ตอนที่ 23 เทคนิคการฝึกฝนพลังจิต
ตอนที่ 23 เทคนิคการฝึกฝนพลังจิต
ดอนเดินลงมาที่ชั้น 1 บริเวณบอร์ด เขาเห็นหลายคนที่เข้ามาพร้อมกับเขากำลังยืนเลือกวิชาเรียนกันอยู่ วิชาเรียนส่วนใหญ่นั้นจะแบ่งออกเป็นหลัก ๆ 4 ประเภท
1 วิชาธาตุพื้นฐาน
2 สัตว์อสูร
3 การเล่นแร่แปรธาตุ
4 พลังงาน
เมื่อมองหาอยู่สักพัก เขาก็เจอกับสิ่งที่ตามหานั่นก็คือเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตและเทคนิคการฝึกฝนพลังงาน
ทั้งสองเทคนิคจัดอยู่ในประเภทหมวดหมู่ของวิชาเรียนพลังงาน แต่เทคนิคทั้งสองฉบับต้องจ่ายผลึกพลังงานแยกต่างหากเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน
โดยวิชาค่าเรียนวิชาศาสตร์พลังงาน จะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนละ 2 ชั่วโมง ราคาทั้งหมดคือ 150 ผลึกพลังงานและเทคนิคการฝึกฝน ที่ต้องจ่ายแยกต่างหากซึ่งจะขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือก โดยเทคนิคเหล่านี้จะเป็นของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียซึ่งจะมีราคาตั้งแต่ 500 ผลิตพลังงานขึ้นไป
“แพงมาก แต่ยังไงข้าก็ต้องจ่าย” เขารีบสำรวจกระเป๋าตังค์ของตัวเองทันที ผลึกพลังงาน จำนวน 2,000 ที่ได้มาจากมาเซออส ตอนนี้เหลือทั้งหมด 1700 ก้อน
หลังจากเลือกได้แล้วว่าจะลงเรียนอะไรบ้าง เขาก็เดินไปลงทะเบียนกับ เบอร์ที่อยู่ด้านข้างของบอร์ด วิชาที่ลงทั้งหมดมีทั้งหมด 2 วิชา คือวิชาพลังงานพื้นฐาน วิชาธาตุพื้นฐาน ถ้าทั้ง 2 วิชา ก็ใช้ ผลึกพลังงานไปถึง 500 ก้อน
หลังจากที่ลงทะเบียนเรียนทั้ง 2 วิชานี้แล้วเขาก็ไปที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นที่เก็บรวบรวมเทคนิคการฝึกฝนพลังงานเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตและคาถาต่างๆสำหรับผู้ใช้พลังงานฝึกหัด
ที่ชั้น 3 มันเป็นเหมือนกับห้องสมุดขนาดใหญ่
ที่นี่มีแต่หนังสืออยู่เต็มไปหมดโดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
คือส่วนห้องสมุดที่เปิดให้เข้าฟรี อีกส่วนที่ขายเทคนิคและคาถา
ดอนเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์
“ศิษย์พี่ ข้าต้องการค่าต้องการดูเทคนิคการฝึกฝน”
ศิษย์พี่ที่เป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัด เดินเข้าไปหยิบหนังสือรายชื่อเทคนิคที่มีอยู่ในสถาบันจอมอาคมเอราธาเมียออกมาให้เขาดู
ภายในหนังสือนั้นมีทั้งเทคนิคการฝึกฝนพลังงานและเทคนิคการฝึกฝนทางจิต
ระหว่างที่เขาเลือกอยู่นั้นศิษย์พี่หญิงก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้าของเป็นเด็กใหม่สินะ ช่วยแนะนำเอาไหม”
“ข้าขอรบกวนท่านแล้ว เออ….”
“เรียกข้าว่า ซาซ่า ก็ได้ ข้าน่าจะอายุพอๆกับเจ้า” ซาซ่ายิ้ม
ปีนี้เขาอายุ 19 แล้วนั่นแสดงว่าซาซ่าอายุเท่ากับเขา เปิดเธอกลับเป็นถึงผู้ใช้พลังงานฝึกหัดระดับผู้ควบคุม แล้ว ในขณะที่เขาพึ่งเป็นแค่ผู้ใช้พลังงานฝึกหัดระดับผู้สัมผัส
อันที่จริงแล้วก็อยู่ของเขาถือว่าเกินเกณฑ์ในการเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดแล้วปกติแล้วคนที่มีพรสวรรค์ในการเป็นจอมอาคมนั้นสถานที่ตื่นรู้ก็ตั้งแต่อายุ 14 ปี ในขณะที่เขาอายุ 19 ปีแต่เพิ่งจะผ่านพิธีตื่นรู้ว่าพรสวรรค์ของเขาก็ไม่ได้ดีมากนัก นั่นทำให้เขาตามหลังผู้ใช้พลังงานฝึกหัดคนอื่นอีกมากแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกย่อท้อเพราะช่วงชีวิตของผู้ใช้พลังงานฝึกหัดนั้นยาวนานกว่ามนุษย์ปกติอยู่พอสมควร
“ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตไปก่อน จากนั้นถ้ามีผลึกพลังงานเพียงพอค่อยเลือกเทคนิคการฝึกฝนพลังงาน เพราะว่าการฝึกฝนพลังจิตนั้นสำคัญเป็นอย่างมากแล้วอีกอย่างพลังจิตนั้นฝึกได้ช้ากว่าพลังงานมาก”
ดอนที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดตาม อันที่จริงเขาก็จะเลือกเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตก่อน เพราะเขายังมีเทคนิคการฝึกฝนพลังงานอยู่ถึงแม้มันจะไม่มีประสิทธิภาพมากนักแต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ออกไปต่อสู้กับใคร
เขาเปิดในแนวของเทคนิคการฝึกฝนพลังจิต มึงเป็นเทคนิคการฝึกฝนระดับต่ำที่ต่ำที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีค่ามหาศาลเป็นอย่างมากถ้ามันอยู่ในโลกภายนอก แต่สำหรับเขาในตอนนี้มันก็เพียงพอแล้ว เขาลองให้ดูที่สถาบันแห่งนี้มีเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตอยู่ทั้งหมด 17 เทคนิค
“เทคนิคดวงตะวัน 8 ส่วน เป็นเทคนิคระดับต่ำที่ค่อนไปทางกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับธาตุไฟเป็นอย่างมาก อาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์ช่วยในการฝึกพลังจิต”
“เทคนิคพฤกษาในฤดูร้อน เป็นเทคนิคระดับต่ำ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้หมู่พฤกษาในการฝึกฝน”
“เทคนิคโลหิตอสูร เทคนิคการฝึกคนที่เดินอยู่บนเส้นทางของโลหิต โดยใช้โลหิตของอสูรในการฝึกฝน”
“น่าจะคล้ายๆของการฝึกฝนขอเคเซฟอน” พอพูดถึงเคเซฟอน เขาก็นึกถึงเคตอนนี้ยังหลับไหลลูกบาศก์
หลังจากผ่านมาหลายเทคนิคก็ยังไม่มีสิ่งที่เขาสามารถฝึกฝนได้ จนกระทั่งเขาอ่านไปจนถึงเทคนิคสุดท้าย
“เทคนิคกลืนพิภพ เป็นเทคนิคการฝึกฝนที่ใช้การเชื่อมต่อกับพื้นดิน” มาถึงตรงนี้เขาก็ตัดสินใจได้ทันทีว่ามันต้องเป็นเทคนิคนิดนึงแน่นอนถึงแม้ความสัมพันธ์กับธาตุดินเจ้าน้อยกว่าธาตุโลหะ แปลทั้งธาตุโลหะและธาตุดินก็มาจากพืชเช่นเดียวกัน
“เทคนิคกลืนพิภพ มันราคาเท่าไหร่” เขาชี้ไปที่เทคนิคพื้นพิภพที่อยู่ในหนังสือหน้าสุดท้ายให้ซาซ่าดู
“หืม ข้าพเจ้าอย่าเอาเลยดีกว่าเทคนิคการฝึกฝนนี้มันไม่สมบูรณ์ มันเป็นเทคนิคที่ส่วนครึ่งหลังหายไป เจ้าอาจจะยังไม่รู้เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ฟังเทคนิคส่วนใหญ่นั้น ที่มีอยู่ในนี้เป็นแค่ระดับต่ำเท่านั้น ซึ่งเทคนิคที่สูงขึ้นไปอีกนั้นจะถูกเก็บไว้โดยสถาบันซึ่งจะใช้คะแนนเกียรติยศในการแลกเปลี่ยน แต่เทคนิคกลืนพิภพมันมีแค่ส่วนแรกเท่านั้น ข้าว่าเจ้าเลือกเทคนิคศิลาทมิฬดีกว่า ถ้าต้องการเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตที่เกี่ยวข้องกับธาตุดิน”ซาซ่าอธิบาย
“ได้งั้นข้าจะเลือกศิลาทมิฬ” เขามองไปที่เทคนิคกลืนพิภพก่อนที่จะส่งหนังสือคืนให้กับซาซ่า
“รอสักครู่” ซาซ่าเดินไปหยิบหนังสือที่หนาประมาณ 1 เซ็นมาให้เขา “เทคนิคการฝึกฝนพลังจิตศิลาทมิฬ ส่วนแรก ราคา 700 ผลิตพลังงาน”
ดอนหยิบผลิตพลังงานออกมาวางให้ทันที โดยไม่ได้ต่อราคาอะไรเพราะเขารู้ว่าราคานี้ถือว่าถูกมากสำหรับเทคนิคการฝึกฝนพลังจิต ถ้าเขาต้องไปหาซื้อข้างนอกนั้นราคามันจะขึ้นไปถึง 4-5 พันผลิกได้เลยในตลาดมืด หลังจากนั้นเขาก็หยิบหนังสือและบอกลาซาซ่า
…….…………….
ระหว่างทางที่กลับมาในห้องนั้นเขาก็แวะซื้ออะไรกิน ที่ชั้น 1 ก่อนที่จะกลับไปที่ห้อง อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะทำขึ้นจากเนื้อสัตว์ร้ายทำให้ราคาของมันแพงเป็นอย่างมากแต่มันก็คุ้มค่า
สำหรับจอมอาคมแล้วที่ต้องใช้พลังงานสูงมากนั้นถ้ากินเนื้อสัตว์ร้าย 1 จานจะเท่ากับว่ากินข้าวหรือเนื้อสัตว์ป่าธรรมดาถึง 50 กิโลเลยทีเดียวแต่ก็คงจะไม่มีใครที่กระเพาะสามารถกินได้ขนาดนั้นดังนั้นการกินเนื้อสัตว์ร้ายหรือเป็นทางออกที่ดีและให้พลังงานที่สูง
เมื่อกลับมาถึงห้องเขาก็ติดต่อกลับไปหาอายู เพราะเขารู้สึกเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย
“เจ้าหาที่พักได้หรือยัง” เขาส่งข้อความไปหาอายู หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงข้อความตอบกลับมา
“นายท่านข้าได้ที่พักระยะยาวแล้วมันอยู่ในโซนที่ 4 ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้านะเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาก็หายห่วง ‘ดูถ้าอายูน่าจะดูแลตัวเองได้ แต่คงต้องหาเวลาออกไปดูสักหน่อยถึงอย่างไรนางก็เป็นข้ารับใช้ของข้า’
หลังจากงั้นดอนก็หยิบหนังสือเทคนิคการฝึกฝนพลังจิต ศิลาทมิฬออกมาทันที หน้าปกมันทำขึ้นด้วยแผ่นหินที่ถูกตัดออกมาทั้งแผ่น
เมื่อเขาเปิดหน้าเลยออกมาเอามันก็อธิบายถึงวิธีการฝึกฝนและการบังคับพลังจิต
การที่จอมอาคมจะเพิ่มระดับพลังของตัวเองได้นั้น จะต้องมีเงื่อนไข 3 สิ่งด้วยกันมันก็คือพลังจิตถึงขอบเขตที่กำหนด พลังงานถึงขอบเขตที่กำหนด และอาณาเขตวิญญาณที่ถึงขอบเขตกำหนด
พลังจิตสามารถพัฒนาได้ โดยการสร้างรูนเพื่อประทับลงในอาณาเขตวิญญาณ 1 รูนเท่ากับพลังจิต 1 จุด
โดยระดับผู้สัมผัสต้องการอาณาเขตวิญญาณจำนวน 10 จุดเพื่อให้รองรับรูน เมื่อพลังจิต ถึง 10 หน่วย และอาณาเขตวิญญาณขั้น 2 และพลังงานถึง 10 จุด นั่นหมายความว่าพร้อมที่จะเลื่อนไปเป็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดระดับผู้ใช้
ซึ่งผู้ใช้พลังงานจะแบ่งออกเป็น
ผู้ใช้พลังงานระดับผู้สัมผัสขอบเขตของพลังจิตคือ 10 จุด
ผู้ใช้พลังงานระดับผู้ใช้พลังขอบเขตของพลังจิตคือ 100 จุด
และผู้ใช้พลังระดับผู้ควบคุมขอบเขตของพลังจิตคือ 1,000 จุด
ซึ่งจะเห็นว่าความแตกต่างของพลังจิตของแต่ละระดับนั้นถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ ดอนก็เปิดล่าสุดท้าย อธิบายวิธีการสร้างรูนศิลาทมิฬ เขาเริ่มทำตามวิธีในหนังสือทันที
ย้ายตัวเองไปนั่งบนเตียง จากนั้นก็เริ่มนั่งสมาธิทันที จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอาณาเขตวิญญาณที่อยู่ภายในร่างกายของตน
ดอนเริ่มชักนำพลังจิตไปตามทิศทางที่หนังสือบอกเพื่อสร้างรูน เอาขาที่จริงไม่ได้เป็นรูปแบบของตัวอักษรแต่มันเป็นเหมือนกับเส้น
เราจะผ่านไป 2 ชั่วโมง……
ดอนยังคงนั่งอยู่ในท่าสมาธิ ตัวแรกของเขานั้นยังมีความคืบหน้าไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเขาสร้างมันขึ้นมาได้เราๆ 3% อยู่ๆมันก็หยุดนิ่งไป ไม่ว่าเขาจะชักนำพลังจิตเท่าไหร่มันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมันราวกับว่าเส้นทางข้างหน้าที่ถูกตัดขาดพลังจิตที่เค้าชักนำนั้นเกิดการขาดนะไม่ต่อเนื่อง เขาถึงได้แต่หยุดชักนำพลังจิต
“ข้าทำอะไรผิดพลาดหรือพลังจิตเราไม่เพียงพอ? แต่ก็ไม่น่าใช่ คงจะมีแปลความเข้าใจพลังงานของข้าไม่เพียงพอ คงได้แต่ต้องรอคาบเรียนในวันพรุ่งนี้แล้ว”
ดอนคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่สักพักหลังจากได้ข้อสรุป เขาก็ทิ้งตัวลงนอนทันทีด้วยความเหนื่อย การสร้าง รูนสัก 1 ตัวนั้นมันดึงพลังจิตของเขาไปทั้งหมด ทำให้เขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
………………………………..
เช้าวันต่อมาเขาตื่นแล้วเตรียมตัวมาตั้งแต่เช้าไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นห้องเปิดบรรยายวิชาพลังงานพื้นฐาน
เมื่อเขาเดินเข้ามาตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นแค่วิชาพลังงานพื้นฐานเท่านั้น ไม่น่าจะมีคนมาฟังเยอะมากนัก แต่พ่อตรงหน้ามันกลับตรงข้ามกับสิ่งที่เขาคิด
ภายในห้องมีคนอยู่เกือบ 200 คนเลยทีเดียว หลายคนที่นำปากกาและกระดาษเข้ามาจดด้วย
ดอนไม่ได้เตรียมสิ่งนี้มา เพราะเขาเชื่อว่าการฟังให้เข้าใจดีกว่าการที่ต้องมานั่งจดแล้วไม่เข้าใจ
เขาหาที่ว่างแถวหลังห้องและนั่งลงทันที
หลังจากนั้นสักพัก อาจารย์ผู้เป็นผู้สอนก็เดินเข้ามาตอนแรกเขาคิดว่าจะเป็นตาแก่ไว้หนวดเครา เดินเข้ามาสอนแต่มันกลับผิดพลาดอีกเช่นเคย เพราะจอมอาคมที่มาเปิดบรรยายกลับเป็นหญิงสาวที่ดูสวยเป็นอย่างมาก ดวงตาสีดำกลมกลืนกับสีผม ผิวที่เขาราวกับน้ำนม บวกกับใบหน้าที่เย็นชาราวกับดอกไม้ที่สลักขึ้นมาจากน้ำแข็ง มันทำให้เขารู้สึกหลงไหลเป็นอย่างมากถึงกับอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
‘ดาเมจอะไรจะแรงขนาดนี้ ถ้าเธออยู่ในโลกเก่าของเขา เธอคงเป็นดาราดังแน่นอน’ ดอนไม่กล้าสบตากับเธอแม้แต่น้อย
“ข้าคืออาจารย์เซลีน จะมาสอนแทนอาจารย์ฮาแมล ในวิชานี้” เซลีนพูดด้วยเสียงที่เย็นชาหลังจากนั้นก็เริ่มบรรยายทันที โดยไม่สนใจสายตาที่มองมาที่เธอ
“พลังงานพื้นฐาน พลังงานคือพื้นฐานของทุกสิ่ง ดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานส่งลงมาให้ต้นไม้สามารถสังเคราะห์แสง สัตว์กินพืชเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน มนุษย์เราก็กินกินสดเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย จอมอาคมก็คือเหล่าผู้คนที่แสวงหาการควบคุมและเปลี่ยนแปลงพลังงานให้อยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ……………….”
“สำหรับการควบคุมพลังงานนั้นจำเป็นจะต้องใช้พลังจิต รายการฝึกฝนพลังจิตก็คือเส้นทางหลักของจอมอาคม การจะสร้างรูนแต่ละตัวขึ้นมาได้นั้นจะต้องดึงพลังงานที่อยู่ภายในอาณาเขตวิญญาณผสานเข้าไปในรูนด้วยเพื่อเป็นการเติมพลังงานให้แก่รูน………...ขั้นตอนระหว่างการสร้างรูนจะต้องมีสมาธิเป็นอย่างมากไม่ออกบอกว่าอยากได้ไม่อย่างนั้นรูนจะไม่สมบูรณ์และสลายไป”
“ระดับของรูนที่สร้างได้นั้นก็จะแบ่งออกเป็น มนุษย์ พิภพ นภา ดวงดาวและเทพซึ่งมีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น เทคนิคเทคนิคฝึกฝนพลังจิตที่มีอยู่ในสถาบันของเรานั้น ที่เปิดให้พวกเจ้าเข้าถึงได้นั้นคือเทคนิค ที่สร้างได้แค่รูนระดับมนุษย์เท่านั้น โดยรวมที่มีความสมบูรณ์มากกว่า 90% ถือว่าเป็นรูระดับดีเยี่ยม รองลงมาคือ 80% ถือว่าดี ระดับ 60 เปอร์เซ็นต์ถือว่าพอใช้ และ 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปถือว่าเป็นขยะ ถ้าต่ำกว่านั้นรูนก็จะพังทลายและสลายหายไป”
“สำหรับการบรรยายก็คงจบลงแค่นี้ ในชั่วโมงหน้าอาจารย์ฮาแมลจะเป็นผู้มาสอนพวกเจ้า” เมื่อเซลีนพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไปทันที
ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมาก 2 ชั่วโมง และการบรรยายก็จบลง
ดอนที่ในตอนนี้ ลองทบทวนคำพูดของเซลีนโดยไม่รู้ว่าการบรรยายนั้นได้จบไปแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนส่วนใหญ่ก็ทยอยออกจากห้องไปแล้ว
เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีแค่การบรรยายชั่วโมงแรกข้อใดข้อสงสัยถึงสิ่งที่เขาติดเมื่อคืนได้จะหมด การที่มีจอมอาคมมาบรรยายให้ฟังนั้นถือว่าได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก แล้วถ้าคนที่เป็นศิษย์โดยตรงจะได้ประโยชน์มากขนาดไหน เมื่อได้รับการสอนแบบตัวต่อตัว
ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะหาอาจารย์สักคนนึง แต่ด้วยพรสวรรค์ระดับ 3 คงเป็นไปได้ยากที่จะมีจอมอาคมรับเขาเป็นลูกศิษย์ เขาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เดินกลับไปที่ห้อง
ระหว่างที่เดินออกมาจากประตูเขาก็สังเกตเห็นว่ากำลังมีคนตะโกนขาย สมุดจดบันทึกอยู่ แล้วในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงต้องไปนั่งจบตอนช่วงบรรยาย มันก็เพื่อจดไว้อ่านและอีกอย่างเพื่อที่จะคัดลอกขายแลกผลึกพลังงานนั่นเอง
สำหรับผู้ใช้พลังงานฝึกหัดที่ไม่มีตระกูลจอมอาคมหนุนหลัง ผลึกพลังงาน 150 ก้อนนั้นถือว่าเป็นราคาที่มหาศาลมาก ทำให้มีความต้องการในการซื้อสมุดจดบันทึกที่จดโดยผู้ใช้พลังงานที่เข้าไปฟังบรรยาย ซึ่งมีราคาถูกกว่ามากถึงแม้มันอาจจะไม่ได้ถูกต้องทุกอย่างแต่ก็ยังดีกว่าจ่าย 150 ผลิตพลังงาน
ในการทำแบบนี้อันที่จริงนั้นก็ได้รับความยินยอมจากทางเบื้องบนของสถาบันเพราะคนที่ขายรายได้ส่วนหนึ่งจะต้องนำไปแบ่งให้กับจอมอาคมที่มาบรรยายในภาพนั้นๆด้วย
รายได้ของจอมอาคมที่อยู่ในสถาบันจะมาจากการที่เปิดบรรยาย หรือจะมาจากลูกศิษย์ที่เข้ามาเรียนรู้ติดตามก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับตัวจอมอาคม
บางครั้งรายได้ก็มาจากการขายยาหรืออาวุธทีถูกสร้างขึ้นมาดูจอมอาคมที่เป็นปรมาจรย์เล่นแร่แปรธาตุ
ดอนเดินเข้าไปหาคนที่ขายสมุดจดบันทึกและกล่าวว่า “เขาต้องการ 1 เล่ม”
“10 ผลึกพลังงาน” ผู้ช่วยพนักงานฝึกหัดที่เป็นคนขายยิ้มรับตอบดอน
เขาหยิบผลึกพลังงานออกมาจ่ายแล้วทันทีและรับสมุดจดบันทึกมา หลังจากนั้นก็เดินกลับห้อง
-------------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : อ่านเสร็จแล้วคอมเม้นมาติชมกันบ้างนะครับ