ตอนที่ 22 การทดสอบ
ตอนที่ 22 การทดสอบ
หลังจากที่นั่งตากน้ำค้างมาทั้งคืน แสงแรกของวันใหม่ก็มาเยือน บริเวณที่ดอนนั่งรออยู่ เป็นลานกว้างตรงกลางด้านหน้ามีแท่นทดสอบ
ทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น ก็มีชายชราแต่งกายด้วยผ้าคลุมสีขาวที่หน้าอกติดเข็มกลัดสีทอง เดินขึ้นมาบนเวที
“สวัสดีครับอาจารย์ไนเรล ขอบคุณที่ท่านมาเป็นประธานในครั้งนี้” ผู้ใช้พลังฝึกที่ทำหน้าที่รับลงทะเบียนทำความเคารพชายชราด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นเขาก็ไปยืนที่นั่นหลัง
อันที่จริงบนเวทีไม่ได้มีแค่ผู้ใช้พลังฝึกหัดที่ทำหน้าที่รับลงทะเบียน แต่ยังมีผู้ใช้พลังฝึกหัดคนอื่นๆที่เป็นตัวแทนของจอมอาคมท่านอื่นอีก
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในการคัดเลือกแต่ละครั้ง อาจจะมีผู้ที่มีพรสวรรค์ที่สูง ทำให้เกิดการแย่งชิงตัวของผู้ทดสอบเกิดขึ้น
จอมอาคมแต่ละคนนั้นจะรับลูกศิษย์เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายของตนเอง เพื่อเพิ่มอิทธิพลและอำนาจให้กับตัวเอง
แต่ก็ใช่ว่าจะมีจอมอาคมมาคอยดูด้วยตัวเองเพราะว่าสมาคมส่วนใหญ่จะเก็บตัวศึกษาคัดคาถาหรือทำการทดลองอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่มีเวลาว่างมาและจอมอาคมหลายคนก็คิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องเสียเวลาจึงได้มอบหมายให้ลูกศิษย์ที่อยู่ในสังกัดของตนมาทำแทน
“เจ้าคงมากันหมดแล้วสินะ เอาล่ะมาเริ่มทดสอบกันได้เลย ข้ามีสิ่งอื่นที่ต้องไปทำเรื่องนี้กันเถอะ” จอมอาคมชราพูดพร้อมกับหันไปเปิดใช้งานแท่นที่อยู่ด้านหลัง ทดสอบอันนี้มีลักษณะที่ใหญ่กว่าม้วนคัมภีร์พลังงานมาก มันคือเสาอาคมทดสอบศักยภาพในการเป็นผู้ใช้พลัง มันมีความแม่นยำกว่าม้วนคัมภีร์พลังงาน
และที่สำคัญมันสามารถทดสอบได้ทีละหลายๆคน
แท่นทดสอบเริ่มทำงานผู้ใช้พลังงานฝึกหัดที่เข้าร่วมในการทดสอบก็ถูกแบ่งออกเป็น 9 กลุ่มกลุ่มละ 10 คน ดอนอยู่ในกลุ่มสุดท้าย กลุ่มแรกเริ่มทยอยเดินขึ้นไปที่ท่านทดสอบ
แสงจากแท่นทดสอบก็ได้กวาดผ่านร่างของคนทั้ง 10 ที่ยืนอยู่บนแท่นทดสอบ เขาเห็นผู้ใช้พลังงานฝึกหัดที่เป็นผู้รับลงทะเบียน หยุดม้วนคัมภีร์พี่มีชื่อของทั้ง 10 คนขึ้นมา
หลังจากนั้นก็มีแสงยิงออกมาจากซอยทดสอบเข้าไปในคัมภีร์ คัมภีร์ทั้ง 10 รออยู่ตรงหน้าของผู้เข้ารับการทดสอบ
“ อัลเต ฟารา พรสวรรค์ระดับ 3 กลุ่ม 3”
“แอซ ราแอล พรสวรรค์ระดับ 4 กลุ่ม 2”
“คนต่อไป…...”
กลุ่มแรกคนที่เข้ารับการทดสอบส่วนใหญ่จะอยู่กลุ่ม 2 การทดสอบจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 3 คือพวกที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่ระดับ 3 ลงไป นั่นคือพวกที่ไม่มีโอกาสจะเป็นจอมอาคม
ส่วนกลุ่มที่ 2 นั้นจะเป็นพวกที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่ระดับ 4 ขึ้นไปจนถึงระดับ 5
แล้วสุดท้ายกลุ่มที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดจะมีตั้งแต่ระดับ 6 ขึ้นไปซึ่งหาได้ยากมาก คนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้จะถูกดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากสถาบันและได้รับการสอนโดยตรงจากสมาคมระดับสูงอีกทั้งทรัพยากรที่ได้รับก็มากกว่าด้วย
เราจะทดสอบมาได้ 3-4 กลุ่ม ก็ยังไม่มีใครที่มีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ใช้พลังเกินระดับ 4
“ลิริธ โอเฟียเลีย พรสวรรค์ระดับ 6 อยู่กลุ่ม 1”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคุยกันดังขึ้นมาทันที ทุกสายตามองไปที่เด็กสาวอายุสิบกว่าขวบท่าทางน่ารัก แต่งกายด้วยชุดสีชมพูตามแบบของเด็กสาวชนชั้นสูง ผิวของเธอดูขาวเนียนหน้าตาสวยงาม ผมสีทองและดวงตาสีฟ้าทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นไปอีก
การแสดงออกของเธอกับตรงกันข้ามกับรูปร่างของเธอ เธอยิ้มหวานด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความเหนือกว่าตามแบบฉบับคุณหนูที่เอาแต่ใจ
“โอ้ ดูท่าวันนี้ข้าจะโชคดี เจ้าชื่อลิริธใช่ไหม?” ไนเรลถามด้วยความสนใจพร้อมกับกวักมือเรียกให้เด็กสาวเดินเข้ามาหา
ลิริธเดินเข้ามาอยู่ห่างจากที่นั่งของไรเนล เล็กน้อยจากนั้นก็ทำความเคารพ “ใช่เจ้าค่ะ ข้าชื่อลิริธ มาจากตระกูลจอมอาคมโอเฟียเลียค่ะ”
“ตระกูลจอมอาคมโอเฟียเลีย เจ้ารู้จักยายเฒ่าลูซีนหรือไม่”
“รู้เจ้าค่ะ ท่านคือยายของข้าเอง”
“มิน่าล่ะเจ้าถึงมีพรสวรรค์ระดับนี้ที่แท้ก็คือหลานของยายเฒ่าลูซีนนั้นเอง เอาไว้เดี๋ยวข้าจะไปเยี่ยมยายเฒ่าของเจ้าก็แล้วกัน เจ้ายินดีจะมาเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่”
“ข้ายินดีเจ้าค่ะ” ลิริธถึงกับยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นการที่ได้เป็นศิษย์ของจอมอาคม ได้รับการชี้แนะและสั่งสอนโดยตรงนั้นถือว่าดีกว่าการที่ต้องมาเรียนรู้ด้วยตนเอง
จอมอาคมแต่ละคนจะมีมรดกเป็นของตัวเองซึ่ง ลูกศิษย์ที่ถูกรับโดยตรงนั้นก็จะได้เรียนรู้มันเช่นกันแล้ว ที่สำคัญราคาที่ต้องจ่ายนั้นก็จะถูกกว่าคนที่ไม่มีอาจารย์ ถึง 1 ใน 10 ของราคาทั้งหมด
ดอนมองไปที่เด็กสาวที่ตอนนี้ได้เป็นศิษย์ของไนเรลแล้ว เขารู้สึกคุ้นหน้าเป็นอย่างมากเหมือนว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน หลังจาก มองอยู่สักพักเขาก็จำได้ เธอคือเด็กสาวที่อิกรีออนชายหนุ่มที่เขาเจอบนเรือเหาะ เข้าไปคุยด้วยอย่างจะจบ
เขามองไปรอบๆแล้วก็เห็นอิกรีออนอยู่ในกลุ่มที่รอเข้ารับการทดสอบต่อไป
เมื่อเข้ารับการทดสอบอิกรีออน ก็ได้เป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับ 5 เลยทีเดียว มันทำให้อิกรีออนถึงกับยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “ฮ่าๆๆ พวกบ้านนอกอย่างเจ้าหรือจะมาสู้ข้า”
คำพูดของอิกรีออนทำให้ใครหลายถึงกับโกรธแล้วก็หมดนั่นทันที แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะนั่นคือความจริงที่ว่ามันเกิดมามีพรสวรรค์ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินโดยเฉพาะพวกที่มีพรสวรรค์ต่ำกว่าระดับ 3 ถึงกับก้มหน้าทันที
พรสวรรค์ไม่ได้เป็นแค่ตัวกำหนดของอาณาเขตวิญญาณ ไปยังรวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกฝนและสร้างอักขระอาคมเพื่อเลื่อนระดับพลัง คนที่มีพรสวรรค์สูงก็จะมีความเร็วในการสร้างอักขระอาคมได้เร็วกว่าคนที่มีพรสวรรค์ระดับต่ำ และทำให้ใช้เวลาน้อยกว่าและมีโอกาสสูงกว่าในการเลื่อนขึ้นเป็นจอมอาคม
ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับ 1 จะใช้เวลาในการเลื่อนขึ้นไปเป็นผู้ใช้พลังฝึกหัด ระดับผู้ใช้พลังใช้เวลา ถึง 5 ปี และเลื่อนขึ้นไปเป็นผู้ใช้พลังระดับผู้ควบคุมที่ต้องใช้เวลาถึง 20 ปีแต่คนที่มีพรสวรรค์ระดับสูงจะใช้เวลาแค่ 1 ปีหรือ 1 เดือนแค่นั้น
ซึ่งนั่นคือความแตกต่างและความสำคัญของพรสวรรค์
เมื่อถึงกลุ่มของดอน เขาก็เดินขึ้นไปบนท่านการทดสอบเมื่อเข้ามาใกล้ท่านทดสอบเขาก็เห็นลวดลายวงจรอาคมที่ชัดเจนมากมันถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำมันดูซับซ้อนและสวยงามเรากับเขาวงกต
แสงที่กวาดผ่านเขามันก็เหมือนกับม้วนคัมภีร์พลังงานที่เขาเคยใช้
เมื่อการทดสอบร่วมขึ้นเขา แสงที่ยิงไปในม้วนคัมภีร์ทดสอบของเขา ก็ระบุข้อความว่า
“เผ่า : มนุษย์”
“อายุ : 19”
“ระดับ : ผู้สัมผัส”
“พลังจิต : 3 (5) จุด”
“อาณาเขตวิญญาณ ขั้น 3 : 5 จุด” (ขั้น 3 รองรับอาณาเขตวิญญาณ ได้ 100 จุด)
“พลังกาย : 4 (8) จุด”
“ความอึด : 3 (7) จุด”
“ความเร็ว : 0.5 เมตร/วินาที”
“พลังงาน : 6 จุด”
“สัมพันธ์ธาตุ : โลหะ 50 % ,ดิน 17 %”
“พรสวรรค์ระดับ 3 อยู่กลุ่ม 3” ทันใดนั้นผู้ใช้พลังฝึกหัดที่เป็นผู้รับลงทะเบียนก็ตะโกนขึ้นมาดอนเดินไปรวมกับคนที่อยู่กลุ่ม 3 ทันที เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่เขาก็ยังคงอิจฉาพรสวรรค์ของอิกรีออน
อย่างน้อยเขาก็ได้เป็นผู้ใช้พลังฝึกหัดแล้ว ผิดกับหลานคนที่ถึงแม้อยากจะเป็นแต่ก็ไม่มีวันได้เป็น เขาได้แต่ทำใจให้พอใจกับสิ่งที่ตนเองมี
กลุ่มของดอนคือกลุ่มสุดท้ายในการเข้ารับการทดสอบ อันที่ จริงการทดสอบก็แค่การแบ่งกลุ่มของพวกเขา จากพวกมีพรสวรรค์และพวกไร้พรสวรรค์แค่นั้น เพราะสถาบันจอมอาคมยินดีที่จะรับ คนทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะจะได้ผลึกพลังงานเป็นค่าธรรมเนียมแลกกับการเขามาศึกษาที่นี่ ยิ่งคนเข้ามาเยอะสถาบันจอมอาคมก็ยิ่งได้ผลึกพลังงานที่เยอะ
คนที่อยู่ในกลุ่มหนึ่งมีแค่เด็กผู้หญิงที่ชื่อลิริธ คนเดียวเท่านั้นที่ถูกพาตัวไปโดยจอมอาคมไนเรล ส่วนกลุ่มที่ 2 นั้นก็ถูกผู้ใช้พลังฝึกหัดของสถาบันเข้ามาดึงตัวไปอย่างรวดเร็วเหลือทิ้งไว้แค่กลุ่มที่ 3 ที่ไม่มีอนาคตในการเป็นจอมอาคม
“พวกเจ้าอย่าน้อยใจไป ถึงอย่างไรชีวิตของพวกเราก็ดีกว่าคนธรรมดา ไม่แน่พูดเอาอาจจะมีวิธีหรือได้เป็นจอมอาคมก็ได้ในอนาคต เอาละตามข้ามาเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไป รับเครื่องแบบแนะนำเกี่ยวกับที่แห่งนี้ พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่า เดรโก้” เดรโก้ พากลุ่ม 3 ของดอนที่มีคนอยู่ประมาณ 60 คนเดินเข้าไปภายในหอคอย
ภายในหอคอย
ห้องแรกที่พวกเขาเข้ามาหลังจากพ้นประตูใหญ่มันเป็นเหมือนโถงกลางภายในมีร้านค้าที่ขายของเกี่ยวกับวัตถุดิบพลังงานและวัตถุดิบอาคมจำนวนมาก มีแม้กระทั่งยาและชุดเกราะ ผู้คนที่อยู่ด้านในนี้ทั้งหมดเป็นผู้ใช้พลังงานทั้งหมด
เขาหันไปมองดูรอบๆและนับจำนวนดูน่าจะมีเราๆ 1 ถึง 2 พันคน ห้องโถงนี้ใหญ่มากพอที่จะรองรับคนได้เป็นหมื่น
“เอาละตามข้ามาแล้วเตรียมผลิตพลังงานจำนวน 10 ก้อนไว้ด้วย เพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการเข้าเรียนที่นี่ แต่ถ้าใครไม่มีเชิญทุกเจ้าออกไปได้เลย ส่วนหนังสือหรือคาถาอาคมและวิชาที่เรียนนั้น ถูกต้องสามารถดูได้จากบอร์ดที่อยู่ตรงด้านหน้าห้องโถงตรงนั้น” เดรโก้ พาพวกเขามาที่ห้องมืดทางนึงพร้อมกับคุยกับผู้ใช้พลังงานฝึกหัดระดับผู้ควบคุมที่ทำหน้าที่แจกจ่ายของอยู่นั้น หลังจากนั้นก็หันมามองที่พวกเขา
เมื่อดอนเข้าไปในห้อง พร้อมกับคนอื่นที่ต่อแถวเข้าไป เขาจ่ายผลึกพลังงานไป 10 ก้อนและได้รับหนังสือมา 1 เล่มและผ้าคลุมสีเทา 1 ผืน เข็มกลัดเงินของหอคอยเอราธาเมีย กุญแจ 1 ดอก
กุญแจดอกนี้คือกุญแจห้องของเขาทุกๆ 1 เดือนเขาจะต้องจ่ายด้วยผลิตพลังงานจำนวน 10 ก้อน เป็นค่าธรรมเนียมในการอยู่ในสถาบันจอมอาคมแห่งนี้
ไม่อย่างนั้นห้องของเขาก็จะถูกยึดแล้วคงได้แต่ต้องนอนตอนทางเดินซึ่งมันถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเป็นยอดมากสำหรับจอมอาคม
ตอนเดินตามหมายเลขห้องที่อยู่บนกุญแจห้องของเขาอยู่ในชั้นที่ 2 ของหอคอย ภายในหอคอยแต่ละชั้นนั้นกินเนื้อที่หลายกิโลมัน อาจจะเรียกว่าว่าเป็นเมืองขนาดย่อมแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้เพียงแต่ข้างบนนั้นยังเป็นเพดานก็แค่นั้น
ทางเดินน้ำเป็นทางเกวียนขึ้นไปเรื่อย ๆ เดินมาหยุดอยู่ที่ห้อง 242 มันเป็นห้องขนาดเล็กกว้างประมาณ 5 ตารางเมตร ภายในไม่มีอะไรมากนอกจากโต๊ะ 1 ตัวเก้าอี้ 1 ตัวและเตียงนอน และห้องน้ำแค่นั้น ทุกอย่างภายในห้องนั้นดูเรียบง่าย
‘นี่มันเล็กกว่าห้องเช่าเก่าในโลกเก่าของข้าอีก’ ดอนได้แต่ยิ้มจากนั้นก็เข็นรถเข็นเข้าไปภายใน
บนโต๊ะนั้นมีฝุ่นหนามากดูเหมือนว่าห้องนี้จะไม่ได้มีการใช้งานมาเป็นเวลานานครับ
แต่มันก็ไม่แปลกเพราะภายในหอคอยนั้นมีชั้นจำนวนหลายร้อยชั้นในขณะที่ผู้ใช้พลังงานฝึกหัดนั่งมีจำกัดแค่ไม่กี่หมื่นคนนั้นมีจำกัด เมื่อเทียบกับประชากรมนุษย์ธรรมดาที่ล้อมรอบอยู่ในเมืองยาลันซา ประชากรถึง 100 ล้านคนในพื้นที่บริเวณรอบข้างทั้งหมดของเมือง
ตัวต่อส่วนผู้ใช้พลังงานของประชากรภายในเมืองนี้คือ 100 ต่อ 100,000 คน อัตราส่วนนี้นั่นนับรวมถึงผู้ใช้พลังงานฝึกหัดที่เดินทางมาจากเมืองอื่นด้วย ไม่เช่นนั้นประชากรอาจจะเทียบได้ถึงหนึ่งในแสนก็ได้ แต่ต้องไม่ลืมไปว่าภายในเมืองอื่นก็ไม่มีผู้ใช้พลังงานฝึกหัดหรือจอมอาคมเยอะเหมือนเมืองที่มีสถาบันสมาคมตั้งอยู่
ดอยหยิบหนังสือที่ทางสถาบันแจกมาให้นั้นมันอธิบายในเรื่องของประวัติความเป็นมาของสถาบันเอราธาเมียและกฎข้อบังคับต่างๆ
สถาบันเอราธาเมีย ผู้ก่อตั้งเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับสถาบันชั้นนำอื่นๆ สถาบันเอราธาเมียจัดอยู่ในสถาบันระดับกลางเท่านั้น เมื่อเทียบกับทางสหพันธ์
โดยในหอคอยเอราธาเมียจะแบ่งออกเป็น 100 ชั้น ผู้ใช้พลังฝึกหัดสามารถขึ้นไปได้แค่ ชั้นที่ 10 เท่านั้น ส่วนชั้นถัดไปจะเป็นของจอมอาคม ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของของแต่ละชั้นก่อน
เขารีบเปลี่ยนชุดเป็นชุดของสถาบันทันทีมันถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีเทาและติดเข็มกลัดเงินรูปหอคอยไว้ที่หน้าอก
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำต่อนั่นก็คือ การหาเทคนิคพลังงานและความรู้ในด้านของศาสตร์อาคมต่าง ๆ
-------------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : อ่านเสร็จแล้วคอมเม้นมาติชมกันบ้างนะครับ