ตอนที่แล้วตอนที่ 23 เทคนิคการฝึกฝนพลังจิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25  โลกภายในลูกบาศก์วิญญาณ

ตอนที่ 24  ยินดีต้อนรับกลับมา เคน


ตอนที่ 24  ยินดีต้อนรับกลับมา เคน

หลังจากกลับเข้ามาในห้อง เขาไม่ได้เริ่มสร้างรูนทันที แต่เขาก็หยิบหนังสือจดบันทึกขึ้นมาทบทวนและย่อยสิ่งที่รู้เรียน

เมื่อสรุปทุกอย่างจนเข้าใจ เขาก็เริ่มสร้างรูนอีกครั้ง

ดอนเริ่มใช้พลังจิตทั้ง 3 เส้นชักนำพลังงานที่อยู่ในอาณาเขตวิญญาณ รูนเริ่มค่อย ๆ ก่อร่างสร้างขึ้นมาทีละน้อย หลังจากผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง รูนก็ถูกสร้างขึ้นมาได้ 20 เปอร์เซ็นต์แล้ว

เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก หลังจากพักรอฟื้นฟูพลังจิตจนเต็ม ก็เริ่มสร้างรูนทันที เขาทำกระบวนการนี้ซ้ำเป็นเวลาถึง 10 วันเต็ม จนในที่สุดรูนก็ถึงขีดจำกัดของมัน ความสมบูรณ์ของมันอยู่ที่ 65 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เป็นรูนมนุษย์ ระดับพอใช้

ความแตกต่างของรูนจะเป็นตัวแปรโดยตรงที่วัดคุณภาพของพลังจิตและการฟื้นฟูพลังจิต ช่วงลงแต่ละตัวนั้นสามารถทำลายและสร้างขึ้นมาใหม่ได้ เพื่อให้ได้รูนที่มีคุณภาพที่สูงกว่าเดิม

เมื่อรูนตัวแรกสำเร็จ มันก็รอเอกสารเข้าไปในอาณาเขตวิญญาณของเขาทันที เขารู้สึกได้เลยว่าพลังจิตกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ความรู้สึกนี้ ทั้งความคิดและความจําดีขึ้นมาก” ดอนรู้สึกสมองโล่งปลอดโปร่งเป็นอย่างมาก ความเมื่อยล้าที่สะสมมาเป็นเวลา 10 วันหายไปในทันที เขาเริ่มที่จะชอบความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาแล้วสิ 

ถึงเขาจะรู้สึกว่าความเมื่อยล้ามันจะหายไปแล้ว เขาก็ยังต้องการนอนพักผ่อนอยู่ดี เมื่อสภาพพร้อมที่สุดเพื่อที่จะได้เริ่มสร้างรูนตัวที่ 2 ทันที

หลังจากนั้น ดอนก็ใช้เวลาทั้งหมดยกเว้นตอนที่ต้องออกไปกินอาหารแล้วทำธุระส่วนตัว ในการสร้างรูนโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ถอยหลังเข้าตั้งแต่ซื้ออาหารมาตุนไว้เยอะๆเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินออกไปซื้อ

หลังจากผ่านไป  45 วัน ในที่สุดเขาก็สร้างรูนได้ทั้งหมด 4 ตัวแล้ว ซึ่งมันมอบพลังจิตให้กับเขาถึง 4 หน่วย ตอนนี้พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 7 หน่วยแล้ว

“พลังจิต 7 หน่วยน่าจะพอแล้ว  ขอเริ่มเรียนรู้คาถาอาคมได้แล้ว” เขารีบจดจำเสื้อผ้าและผมที่ยุ่งเหยิง หลังจากนั้นก็ออกจากห้องเดินตรงไปที่ชั้น 3 ทันที

หลังจากมาถึงแล้วเขายังไม่ทันได้พูดอะไร ซาซ่าที่ตอนนี้กำลังนั่งเหงาอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ก็ทักออกมาทันทีด้วยความดีใจ

“เจ้าหายไปไหนมาตั้งนาน เป็นไงบ้างเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตที่ข้าแนะนำไปเป็นอย่างไรบ้างเหมาะกับเจ้าหรือไม่?” เธอถามด้วยความกระตือรือร้นราวกับว่าเธอกำลังรอฟังเรื่องสนุกอยู่

“อืม มันก็ใช้ได้อยู่” 

“แล้ววันนี้เจ้าจะมาซื้ออะไรล่ะ?” เธอใช้มือเท้าคางมองดอน

“ถ้าต้องการ คาถาพื้นฐานธาตุดินสัก 2 คาถา”

        ซาซ่าหยิบหนังสือรายการคาถาพื้นฐานธาตุดินขึ้นมา “เจ้าดูจากในนี้ได้เลย คาถาพื้นฐานธาตุดินราคาจะอยู่ที่ 200 ผลึกพลังงานต่อ 1 คาถา แต่ขอบอกไว้ก่อน ว่าคาถาพวกนี้เป็นแค่ถามพื้นฐานที่ไม่ได้มีการปรับปรุงอะไร”

ที่ผ่านมาในตั้งแต่ยุคเริ่มต้นการสำรวจนั้นคาถาอาคมถูกพัฒนาขึ้นมายังต่อเนื่อง และก็สามารถแบ่งรูปแบบคาถาได้หลักๆ คือ คาถาที่ส่งผลต่อกายภาพและคาถาที่ส่งผลต่อจิต

คาถาที่ส่งผลต่อกายภาพก็เช่น ศรหนาม ของมาเซออส ส่วนแบ่งตามผลของคาถา  ก็เช่น คาถาลวงตา คำสาป ควบคุม

และคาถาส่วนใหญ่ยังแยกตามธาตุ เช่น 5 ธาตุพื้นฐาน ปฐพี วารี อัคคี พฤกษา โลหะ และ 2 ธาตุหลัก แสง และ มืด

ในหนังสือมีรายชื่อคาถาธาตุดินอยู่ร้อยกว่าคาถา หลังจากที่เปิดดูแล้ว มีคาถาที่เหมาะสมกับเขาอยู่แค่ 5 คาถา ที่ใช้พลังงานจิตไม่เกิน 7 หน่วย และพลังงานไม่เกิน 10 หน่วย

คือ หอกดิน สนามโน้มถ่วง หลุมศพ กำแพงผู้พิทักษ์ เสียงของพื้นดิน

“คาถาหอกดิน”

“ประเภทโจมตี”

“พลังจิตที่ใช้ 1 หน่วย ต่อ หอก 1 เล่ม”

“พลังงานที่ใช้  3 หน่วย  ต่อ  หอก 1 เล่ม”

“ความสามารถ : สร้างหอกจากพื้นดิน พุ่งใส่เป้าหมายด้วยความเร็ว  500  เมตร/วินาที พลังทำลายเท่ากับ 3 หน่วย”

“ทักษะที่ต้องใช้ : ต้องมีความรู้ในเรื่องการควบแน่นวัตถุ การใช้พลังงานขับเคลื่อนวัตถุ”

พลังทำลายที่ว่าก็คือพลังทำลายพลังป้องกันของวัตถุ โดยพลังทำลายเพียงแค่  1 หน่วยนั้นสามารถฆ่ามนุษย์ธรรมดาได้ทันทีเลยถ้ามันถูกยิงใส่ที่ศีรษะหรือบริเวณหัวใจ

“คาถาสนามโน้มถ่วง”

“ประเภทควบคุม”

“พลังจิตที่ใช้ 3 หน่วย”

“พลังงานที่ใช้  10 หน่วย”

“ความสามารถ : จะเพิ่มแรงโน้มถ่วง 5 ในระยะ  5 เมตรที่คาถาถูกร่ายออกมา เป็นเวลา  6 นาที”

“ทักษะที่ต้องใช้ : ต้องมีความรู้ในเรื่องแรงโน้มถ่วงและสนามพลังงาน”

“คาถาหลุมศพ ”

“ประเภทควบคุม”

“พลังจิตที่ใช้  5 หน่วย”

“พลังงานที่ใช้  20 หน่วย”

“ความสามารถ : จะเปลี่ยนพื้นที่ในระยะ  10 เมตรเป็นหลุมทรายดูดทุกอย่างที่อยู่ในระยะลงไป เป็นเวลา  3 นาที”

“ทักษะที่ต้องใช้ : ต้องมีความรู้ในเรื่องการควบแน่นวัตถุและสนามพลังงาน”

“คาถากำแพงผู้พิทักษ์”

“ประเภทป้องกัน”

“พลังจิตที่ใช้  2 หน่วย”

“พลังงานที่ใช้  5 หน่วย”

“ความสามารถ : จะเปลี่ยนพื้นดินข้างหน้าเป็นกำแพงดินสูง 3 เมตร หนา 2 เมตร”

“ทักษะที่ต้องใช้ : ต้องมีความรู้ในเรื่องการควบแน่นวัตถุ”

 

“คาถาเสียงของพื้นดิน”

“ประเภทค้นหา”

“พลังจิตที่ใช้  1 หน่วย”

“พลังงานที่ใช้  1 หน่วย”

“ความสามารถ : ก็แสดงสิ่งที่เดินผ่านพื้นดินภายใน 24 ชั่วโมง ในระยะ  1 กิโลเมตร”

“ทักษะที่ต้องใช้ : ต้องมีความรู้ในเรื่อง จิตวิญญาณแห่งผืนดิน”

        หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็เลือกคาถา 2 ก็คือคาถาหอกดิน และคาถากำแพงผู้พิทักษ์ เพราะในช่วงที่ผ่านมาเขาได้เรียนในเรื่องของการควบแน่นวัตถุด้วยการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานขับเคลื่อนวัตถุแล้ว จากศาสตร์วิชาพลังงาน ที่เขาลงทะเบียนเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว

คาถาธาตุพื้นฐานราคา 200 ผลึกพลังงาน   2 คาถาก็เป็นจำนวน 400 ผลึกพลังงาน

        หลังจากที่จ่ายผลึกพลังงานจำนวน 400 ก้อนแล้ว ตอนนี้ของเขาเหลือผลึกพลังงานอยู่แค่  150 ก้อนเท่านั้น

        ‘ข้าต้องหาผลึกพลังงานเพิ่ม การเป็นผู้ใช้พลังงานนี่ มันสิ้นเปลืองเงินเป็นอย่างมากจริงๆ’ ขอบ่นในใจขณะที่กำลังคิดหาวิธีหาผลึกพลังงานอยู่

        ที่สถาบันจอมอาคมนั้น ผลึกพลังงานถือเป็นสกุลเงินหลัก เพราะ ผลึกพลังงานคือแหล่งพลังงานที่จอมอาคมจะสามารถดูดดซับได้ นอกเหนือจากเนื้อสัตว์ที่มีพลังงานสูงและเทคนิคฝึกฝนพลังงาน มันจึงมีค่าสำหรับจอมอาคมมากกว่าเหรียญเครดิต การหาผลึกพลังงานงั้น มีหลายวิธีส่วนใหญ่จะรับงานจากทางสถาบันจอมอาคม ที่ติดประกาศอยู่ที่บอร์ดหน้าชั้น 1

        โดยทางสถาบันก็ไม่ได้บังคับให้ลูกศิษย์ทุกคนต้องทำ แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็ยังอยากทำงานอยู่ดี  เพราะในแต่ละงานที่ได้รับมอบหมายจากทางสถาบันจอมอาคมนั้นจะมีคะแนนเกียรติยศให้ซึ่งขึ้นอยู่กับไปละภารกิจ

        โดยภารกิจที่จะได้คะแนนเกียรติยศนั้นส่วนใหญ่จะเป็นภารกิจหาวัตถุดิบ ตามล่าค่าหัว หรือภารกิจสำรวจ

คะแนนเกียรติยศสามารถใช้แลกทรัพยากรหรือคาถา เทคนิคการฝึกฝน ที่ผลึกพลังงานไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ เช่นเทคนิคการฝึกฝนระดับปฐพี หรือคาถา ระดับ 1  ที่ถูกใช้โดยจอมอาคม

        ตอนนี้เขาต้องหาผนึกพลังงานอย่างเร่งด่วน

        ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ‘ทำไมถ้าไม่ขอคำแนะนำจาก ซาซ่าดูก่อน เผื่อเธอจะให้คำแนะนำดีๆด้วย’ โดยไม่รอช้าเขารีบถามเธอทันที

        “ข้าขอถามหน่อยพอจะมีวิธีอะไรไหมที่สามารถหาผลึกพลังงานได้เยอะๆ” เขาถามด้วยสายตาที่คาดหวัง

        “วิธีที่จะหาผลึกพลังงาน? ก็หาได้จากภารกิจที่ต้องออกไปข้างนอก  แต่ดูจากสภาพของเจ้าแล้วไม่น่าหวย ถ้าจะเป็นงานแบบข้า ก็คงจะหายากเพราะไม่มีใครยอมออกไปยังแน่นอน” ซาซ่าอธิบายพร้อมกับยิ้มให้เขา ราวกลับจะบอกว่า เจ้าอย่ามาแย่งงานของข้าจะดีกว่า

        ทันใดนั้นเธอก็ดีดตัวขึ้นมาราวกับว่านึกอะไรออก “จริงสิ! ถ้าเจ้าเข้าใจในเรื่องของการปรุงยา หรือการสร้างอาวุธอาคมก็จะทำเงินได้มหาศาล”

        ดอนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าเขาเจอเส้นทางในการหาผลึกพลังงานแล้ว เขารีบถามด้วยความตื่นเต้นทันที“แล้วข้าจะเรียนได้จากที่ไหน?”

        “ก็เรียนได้จากอาจารย์ปรุงยา หรือไม่ก็ อาจารย์สร้างอาวุธ ในสถาบันของเราก็จะมีอาจารย์ไนเรลที่เป็นอาจารย์ปรุงยา เท่าที่ข้ารู้นะส่วนอาจารย์สร้างอาวุธนั้นถ้าไม่แน่ใจเจ้าลองไปหาข้อมูลดู” ซาซ่าอธิบาย

        เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเศร้าทันที การที่ขอคำปรึกษาหรือเรียนโดยตรงกับจอมอาคมนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากถ้าไม่ได้เป็นลูกศิษย์โดยตรง

        แล้วตัวเขาที่มีผลึกพลังงานแค่ 100 ก้อนจะทำอะไรได้ หาซื้อคาถาพื้นฐานยังไม่พอเลย ถ้าพูดถึงพรสวรรค์ของเขาก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ พูดถึงสายเลือดหรือสภาพร่างกายก็ไม่ต้องคิดเพราะตอนนี้เขายังนั่งรถเข็นอยู่เลย

        ดอนขอตัวกลับทันที

ซาซ่าที่เห็นดอนเดินกลับไปด้วยสายตาที่เศร้า ๆ เธอก็คิดทันทีว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือไม่

หลังจากเขากลับมาถึงห้อง  ดอนก็รีบสลัดความคิดไร้สาระออกไปทันที ‘ตอนนี้ถึงข้าจะยังไม่สามารถออกไปทำภารกิจข้างนอกได้ แต่ใช่ว่าในอนาคตข้าจะไม่สามารถทำได้ เมื่อเคนตื่นขึ้นมาเขาจะทำวิธีในการรักษาวิญญาณที่เคนค่อยบอก’

ขนาดนั้น เขาก็รู้สึกว่าลูกบาศก์วิญญาณมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น เขาจึงเลือกลูกบาศก์วิญญาณออกมา

หน้าลูกบาศก์วิญญาณที่เป็นสัญลักษณ์ของเจตจำนงแห่งความโกรธเกิดการเปลี่ยนแปลง มันเต็มไปด้วยพลังงานที่หมุนวน ดอนรีบเชื่อมต่อเท่ากับลูกบาศก์วิญญาณเพื่อดูว่ามันจะบอกอะไรเขาได้หรือไม่

หลังจากนั้นสักพักดอนก็ยิ้มออกทันที “ดูเหมือนว่าเคนกำลังจะตื่น ภายใน 4-5 วันนี้ ข้าก็แค่ต้องรอเคนจากนั้นก็รักษาวิญญาณที่บาดเจ็บ ข้าก็จะสามารถเดินได้แล้วจากนั้นก็สามารถรับภารกิจเพื่อไปทำงานข้างนอกได้ จากนั้นข้าก็จะสามารถหาผลึกพลังงานได้ แต่ว่าก่อนอื่นเลยสิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือจะต้องเรียนรู้คาถาที่ข้าซื้อมาซะก่อน”

ดอนหยิบหนังสือคาถาอาคมขึ้นมาทันที การที่มาอยู่ที่นี่ได้เดือนกว่าแล้วเขาเริ่มจะสังเกตว่า ที่นี่ไม่มีการเก็บข้อมูลลงไปในเครือข่ายข้อมูลที่ใช้แหวนยืนยันตัวตนในการเข้าใช้งานเลย

ดูเหมือนว่าจอมอาคมจะนิยมเก็บไว้ในรูปแบบของหนังสือมากกว่า ไปเขาก็เข้าใจเพราะตอนนี้เก็บข้อมูลลงไปในหนังสือนั้นมันสามารถใส่พลังจิตของผู้ที่เขียนลงไปได้ โดยเฉพาะหนังสือเทคนิคฝึกฝนและหนังสือคาถาอาคมต่าง ๆ ที่ข้อมูลที่อยู่ภายในเครือข่ายข้อมูลไม่มีทางจะเทียบได้

อีกทั้งมูลค่าของมันนั้นก็สูงมากคงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงที่จะลงข้อมูลไว้ในเครือข่ายที่สามารถคัดลอก และซ้ำได้อย่างง่ายดาย

สิ่งแรกที่เขาเริ่มนั่นก็คือคาถาหอกดิน  เขาเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ทฤษฎีทันทีที่อธิบายไว้ในหนังสือ

ในส่วนของคาถาหอกดินนั้น ตัวคาถาแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งสำหรับคาถาพื้นฐานแล้วนั้น จะมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะคาถาที่โจมตีกายภาพจะเรียบง่ายคาถาที่โจมตีจิตวิญญาณ

ขั้นที่ 1 คือควบแน่นพื้นดินให้กลายเป็นหอก และขั้นที่ 2  สร้างแรงสูงเพื่อปาหอกออกไปด้วยความเร็ว 500 เมตรต่อวินาที

ในเรื่องของการควบแน่นวัตถุด้วยพลังงาน ที่จริงการควบแน่นวัตถุด้วยพลังงานนั้นก็คือการที่เราส่งพลังจิต เพื่อสร้างวงจรอาคมเปลี่ยนวัตถุให้อยู่ในรูปลักษณ์ที่เราต้องการ

ดอนใช้เวลาศึกษาทฤษฎีของมันอยู่ถึง  3 วันจนกระทั่งเขาเริ่มมั่นใจจึงได้ออกไปหาดินมา 1 ถังไม้ จากนั้นเขาก็ทดลองสร้างวงจรอาคมเพื่อเปลี่ยนดินเป็นหอก

“มาเลยมาเลย การร่ายคาถาครั้งแรกของข้า” เขายื่นมือออกไปข้างหน้าจากนั้นก็ไล่ก็ถามตามที่อยู่ในหนังสือ

ฟอนดาซิ…..” ตอนที่เขาเอ่ยคำออกมานั้นพลังจิตบางส่วนเริ่ม หมุนวนและไหลรวมส่งผ่านลงไปยังทั้งดินที่อยู่ด้านหน้าของเขาขณะที่ร่ายคำที่ 3 ออกมามันก็ผิดพลาดจนทำให้พลังจิตที่ส่งออกไปสลายหายไปทันที

“ทำไมภาษาเนธาดิธโบราณถึงออกเสียงยากอย่างนี้วะ!”

คาถาที่เขากำลังจะร่ายอยู่นี้ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยบรรทัดฐานของภาษาอาคมเนธาดิธโบราณ เขาไม่รู้ว่ามันโบราณแค่ไหนแต่จากที่เขียนไว้ในเรื่องของพลังงานธาตุพื้นฐานนั้นมันคือภาษาแรกเริ่มที่ใช้สื่อสารกับลายเส้น วงจรอาคมหรือที่ถูกเรียกกันว่ารูนที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพื่อสั่งและเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่

“เอาใหม่ ลองอีกครั้งลองมันไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้นี่แหละ!!” 

ดอนให้กำลังใจตัวเองและเริ่มร่ายคาถาอีกครั้งและอีกครั้งแต่มันก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งจนกระทั่งพลังจิตของเขาหมดลง

หลังจากที่นั่งพักเพื่อฟื้นฟูพลังจิตจนเต็มแล้วเขาก็เริ่มที่จะลองร่ายคาถาต่ออีกครั้งทันที

ขณะที่กำลังจะร่ายเขาก็รู้สึกว่าพลังจิตของเขาหมุนวนด้วยตัวเองจากนั้นก็ถูกลูกบาศก์วิญญาณกลืนเข้าไปจนหมด

“หืม เกิดอะไรขึ้น?” ด้วยความแปลกใจเขาจึงเรียกลูกบาศก์วิญญาณออกมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ลูกบาศก์ลอยอยู่ตรงหน้ามันเริ่มเปล่งแสงสีโลหิตออกมาจากด้านของเจตจำนงแห่งความโกรธ

แสงทองลูกบาศก์แต่ละด้านเริ่มไหลไปรวมอยู่ในสัญลักษณ์แห่งความโกรธซึ่งเป็นหน้าของปีศาจที่มีเขา 2 ข้างฟันที่แหลมคม ย้อมไปด้วยโลหิตที่ไหลออกมาจากปาก สัญลักษณ์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ดอนถึงกับขนลุกทันทีที่เห็นแบบนั้นมันถือว่าน่ากลัวเป็นอย่างมาก มันไม่ใช่แค่น่ากลัวเพราะรูปลักษณ์แต่ออร่าที่แผ่ออกมามันน่ากลัวกว่าตอนที่เขาเจอวิญญาณอาฆาตของเคเซฟอนเป็นอย่างมาก

หลังจากผ่านไป  10 นาที สัญลักษณ์ก็ปรากฏชัดเจนและแสงที่ส่องออกมาก็ถูกดูดกลืนหายเข้าไปภายในสัญลักษณ์ทันใดนั้นก็มีร่างวิญญาณพุ่งออกมาจากสัญลักษณ์

วิญญาณหนุ่ม สูง 180 หุ่นที่ราวกับนักรบ กล้ามเนื้อดังเหล็กกล้า เส้นผมสีแดงโลหิต มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเขา

“ยินดีต้อนรับกลับมา เคน  เจตจำนงแห่งความโกรธของข้า”

-------------------------------------------------------------------

จากผู้เขียน : อ่านเสร็จแล้วคอมเม้นมาติชมกันบ้างนะครับ หลังจากช่วงนี้จะเริ่มเข้าสู่การเป็นจอมอาคมที่เด่นชัดและได้เวลาเก็บเวลโหด ๆ จากลูกบาศก์วิญญาณกันแล้วนะ ว่าแต่อย่าลืม แสงก่อเกิดกันนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด