ตอนที่ 27 การเรียกรวมตัวด่วน
ตอนที่ 27 การเรียกรวมตัวด่วน
“เฮ้!! เจ้าที่เจอกันบนเรือเหาะนะ ลุกขึ้นแล้วออกไปซะ โต๊ะนี้พวกข้าจองแล้ว” อิกรีออนเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะของดอน
ดูเหมือนว่าอิกรีออนแต่จำชื่อเขาไม่ได้ แต่มันก็ไม่แปลกเพราะอิกรีออนคงจะไม่สนใจจำชื่อคนแบบเขาที่ไม่มีตระกูลจอมอาคมหนุนหลัง
“หมายความว่าอย่างไร! ตอนที่พวกเรานั่งไม่เห็นมีใครจะบอกว่ามีคนจองไว้แล้ว?” ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูด อายูพูดแทรกขึ้นมาตัดบทไปซะก่อน
“หึ! ข้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามมดปลวกระดับต่ำแบบเจ้า เร็ว ๆ รีบลูกออกไปซะ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน” อิกรีออนใช้หางตามองไปที่อายู
“เจ้า…!” อายูลุกขึ้นชี้ไปที่หน้าของอิกรีออนด้วยความโกรธ ดูเหมือนกับลูกแล้วที่ไม่แกรงกลัวต่อพยัคฆ์เลยแม้แต่น้อย
เธอไม่ได้โกรธที่ถูกเรียกว่ามดปลวกแต่โกรธที่กำลังกินขนมแสนอร่อยอยู่ แต่ดันมาถูกขัดจังหวะและไล่ให้เธอลุกออกไป
“พอได้แล้ว ข้าอิ่มแล้วกลับกันเถอะ” เขารีบห้ามอายูทันที
ดอนรู้ว่าเขาไม่สามารถสู้กับอิกรีออนได้เพราะระดับที่ต่างกันเกินไป ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าอิกรีออนน่าจะเลื่อนเป็นผู้ใช้พลังฝึกหัดระดับผู้ใช้พลังงานแล้ว
ถึงแม้เขาจะรับมือกับกับอิกรีออนได้สักพัก แต่มันจะมีประโยชน์อะไร เขาก็ไม่สามารถปกป้องอายูได้ เธออาจจะโดนฆ่าทันทีโดยอิกรีออน
ที่สำคัญก็ไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมอะไรได้ เพราะถือว่าอายูได้ท้าทายผู้ใช้พลังงานฝึกหัดเอง คนตายไม่สามารถพูดอะไรได้ยิ่งเป็นคนธรรมดาด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง
ดอนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโต๊ะทันที ขณะที่อายูทำเสียงฮึดฮัดและหยิบขนมที่วางอยู่บนจานแล้วเดินตามเขาออกมา
“เดี๋ยวก่อน! เจ้าคิดว่าปล่อยให้ข้ารับใช้มาชี้นิ้วใส่หน้าข้าแล้วจะเดินออกไปได้ทั้งแบบนี้เหรอ?”
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?” เขามองไปที่อิกรีออนด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ตอนนี้ภายในร้านบรรยากาศตึงเครียดชวนน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก
“หึ ข้าต้องการอะไรเหรอ ก็จะสั่งสอนข้ารับใช้ของเจ้าแทนเจ้าเอง!”
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังจิตโจมตีเข้ามาใส่อายู เขาเอาตัวมาบังอายู จากนั้นก็ส่งพลังจิตเข้าไปปะทะกับพลังจิตของอิกรีออนทันที
แต่ด้วยพลังจิตอันรัดับผู้สัมผัสของเขา มันก็ถูกกลืนหายไปทันที พลังจิตของอิกรีออนตรงเข้าไปโจมตีติดสำนึกของเขา แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไรมันก็ถูกแสงก่อกำเนิดกลืนกินไปทันที
ถึงเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากพลังจิตของอิกรีออน แต่พลังจิตของเขาที่ถูกทำลาย พลังที่สะท้อนกลับมานั้น มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีคนเอาค้อนปอนด์มาทุบหัวของเขาอย่างแรง
แต่อย่างน้อยเขาก็ป้องกันไม่ให้พลังจิตโจมตีไปที่อายูได้สำเร็จ ถ้าเธอโดนเข้าไปมีหวังอาจถึงตายได้เลย
“อะไรกันพลังจิตของข้าหายไปไหน? หึ ก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหละ” อิกรีออนรู้สึกตกใจและเสียหน้าเป็นอย่างมาก เขามั่นใจว่าพลังจิตของเขาที่ส่งไปนั้นทำลายพลังจิตของดอนได้อย่างแน่นอน
แต่พลังจิตของเขากับหายไปทันที มันไม่ได้ส่งผลต่อเขามากนักการที่พลังจิตบางส่วนจะหายไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามีความสามารถเท่ากับผู้ใช้พลังฝึกหัดรับผู้สัมผัสหรอกเหรอ
ขณะที่อิกรีออนกำลังจะร่ายคาถาเพื่อโจมตีดอนก็ได้มีเสียงดังขึ้นขัด
“พอได้แล้ว อิกรีออน เจ้าทำข้าเสียเวลาจริง ๆ ก็แค่ผู้ใช้พลังฝึกหัดระดับผู้สัมผัสแค่นี้ก็จัดการไม่ได้” ออร์คัสกล่าวและหันไปมองที่ดอน “เจ้าพอจะมีความสามารถอยู่บ้าง วันนี้ข้าอารมณ์ดี ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก็แล้ว แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกนางได้ตายแน่และตัวเจ้าเองก็ด้วย”
“ศิษย์พี่อิกรีออน ท่านนี่ไม่ได้เรื่องเลย ท่านควรที่จะเอาเวลาไปฝึกฝนให้มากกว่านี้” เสียงของลิริธดังขึ้นมา
อิกรีออนที่ถูกตำหนิจากออร์คัสและลิริธกำมือแน่นด้วยความโกรธ เขาทำอะไรออร์คัสไม่ได้ ยิ่งลิริธไม่ต้องพูดถึง
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่วันที่เจอบนเรือเหาะ แต่เมื่อเธอได้เป็นลูกศิษย์ของไนเรล ก็ทำให้เธอดูเหมือนจะเปล่งประกายกลายเป็นดาวที่อยู่บนท้องฟ้าไปซะแล้ว เพียงแค่ไม่กี่เดือนก็สามารถขึ้นไปเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดระดับผู้ใช้พลังงานได้แล้ว
ถึงแม้ตัวเขาเองก็สามารถเลื่อนไปเป็นระดับผู้ใช้พลังงานได้แล้วก็ตาม แต่นั่นเป็นเพราะว่าก่อนที่เขาจะเข้ามาสถาบันพลังของเขาก็ถึงระดับผู้สัมผัสขั้นสูงสุดแล้ว
แม้แต่ออร์คัสเอ็งก็สนใจในตัวเธอเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางให้เธอหันมามองบ้าง แต่เขากลับถูกฉีกหน้าโดยเจ้าคนไร้ค่าที่เคยเจอกันบนเรือเหาะ แล้วยังถูกลิริธตำหนิอีก
เขาจึงได้นำความโกรธทั้งหมดลงที่ดอน ‘บังอาจอาจทำให้ข้าเสียหน้าต่อหน้าลิริธ หึ คอยดูเถอะ’
“เราไปกันเถอะ” ดอนหันหลังแล้วเดินออกมาทันที อายูที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านข้างเดินตามเขาออกมาด้วยความมึนงง เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ดูเหมือนเจ้านายของเธอจะได้รับบาดเจ็บ
เธอเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นไม่มีทางที่จะไปสัมผัสถึงความเร็วของพลังจิตที่โจมตีเข้ามาได้อย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เธอรู้สึกขนลุกและกลัวเป็นอย่างมาก เป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตที่หวาดกลัวต่อตายโดยที่ไม่รู้ตัว
เมื่อออกมาเป็นร้านอาหารอายูสังเกตเห็นว่าดอนเจ้านายของเธอเดินช้าลงมือของเขากำแน่นแล้วเหงื่อออก เขาค่อยเดินโซเซทำท่าจะล้ม อายูจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองทันที
“นายท่านเป็นอะไรหรือไม่?”เธอมองไปที่ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดของดอนก็ตกใจทันที เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นหนักขนาดนี้
“ข้า...ข้าขอโทษเรื่องทั้งหมดนี้ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะข้า ท่านก็คงไม่ต้องบาดเจ็บแบบนี้” อายูโทษพร้อมกับน้ำตาที่กำลังจะไหลออก
“ข้าไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ ถึงเจ้าจะไม่ได้ทำแต่มันก็ต้องจะหาเรื่องข้าอยู่แล้ว เรียกรถม้าแล้วกลับกันเถอะ” เขาพยายามประคองสติตัวเองไม่ให้หมดสติลงไป
ระหว่างที่รออายูกำลังเรียกรถมาอยู่นั้น เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก มันเหมือนกับไฟที่กำลังวิ่งผ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ถึงมันจะไม่รุนแรงมากนักแต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่เกิดขึ้นตอนที่เขาถูกหมาป่าทมิฬโจมตีช่วงที่หนีออกมาจากเมืองพร้อมกับ
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของเคนที่ดังออกมาจากภายในลูกบาศก์วิญญาณ “นายท่าน โปรดระงับความโกรธมาด้วยที่นี่คงไม่เหมาะถ้าท่านเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา”
เขารีบสงบสติอารมณ์ตัวเองทันทีหลังจากนั้นก็ถามเคน “มันเกิดอะไรขึ้นกับข้า ถ้าไม่เข้ารู้สึกว่าเวลาที่โกรธความโกรธมันจะทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ”
“นายท่านนี่คือผลมาจากเจตจำนงแห่งความโกรธที่อยู่ในหน้าของลูกบาศก์วิญญาณ มันจะกลืนกินความโกรธของท่านแล้วเข้าครอบงำจิตใจและร่างกายของท่าน ถ้าท่านควบคุมมันไม่ได้ท่านจะกลายเป็นปีศาจบ้าคลั่งสังหาร” เคนอธิบาย
เขาได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ถ้าเขากลายเป็นปีศาจบางครั้งสังหารขณะที่อยู่ในเมืองตอนนี้เขาคงจะถูกจอมอาคมที่อยู่ภายในหอคอยเอราธาเมียฆ่าตายทันที
หลังจากที่กลับมาถึงหอคอยเอราธาเมีย ขอส่งให้อายูกลับไปที่พักและให้ระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะถึงแม้ออร์คัสจะไม่สนใจแต่อิกรีออนที่เป็นคนหลงตัวเอง ชอบรังแกคนอ่อนแอและเกรงกลัวคนแข็งแกร่งแบบนั้นอาจจะคิดเล่นงานอายูได้
ความกังวลของเขานั้นไม่ได้สูญเปล่าเพราะหลังจากที่ดอนและอายูเดินออกมาแล้ว อิกรีออนก็กำลังคิดวางแผนบางอย่างอยู่แต่เป้าหมายของเขากลับไม่ใช่อายูแต่เป็นดอน ‘หึ ข้าไม่ลดตัวลงไปจัดการกับสาวใช้ธรรมดาแบบนั้นแน่ เจ้าที่เป็นเจ้านาย จะคุกเข่าขอโทษข้าสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น’
……………………………..
หลังจากที่กลับมาถึงห้องแล้ว ดอนก็รีบสลบลงทันทีด้วยความเหนื่อยล้าจากการที่พลังจิตถูกใช้ออกไปอย่างรวดเร็วและถูกทำลายทั้งหมด ถ้าไม่ได้แสงก่อกำเนิดช่วยไว้แม้แต่รูนพลังจิตที่อยู่ภายในอาณาเขตวิญญาณก็คงจะเสียหายและต้องทำร้ายทิ้งเพื่อที่จะสร้างใหม่
ในระหว่างที่หลับแสงก่อเกิดก่อได้ย่อยสลายพลังจิตของอิกรีออน และพลังบางส่วนที่ย่อยได้ก็ถูกส่งมาให้กับดอน เขารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าวันต่อมา
“ข้าคงจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่สร้างปัญหาแต่ปัญหามันกลับมาหาข้าเอง” ในวันนี้เขาวางแผนที่จะไปที่สนามฝึกซ้อมที่อยู่ชั้น 8 หลังจากนั้นเขาจะลงไปรับภารกิจที่ชั้น 1
ถึงแม้เขาจะซ้อมอยู่ภายในโลกของลูกบาศก์วิญญาณมาตลอดก็ตามแต่เขายังไม่เคยได้ทดลองในโลกของความเป็นจริงเลย
ชั้น 8 สนามฝึกซ้อม
เขาจ่าย 3 ผลึกพลังงานสำหรับเช่าห้องฝึกซ้อมระดับต่ำเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ห้องฝึกซ้อมระดับต่ำนี้สามารถทนต่อพลังโจมตีได้ถึง 10 หน่วย
เมื่อเขาเข้ามาในห้อง ต้องการจะมีเสาหินขนาดเล็กอยู่เขาวางมือลงไปบนเสาหิน คลื่นแสงเปล่งออกมาจากเสาหินกวาดผ่านตัวของเขา
ดอนหยิบม้วนคัมภีร์ที่ได้จากตอนเข้ารับการทดสอบขึ้นมาทันใดนั้นแสงก็ถูกยิงออกมาจากเสาหินเข้าไปในม้วนคัมภีร์
“เผ่า : มนุษย์”
“อายุ : 19”
“ระดับ : ผู้สัมผัส”
“อาณาเขตวิญญาณ ขั้น 3 : 5 จุด”
“พลังจิต : 9 หน่วย”
“พลังงาน : 30 หน่วย”
“พลังกาย : 9 หน่วย”
“ความอึด : 12 หน่วย”
“ความเร็ว : 2 เมตร/วินาที”
“สัมพันธ์ธาตุ : โลหะ 50 % ,ดิน 17 %”
ตอนนี้พลังจิตของเขา เพิ่มขึ้นมาเป็น 9 หน่วยแล้ว ถ้าเขาสามารถสร้างรูนได้อีก 1 ตัวเขาก็ทวงผ่านระดับผู้สัมผัสไปเป็นผู้ใช้พลังงานได้
ส่วนพลังงานของเขานั้นตอนนี้มันถึง 30 หน่วยแล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเทคนิคการฝึกฝนพลังงานระดับมนุษย์ ก็ตามแต่ว่าเขาก็ดูดซับผลึกพลังงานเป็นจำนวนมากและได้มาจากการที่เขากินแต่อาหารและเนื้อสัตว์ร้ายที่มีพลังงานสูง
กำลังกาย ความอึด ความเร็วของเขานั้น ตอนนี้หลังจากที่วิญญาณได้รับการรักษาจนสมบูรณ์แล้วมันก็กลับขึ้นมาเป็นปกติใกล้เคียงกับชายฉกรรจ์ทั่วไป ยกเว้นก็แต่ความอึดของเขาที่มันเพิ่มขึ้นมามากจนถึง 12 หน่วย มันทำให้เขาฟื้นฟูพละกำลังได้เร็วขึ้น
หลังจากที่เขาดูข้อมูลบนคัมภีร์เสร็จเรียบร้อยแล้วขอเก็บมันลงไปทันทีด้านหน้าของเขาตรงเสาหินมีข้อความขึ้นมา
[โปรดเลือกประเภทของห้องฝึก]
[ห้องฝึกฝนธาตุดิน]
[ห้องฝึกฝนธาตุน้ำ]
[ห้องฝึกฝนธาตุไม้]
[ห้องฝึกฝนธาตุไฟ]
[ห้องฝึกฝนธาตุโลหะ]
การใช้คาถานั้นขึ้นอยู่กับภูมิประเทศรอบตัวด้วยเช่นคาถาประเภทไฟถูกร่ายในที่ ๆ มีแต่ธาตุน้ำมาก ประสิทธิภาพของมันก็จะลดลงไปด้วยเช่นกัน แต่ถ้ามันถูกๆในบริเวณที่มีธาตุไฟที่สูงพลังของมันก็จะรุนแรงเพิ่มขึ้น
ว่ากันตามตรงแล้วคาถาที่มีพลังโจมตีที่สูงที่สุดก็คือคาถาธาตุไฟ ตัวอย่างเช่น ปืนใหญ่โลกันตร์ที่ยิงลูกไฟก็จะใช้ผลิตพลังงานธาตุไฟด้วยเช่นกัน
ส่วนคาถาธาตุน้ำจะโดดเด่นในเรื่องของสมดุลมากเป็นพิเศษและสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย
และคาถาที่เกี่ยวข้องกับธาตุไม้ส่วนใหญ่แล้วจะเอนเอียงไปด้านของชีวิตซะมากกว่า
ส่วนคาถาที่หายากที่สุดและน่ากลัวที่สุดก็คงจะไม่แพ้คาถาธาตุโลหะ มันมีพลังโจมตีที่โดดเด่นในเรื่องของกายภาพและการป้องกัน
ตามความจริงแล้วตัวของดอนมีความสัมพันธ์กับธาตุโลหะสูงเป็นอย่างมาก แต่ที่สถาบันจอมอาคมเอราธาเมียนั้นกลับไม่มีคาถาพื้นฐานธาตุโลหะอยู่เลย
เขาจึงตั้งแต่ฝึกความสัมพันธ์ของธาตุที่รองลงมานั่นก็คือธาตุดิน ส่วนความสัมพันธ์กับธาตุอื่นนั้นมันมีอยู่น้อยมากจนเสาหินตรวจสอบไม่ได้แสดงมันออกมา
ถึงแม้เขาจะฝึกฝนคาถาธาตุดินมันไม่ได้เป็นข้อเสียเปรียบแต่อย่างใดมันกลับเป็นความได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะว่าในโลกนี้มันมีพื้นดินอยู่ทุกที่ทำให้พลังธาตุดินนั้นอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
ทำให้มีอนุภาคธาตุดินอยู่ทุกที่สามารถดึงมาใช้ได้
หลังจากที่เขาเลือกห้องฝึกฝนธาตุดิน ทั้งห้องก็เปลี่ยนเต็มไปด้วยพลังงานธาตุดิน พื้นห้องก็เปลี่ยนกลายเป็นพื้นดินด้วยเช่นเดียวกันคงไม่รู้ว่ามันทำงานได้อย่างไรแต่ดูท่าแล้วมันน่าจะถูกสร้างขึ้นมาจากวงจรอาคมและลายวงจรรวมกัน คนที่สร้างห้องฝึกฝนแบบนี้ได้คงจะเป็นระดับจอมอาคมระดับสูงอย่างแน่นอน
ด้านหน้าของเขาปรากฏเป้าโจมตีขึ้นมา 3 เป้า
หลังจากที่รวบรวมสมาธิสักพักเขาก็เริ่มทดสอบโดยไล่คาถาหอกดินเป็นอันดับแรกก่อนเลย
“ฟอนดาซิลูอา เมซิรอส(เปลี่ยนผืนดินเป็นหอก เพื่อสังหารศัตรู)”
พลังจิตช่อง 3 หน่วยของเขาค่อย ๆ ลงสู่พื้นดินด้านหน้าสร้างวงจรอาคมและรูนที่อยู่ภายในขึ้นมา รูนตัวแรกเริ่มรวบรวมอนุภาคพลังธาตุดิน รูนตัวที่ 2 เริ่มเปลี่ยนพื้นดินให้กลายเป็นหอก แล้วตัวสุดท้ายช่องรูนที่ยิงหอก พลังงาน 3 หน่วยของเขาเริ่มไหลลงไปในรูนทั้ง 3 ตัว ก็เกิดขึ้นมาเป็น 1 วงจรอาคม
“ตูม!!!”หอกดินถูกยิงใส่เป้าอย่างรุนแรง พลังของมันนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้หอกดินในการโจมตีในโลกนี้ไม่ใช่โลกในลูกบาศก์วิญญาณ
ทันใดนั้นแสงก็กดตัวเลขของพลังทำลายของหอก
[กำลังทำลาย 8 หน่วย]
“อืม ความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับคาถาหอกดินที่สมบูรณ์แบบที่แสดงในโลกของลูกบาศก์วิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยแล้ว”
เขาใช้เวลาฝึกฝนอยู่ภายในห้องจนถึงครบเวลาที่กำหนด แล้วก็กลับห้องไป และเตรียมตัวที่จะรับภารกิจระยะยาวสัก 1 เดือน เพื่อที่จะออกไปข้างนอก เตรียมสร้างรูนตัวสุดท้ายและเลื่อนเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดระดับผู้ใช้พลังงาน
อันที่จริงแล้วความเร็วของเขาในการสร้างรูนไม่น่าจะเร็วขนาดนี้ถ้าเทียบกับระดับพรสวรรค์ของเขา นั่นทำให้เขาเลือกที่จะไปเลื่อนระดับข้างนอกโดยการรับภารกิจที่ยาวนานสักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มีใครสังเกตเห็นว่าเขาได้เลื่อนระดับแล้ว
เพราะถ้ามีคนถามหรือกดข้อสงสัยขึ้นมาว่าเขาทำได้อย่างไร เขาคงจะตอบไม่ได้อย่างแน่นอน ว่าเขามีลูกบาศก์วิญญาณ มันมีแต่จะนำภัยมาสู่ตัวเขาเอง
แต่แล้วทั้งหอคอยเอราธาเมียก็เกิดความวุ่นวาย มีเสียงประกาศดังตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 9 แล้วได้มีข้อความส่งเข้ามาในแหวนของศิษย์ทุกคน
“ศิษย์ทุกคนให้กลับมาที่หอคอยเอราธาเมียแล้วมารวมตัวกันที่ชั้น 10 ภายใน 2 ชั่วโมงทันที ส่วนศิษย์ที่ติดภารกิจข้างนอกให้เดินทางกลับมาที่หอเอราธาเมีย ภายใน 7 วัน ทันทีไม่งั้นจะถือว่าทรยศต่อสถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย”
ดอนที่เห็นข้อความประกาศแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตอนนี้น่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว
-----------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : เพื่อให้ผู้อ่านไม่งงผมขอใช้แบบนี้ก็แล้วกันนะครับ มีความคิดเห็นยังไงก็เสนอมาได้เลยนะครับ
ศิษย์ที่อยู่ภายในสถาบันจอมอาคม แบ่งออกเป็น
ศิษย์ประจำตัว คือคนที่ถูกรับเป็นลูกศิษย์ของจอมอาคมที่อยู่ในสถาบันนั้น ๆ
ศิษย์ทั่วไป ที่ต้องจ่ายผลิตพลังงานเป็นธรรมเนียมกับสถาบันและไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของจอมอาคมไปในสถาบัน