอรับ” เขาตอบด้วยความกลัวเล็กน้อย
“ข้าจะจำไว้” หลังจากนั้นผู้คุมกฎก็หันไปมองอิกรีออน “ส่วนเจ้าชดเฉยผลึกพลังงานไป 500 ผลึก”
“คือ...” อิกรีออนกำลังจะพูด
“หืม” ผู้คุมกฏถึงกลับขมวดคิ้วมองทันที
อิกรีออนได้แต่กัดฟันจ่ายไปให้ดอน 500 ผลึกพลังงาน เขาไม่กล้าที่จะต่อต้านผู้คุมกฏแน่นอนถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกศิษย์ประจำตัวของสถาบันก็ตาม
“หมดเรื่องแล้วก็แยกย้ายกันไปได้ อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก” ผู้คุมกฎทั้งหลังแล้วก็หายตัวไปทันที
“ขอรับ” ทั้งเขาและอิกรีออนตอบรับพร้อมกัน
อิกรีออนหันมาพูดกับเขา โดยที่ไม่ออกเสียงกลัวว่าผู้คุมกฏจะได้ยิน ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่เขาก็พอจะอ่านปากได้ “เจ้าระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ”
“ข้าจะรอเจ้าเอาผลึกมาให้อีก” เขาตอบกับพร้อมกับยิ้ม และหันหลังเดินออกไปทันทีพร้อมยกถุงที่ใส่ผลึกพลังงานขึ้นมาอวด ปล่อยให้อิกรีออนโกรธจนสีหน้าเขียวค้ำอยู่คนเดียว
“ไป!” อิกรีออนสบัดแขนเดินออกไปทันที ส่วนอีเกลก็ถูกคนของอีกริออนหิ้วปีกสองข้างตามหลังไป
หลังจากเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทุกอย่างก็จบลง
---------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : อิกรีออนแค่ถูกหนุ่มหล่อแย่งจีบผู้หญิงที่ตัวเองชอบจากนั้นก็แค่พาลมาลงที่พระเอกเราแค่นั้นเอง ก็ไม่ได้ชั่วนะ(หรือเปล่า) อ่านจบแล้วอย่าลืม comment มาคุยกันบ้างนะ